ดีเอสไอสั่งสอบเจ้าหน้าที่โพสต์ให้ข่าว จ่อจับพระวัดดังเพิ่ม คดีเงินทอนวัด
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งชี้แจงและสอบข้อเท็จจริง "พิสิฐชัย" โพสต์เฟซบุ๊กให้ข่าว จ่อจับพระวัดดัง คดีเงินทอนวัด
หลังจาก นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าจะมีการจะมีการจับกุมเจ้าอาวาสวัดต่างๆ ในคดีเงินทอนวัดเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา
โดย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยถึงกรณีดังกล่าวว่า การโพสต์ข้อความของนายพิสิฐชัย เป็นการแสดงความเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับดีเอสไอ ถึงแม้ภาพในรูปโปรไฟล์เฟซบุ๊กของนายพิสิฐชัย จะใส่เครื่องแบบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอก็ตาม โดยในช่วงบ่าย วันที่ 10 มิ.ย.นี้ ทราบว่าตำรวจกองบังคับการปราบปราม ได้เชิญนายพิสิฐชัย เข้าให้ข้อมูลถึงที่มาของกระแสข่าวดังกล่าว และวัตถุประสงค์ในการโพสต์ข้อความดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้จากการตรวจสอบเฟซบุ๊กส่วนตัวนายพิสิฐชัย เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 มิ.ย.นี้ พบว่ายังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เพิ่มเติม ซึ่งโพสต์ล่าสุดยังเป็นโพต์เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน เรื่องการแจ้งเรื่อง 4 วัด ที่ตำรวจจะเข้าตรวจสอบ
ทั้งนี้รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นายพิสิฐชัย เป็นพนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษกอง สำนักคดีภาษีอากร ดีเอสไอ ส่วนสำนวนคดีเงินทอนวัด สำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอเป็นผู้รับผิดชอบ หลังศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) มอบหมายให้ดีเอสไอตรวจสอบงบประมาณการใช้จ่ายของวัดทั่วประเทศ
อีกทั้งนายพิสิฐชัย ได้มอบหมายให้เป็นหนึ่งในชุดเจรจากับพระวัดธรรมกาย เมื่อครั้งปฏิบัติการจับตัวพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เมื่อปีที่ผ่านมา
ล่าสุด อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีคำสั่งให้มีการชี้แจงและสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยระบุว่า...
“ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อต่างๆ กรณีนายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชานาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ลงข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัวว่าจะมีการจับกุมดาเนินคดีกับ เจ้าอาวาสวัดต่างๆ เกี่ยวกับคดีเงินทอนวัด ซึ่งการดาเนินคดีอาญาในเรื่องดังกล่าวเป็นอานาจของพนักงานสอบสวน สานักงานตารวจแห่งชาติ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมนั้น
วันนี้ (10 มิ.ย.) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สั่งการให้ผู้อานวยการกองคดีภาษีอากร ซึ่งเป็นต้นสังกัดของนายพิสิฐชัย รายงานข้อเท็จจริงมาเพื่อพิจารณาดำเนินการแล้ว เนื่องจากคดีดังกล่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษมิได้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง แม้จะเป็นการเขียนในเฟซบุ๊ค ส่วนตัว แต่นายพิสิฐชัย เป็นข้าราชการระดับสูงของกรมสอบสวนคดีพิเศษ อาจทาให้สังคมสับสนและเกิดความเสียหายต่อผู้เกี่ยวข้องได้
อนึ่ง ในส่วนที่มีข่าวว่านายพิสิฐฯ ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะอนุกรรมการของ มส.นั้น ได้มอบหมายให้กองคดีภาษีอากรสอบถามในประเด็นดังกล่าวไปยังสานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพื่อนามาประกอบ การพิจารณาด้วยแล้ว จึงประชาสัมพันธ์ให้ทราบโดยทั่วกัน"