ร้องจ๊ากเลยทีเดียว! "กกพ." เตือนให้ทำใจ ปีหน้าค่าไฟขึ้นแน่นอน
"กกพ." เตือนให้ทำใจปีหน้าค่าไฟฟ้าขึ้นตามราคาน้ำมันแน่นอน ส่วนปีนี้ยังกินบุญเก่าเงินลงทุนล่าช้า 6 พันล้านบาทช่วยไว้
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล โฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) ในปีนี้ คงจะไม่ขยับขึ้นแม้ว่าราคาน้ำมันช่วงนี้จะขึ้นมาราว 20 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการคำนวณค่าเอฟทีงวดที่แล้วจาก 50 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 60-70 ดอลลาร์/บาร์เรล และมีผลทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการผลิตไฟฟ้าของประเทศขยับขึ้นตามมา อย่างไรก็ตาม งวดปีหน้าค่าไฟฟ้าจะต้องขยับขึ้นแน่นอน ขอให้ประชาชนประหยัดพลังงานอย่างต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
สาเหตุที่คาดว่าค่าไฟฟ้าปีนี้จะไม่ขยับขึ้น เพราะยังมีเงินคงค้างของ 3 การไฟฟ้าที่เหลืออยู่ 6,000 ล้านบาท นำมาบริหารจัดการดูแลได้ราว 8-10 สตางค์/หน่วย เพราะค่าไฟฟ้าเอฟทีทุก 1 สตางค์/หน่วย มีผลด้านการเงิน 600-680 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน ต้องดูปริมาณการใช้ไฟฟ้าซึ่งปีนี้การใช้ไฟฟ้าไม่ได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เพราะฝนมาเร็ว และค่าไฟฟ้ายังต้องดูทิศทางค่าเงินบาทด้วย หากเงินบาทอ่อนค่าลง ต้นทุนค่าไฟฟ้าก็จะเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ค่าไฟฟ้าเอฟทีจะพิจารณาทุก 4 เดือน โดยปีนี้ยังเหลือเวลาอีก 1 งวด คือ ก.ย.- ธ.ค. ซึ่งคณะกรรมการ กกพ. จะประชุมเพื่อพิจารณาและแถลงในวันที่ 5 ก.ค. ซึ่งค่าเอฟที งวด พ.ค. – ส.ค. 61 และงวด ม.ค. – เม.ย. 61 อยู่ที่อัตราเท่ากันคือ 15.90 สตางค์/หน่วย
>> "กฟผ." ออกโรงเตือน! เตรียมรับมือค่าไฟแพงขึ้น
สำหรับมาตรการลดการใช้ไฟฟ้า ล่าสุด กกพ.ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จัดทำ “โครงการนำร่องมาตรการความร่วมมือลดการใช้ไฟฟ้า (Demand Response – DR) ในรูปแบบ Critical Peak Pricing (CPP)” ซึ่งการใช้มาตรการ DR ในครั้งนี้ จะใช้การลดค่าไฟแทนการจ่ายเงินชดเชย เพื่อจูงใจให้ผู้ใช้พลังงานขนาดใหญ่ หลีกเลี่ยงการใช้ไฟฟ้าช่วง 13.30 น. – 15.30 น. ซึ่งเป็นเวลา Critical Peak สำหรับรอบบิลเดือนสิงหาคม 2561
โดยการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งจะเปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมโครงการฯ โดยสมัครใจ ตั้งแต่วันที่ 15-30 มิถุนายน 2561 โดยรับสมัครทางเว็บไซต์ของ 3 การไฟฟ้า วางเป้าหมายลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลา Critical Peak (เวลา 13.30 - 15.30 น. ของวันจันทร์-ศุกร์ ยกเว้นวันหยุดราชการ) ลงไม่น้อยกว่า 100 เมกะวัตต์ จากผู้ที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ประมาณ 1,100 เมกะวัตต์ จำนวนเกือบ 6,100 ราย
สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการต้องเป็นผู้ใช้พลังงานประเภทที่ 4 (กิจการขนาดใหญ่) ที่ใช้ไฟฟ้าอัตรา TOU และมีเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าแบบ AMR ซึ่งหากเข้าร่วมจะลดค่าไฟฟ้าในช่วงพีกจากปกติลงไปประมาณ 1 บาทต่อหน่วย เช่น ประเภทแรงดันขนาดกลาง ค่าไฟฟ้าทีโอยูจะลดจาก 4.20 บาทต่อหน่วย เหลือ 3.27 บาทต่อหน่วย
ส่วนช่วง Off-Peak ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในช่วง CPP ค่าทีโอยูจะเพิ่มจาก 4.20 บาท/หน่วย เป็น 9.34 บาทต่อหน่วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นช่วงสมัครใจ หากเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมใช้ไฟฟ้าได้ ค่าไฟฟ้าก็จะลดลง แต่หากยังเปลี่ยนไม่ได้ ค่าไฟฟ้าจะเท่าเดิม
"เรื่อง DR เป็นการจูงใจให้คนเริ่มเข้าโครงการในเบื้องต้น ก่อนที่จะประกาศเป็นหนึ่งในมาตรการหลักลด Peak ในปี 67-68 ซึ่งช่วงนั้นจะเปิดรับสมัคร และมีบทลงโทษหากทำตามข้อกำหนดไม่ได้ โดยตั้งเป้าหมายจะลดการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ที่เกิดขึ้นจากการรองรับ Peak ในอนาคต 500 เมกะวัตต์ ช่วยลดต้นทุนและลดความเสี่ยงการใช้พลังงานในอนาคต" นายวีระพล กล่าวปิดท้าย