3 แกนนำนปช.นอนคุกต่ออีก 7 วัน
ศาลอาญามีคำสั่งให้ฝากขัง 3 แกนนำนปช.ต่ออีก 7 วัน พร้อมนัดฟังคำสั่งปล่อยตัวตามม. 90 ในพรุ่งนี้บ่ายโมงครึ่ง ตร.คุมเข้มม็อบเสื้อแดงทำบุญแยกดินแดง ตร.อุดรเพิ่งตื่นแจ้งจับ ขวัญชัย ข้อหาจิ๊บจ้อย แนะรื้อ กม.ยุบพรรคต้องทำให้เหมาะสม ฟอร์ด ส่งรถกันกระสุนให้ทีมรปภ.สุเทพ 2 คัน
(22 เม.ย.) เมื่อเวลา 16.30 น. ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้พนักงานสอบสวนควบคุมตัวนายวีระ มุสิกพงษ์ , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนพ.เหวง โตจิราการ สามแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ผู้ต้องหาในคดีปลุกระดมมวลชนให้ทำการละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และมั่วสุ่มกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ต่ออีก 7 วัน ทั้งนี้ตามพร.ก.บริหารราชการในสถาการณ์ในภาวะฉุกเฉิน
ขณะเดียวกันศาลได้มีคำสั่งนัดฟังคำสั่งคดีที่ 3 แกนนำนปช.ยื่นขอปล่อยตัวตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 90 เนื่องจากถูกคุมขังโดยมิชอบ ในวันพรุ่งนี้เวลา 13.30 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาฯ ภายหลังจากที่ศาลได้ไต่สวนนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาครม.ฯ และนายคารม พลทะกลาง ทนายความนปช.ไปแล้วตั้งช่วงบ่าย
ตร.คุมเข้มม็อบเสื้อแดงทำบุญแยกดินแดง
เมื่อเวลา 15.30 น.พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ โฆษก บช.น. กล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงจะมาทำพิธีทำบุญที่สามเหลี่ยมดินแดง ในวันที่ 23 เม.ย. นี้ว่า เรื่องนี้กำลังตรวจสอบอยู่ แต่ก็ได้รับการกำชับมาจาก กอฉ.ตร. ให้ตรวจสอบและดูแลเรื่องนี้ หากเป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลก็คงทำได้ แต่หากมีการแอบแฝงชุมนุมเรื่องการเมืองคงทำไม่ได้เพราะมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ ซึ่งเชื่อว่าไม่น่ามีมือที่3 เข้ามาเพราะมีพ.ร.ก.อยู่ ส่วนกลุ่มเสื้อแดงที่ถูกออกหมายจับ 20 คน หลังก่อเหตุที่กระทรวงมหาดไทยขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อเข้ามา ซึ่งบช.น.ก็ให้ รอง ผบช.น. แต่ละท่านรับผิดชอบหมายจับ ซึ่งบก.ก็รับหน้าที่ไปติดตามแล้วโดยแบ่งงานให้กองสืบแต่ละแห่งคอยติดตาม และให้เปิดเผยความคืบหน้าทุก 18.00 น.ของทุกวัน
ตร.ภาค4ยึกยักสั่งรื้อสำนวนเอาผิดเสื้อแดง
เมื่อเวลา 13.30 น.รศ.นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีต ผอ.ศูนหัวใจสิริกิตติ รพ.ศรีนครินทร์ ได้เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมและข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ผ่านนายทรงพล จำปาพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ที่ศาลากลาง จ.ขอนแก่น โดยมีกลุ่มเสื้อแดงขอนแก่น ที่สวมเสื้อสีทั่วไป จำนวน 30 คน เดินทางมาให้กำลังใจพร้อมกับมอบดอกไม้ และชูป้าย เขียนข้อความอาทิ ขอความเป็นธรรมให้กับคุณหมอเชิดชัย คุณหมอเชิดชัย สู้ สู้ คุณหมอเชิดชัยนักสู้เพื่อประชาชน เป็นต้น
จากเอกสารที่ รศ.เชิดชัย ได้นำหนังสือขอความเป็นธรรมมายื่นผ่าน นายทรงพล จำปาพันธุ์ รองผู้ว่าราชการ จ.ขอนแก่นที่รับผิดชอบด้านความมั่นคง เพื่อยื่นต่อให้นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า การชุมนุมของประชาชนที่จ.ขอนแก่น ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม ถึงวันที่ 14 เมษายน 2552 นั้นพวกเราได้เข้าร่วมกิจกรรมในบางโอกาสพบว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ สันติ และปราศจากอาวุธ ตามรัฐธรรมนูญ แต่มีข่าวว่าได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบางนายรับผิดชอบพยายามตั้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ชุมนุมและแกนนำว่าได้กระทำผิด
การที่รัฐบาลได้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมเข้าใจว่ามีการใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามประชาชนมีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้น ซึ่งเป็นการยั่วยุให้ประชาชนผู้รักความเป็นธรรมออกมาชุมนุมเพื่อต่อต้านการกระทำของรัฐบาลมากขึ้น จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อก่อให้เกิดบรรยากาศที่สงบ ให้ปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมและแกนนำอย่างยุติธรรม และให้แก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบสภาโดนเร็วเพื่อคืนอำนาจอธิปไตยให้ประชาชน รวมทั้งให้เปิดสถานีวิทยุและโทรทัศน์ตลอดจน Website ที่รัฐได้สั่งปิด เพื่อให้ประเทศไทยเข้าสู่การมีประชาธิปไตยเข้าสู่การมีประชาธิปไตยมีความสงบ มีความสมานฉันท์ จากนั้นได้ยื่นหนังสือให้กับรองผู้ว่าราชการจังหวัด ก่อนที่กลุ่มเสื้อแดงขอนแก่นจะเดินทางแยกย้ายกันกลับโดยสงบ
รศ.นพ.เชิดชัย กล่าวว่า การเดินทางเข้าพบรองผวจ.ขอนแก่น เพราะต้องการที่จะมาขอบคุณที่ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นใน จ.ขอนแก่น เพราะมีข่าวว่าจะมีการเผาสถานที่ราชการ และสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ซึ่งชาวขอนแก่นเองก็แสดงว่าการชุมนุมอยู่ในความสงบ อีกทั้งการเข้าพบในครั้งนี้เพราะมีข่าวว่าจะมีการดำเนินการกับผู้มาชุมนุมและแกนนำ เพื่อเอาผิดตามกฎหมาย และผู้ก่อการร้าย หรือกบฏ ซึ่งไม่เป็นธรรม และเป็นการย้ำว่ารัฐบาลมีการกระทำที่เป็น 2 มาตรฐาน จึงมาเรียกร้อง นอกจากนี้เหตุการณ์บ้านเมืองที่ไม่สงบ มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีทหารถืออาวุธสงคราม ซึ่งเป็นภาพที่ไม่ดี การชุมนุมโดยสงบก็ทำได้ลำบาก และยังทำให้เป็นภาพลบ และกระบวนการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลก็ยังไม่ชัดเจน จึงเดินทางมาเรียกร้อง
การเดินทางมาชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เข้าปิดล้อมสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 ขอนแก่น โดยตนยืนยันว่าไม่ใช่แกนนำ แต่ตนเป็นเพียงผู้รักประชาธิปไตยมาร่วมชุมนุมเท่านั้น และการที่มีมวลชนมาปิดเอ็นบีทีก็เพราะชาวบ้านไม่พอใจที่สถานีโทรทัศน์แห่งนี้เสนอข่าวด้านเดียว และไม่เสนอข่าวอีกด้านจึงทำให้ผู้ชุมนุมโกรธแค้น และอาจจะเกิดเหตุรุนแรงตนจึงต้องเข้าไปดู และพยายามเจรจาให้สงบ
ส่วนกรณีที่มีการปิดถนนมิตรภาพ บริเวณบ้านกุดกว้าง ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 13 เม.ย. นั้น เรื่องนี้ต่อเนื่องมาจากการปิดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ขอนแก่น เพราะสถานการณ์ขณะนั้นอาจจะเกิดความรุนแรง จนอาจมีการเผาสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที จริงๆ จึงได้ทำการเคลื่อนย้ายมวลชนไปปิดถนนมิตรภาพที่อยู่ห่างจากสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีขอนแก่นแทน ถึงแม้จะส่งผลกับประชาชนบ้างเล็กน้อยแต่เป็นการทำชั่วคราว และเพื่อเป็นการกดดันรัฐบาลที่นำทหารออกมาปราบปรามประชาชนอยู่จะได้เลิกทำ
"การออกมาเคลื่อนไหวในกลุ่มคนเสื้อแดงผมไม่ได้มาชุมนุมเรียกร้องเพื่อสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ผมออกมาเรียกร้องตามระบอบประชาธิปไตย ที่รัฐบาลมีการนำทหารออกมาปราบปรามประชาชน และการขึ้นเวทีเสื้อแดงเชื่อว่าไม่ส่งผลกับทางมหาวิทยาลัยขอนแก่น และไม่ส่งผลกับการรักษาผู้ป่วยทั้งเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง " รศ.นพ.เชิดชัย กล่าว
รศ.นพ.เชิดชัย กล่าวต่ออีกว่าตนยืนยันได้ว่าไม่ได้เป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ตนเป็นเพียงผู้ร่วมชุมนุม และมีการพยายามที่จะให้ตนเป็นแกนนำ แต่ชาวบ้านที่มาชุมนุมโดยสงบค่อนข้างที่จะมีอารมณ์ ตนคิดว่าน่าจะมีการชุมนุมที่มีสาระ และเป็นประโยชน์ ต้องแสดงให้เห็นว่าการชุมนุมไม่ใช่มีแต่ชาวบ้าน แต่ยังมีคนระบบนายแพทย์อย่างตนก็มี
ส่วนกรณีที่นายตุล ประเสริฐศีล ประธานเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอรัปชั่นจังหวัดขอนแก่น พร้อมนายเอกราช ช่างเหลา สมาชิกพรรคภูมิใจไทย สาขา ขอนแก่น และแกนนำในกลุ่มเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอรัปชั่น จ.ขอนแก่น เข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษตน และนายขวัญชัย สาระคำ หรือ ขวัญชัย ไพรพนา กับพวกชุมนุมที่ขอนแก่น กรณีปิดถนนมิตรภาพ การบุกรุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ขอนแก่นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา พร้อมกับส่ง วีซีดี จำนวน 1 ชุด และข่าวจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง มาให้เป็นหลักฐาน เรื่องนี้ตนยังไม่ได้รับรายงาน ซึ่งเรื่องนี้ทางเรายังไม่รับทราบเลยว่าผู้เสียหายคือใคร
สำหรับ รศ.นพ.เชิดชัย ที่เข้าพบรองผวจ.ขอนแก่นวันนี้ เป็นน้องชาย พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นที่น่าสังเกตว่าไม่มีแกนนำกลุ่มเสื้อแดงคนอื่นมาร่วมแต่อย่างใด และ รศ.นพ.เชิดชัย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแกนนำของกลุ่มเสือแดงที่บุกเข้าไปในสถานีวิทยุโทรทัศน์เอ็นบีทีขอนแก่น และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เอฟเอ็ม ทีวีขอนแก่น 2 รอบ ในช่วงวันที่ 12 เม.ย.และ 13 เม.ย.โดย รศ.นพ.เชิดชัย เป็นผู้นำอ่านแถลงการณ์ด้วยตัวเอง และผู้บริหารสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ขอนแก่นได้เข้าแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองขอนแก่น และอยู่ระหว่างการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องในข้อหาความผิดฐานบุกรุกสถานที่ราชการ
พล.ต.ต.พัฒนี ศิริวัฒนี ผบก.ภจว.ขอนแก่น กล่าวว่ากรณีการชุมนุม และปิดถนนมิตรภาพของกลุ่มเสื้อแดงขอนแก่น ได้สอบพยานแล้ว 22 ปาก และได้สรุปสำนวนคดีเสร็จเรียบร้อยคาดว่าจะส่งศาลออกหมายจับได้ไม่เกินวันที่ 22 เม.ย. แต่มีคำสั่งจาก พล.ต.ต.วรนิต ทองมี รองผู้บัญชาการภาค 4 ที่ได้รับมอบหมายจากพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.ภ.4 ให้ดูแลคดีเกี่ยวกับม็อบเสื้อแดงที่สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนส่วนรวม ให้กลับไปทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยไม่ได้กำหนดเวลา เช่นเดียวกับสำนวนคดีของจังหวัดหนองคาย และอุดรธานี
ตร.อุดรเพิ่งตื่นแจ้งจับ"ขวัญชัย"ข้อหาจิ๊บจ้อย
พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ได้เรียกประชุมพนักงานสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี และกลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี เพื่อติดตามความคืบหน้า การดำเนินคดีกับนายขวัญชัย สาราคำ หรือ ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ที่นำกลุ่มคนเสื้อแดงไปปิดถนนอธิบดี หน้าศาลากลาง จ.อุดรธานี และถนนมิตรภาพ สี่แยกบายพาสอุดรธานี-ขอนแก่น โดยเป็นการประชุมลับ และมีคำสั่งห้ามให้ข่าวแก่สื่อมวลชน
คืนที่ผ่านมา พ.ต.ต.สุริยะ เลิศภูมิปัญญา สวป.สภ.เมืองอุดรธานี เข้าแจ้งความร้องทุกกล่าวโทษนายขวัญชัย สาราคำ กับพวก ต่อ พ.ต.ท.ภาณุวัฒน์ ธรรมธาดา พงส.สบ.2สภ.เมืองอุดรธานี ที่นำผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ได้กระทำผิดตามประมวลกำหมายอาญา ม.116(3) คือ ร่วมกันเป็นผู้กระทำให้ปรากฎ แก่ประชาชน วาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำ ภายใต้ความมุ่งหมายแห่งรัธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงมะเมิดกฎหมายแผ่นดิน และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ตาม พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 หรือ พรบ.ที่มีโทษทางอาญาอื่นต่อไป จนกว่าคดจะถึงที่สุด เหตุเกิดที่ศาลากลาง จ.อุดรธานี ถ.อธิบดี ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี , สี่แยกถนนเลี่ยงเมือง อุดรธานี-ขอนแก่น ต.บ้านจั่น อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 12 เมายน 2552 ทั้งกลางวันและกลางคืน พนักงานสอบสวนได้รับคำรร้องทุกข์ตามคดีอาญา ที่ 2440/2552 และได้เสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อสั่งการตามลำดับชั้น และจะได้เร่งรัดสืบสวนสอบสวนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ ได้สร้างความหนักใจแก่พนักงานสอบสวนพอสมควร เพราะตำรวจอุดรธานีส่วนใหญ่"เสื้อแดง" ทำให้เกิดปัญหาหลักฐานเทปบันทึกเสียง และภาพเสียงวีดีโอเทปไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ รวมทั้งในวันปิดถนนมิตรภาพ มีภรรยาตำรวจอุดรธานี และครอบครัวตำรวจอุดรธานี เดินทางไปร่วมปิดถนนด้วย
วงสัมมนาขรก.ยุติธรรมชำแหละกม.ยุบพรรค
ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 7 อาคารสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ถนนรัชดาภิเษก วิทยาการยุติธรรม สถาบันข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม จัดสัมนาเรื่อง"มาตราการยุบพรรคในรัฐธรรมนูญ : มีผลต่อการพัฒนาทางการเมืองอย่างไร" โดยมีนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ศาสตราจารย์ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ คณบดีคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ หัวหน้าภาควิชากฏหมายมหาชนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมี ดร.เสนีย์ สุวรรณดี รองอธิบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนามหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตเป็น ผู้ดำเนินการสัมนา
นายสมคิด กล่าวว่า การยุบพรรคจึงไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในเมืองไทย เพราะรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาทั้ง 6 ฉบับมีกฏหมายว่าด้วยการยุบพรรคทั้งสิ้น แต่เหตุที่มีการพูดถึงในเชิงวิชาการเนื่องมีเป็นการยุบพรรคการเมืองขนาดใหญ่อย่างพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จึงมีการวิพากษ์มีจารณ์กันอย่างหนาหู ซึ่งตนมองว่า ถ้าจะแก้ไขสามารถทำได้แต่ก็ต้องหามาตรการใหม่ๆ ที่มีความเหมาะสมและดีกว่า ส่วนคำวินิจฉัยยุบพรรคทั้ง 3 ที่ผ่านมาก็มีเหตุในการวินิจฉัยทั้งสิ้น
ด้านนายวรเจตน์ กล่าวว่า ควรปล่อยให้ประชาชนเรียนรู้พัฒนาการทางการเมืองมากกว่าที่จะให้ฏกหมายเหล่านี้เป็นตัวเร่ง เพราะหากยังมีบทบัญญัติอย่างนี้ต่อไป ทุกพรรคการเมืองย่อมมีสิทธิ์ถูกยุบหมด และมาตรา 237 ว่าด้วยการยุบพรรค จะไม่มีปัญหามากขนาดนี้หากศาลตีความไปในทางประชาธิปไตย นอกจากนี้ ตนมองว่าเหตุที่จะมีการตัดสินให้ยุบพรรคต้องเป็นพรรคที่ตั้งขึ้นมาเป็นปรปักษ์กับระบอบประชาธิปไตยซึ่งเมื่อตั้งขึ้นมาแล้ว หลังได้รับเลือกมาใช้อำนาจรัฐทำลายระบอบประชาธิปไตย และเหตุที่จะยุบพรรคได้พรรคนั้นต้องไม่ประสงค์จะดำเนินการทางเมือง
"ส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคในทางเทคนิคเช่นที่ผ่านมา เดิมรัฐธรรมนุญบับ 40 ที่ยุบพรรคไทยรักไทยที่อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญผลก็ไม่ได้มีการตัดสิทธิ์ทางการเมือง เพียงแต่กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยจะไปเป็นกรรมการบริหารพรรคอื่นอีกไม่ได้ ซึ่งไม่ได้กระทบสิทธิส่วนบุคคลเท่ากับฉบับ 50 ที่ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค ทำให้ปัจจุบันผู้ที่มีความรู้ความสามารถไม่อยากเป็นกรรมการบริหารพรรค เนื่องจากกลัวว่าจะถูกตัดสิทธิ์ โดยผมอยากจะถามว่ากระบวนการยุบพรรคที่ผ่านมามันชอบด้วยหลักนิติรัฐ และนักการเมืองไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ เพราะส่งผลให้ไม่มีประโยชน์ในการพัฒนาทางการเมือง"นายวรเจตน์กล่าว
ด้านนายถาวร กล่าวว่า การยุบพรรคสามารถทำได้หากมีการพิสูจน์ทางการเมืองด้วยกระบวนยุติธรรมว่ามีการกระทำผิดจริงของกรรมการบริหารพรรค และมองว่าพรรคการเมืองเกิดได้ก็ย่อมดับได้ ส่วนการยุบพรรคนั้นต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนั้นด้วยว่า สมควรใช้ยาอ่อนหรือยาแรงแค่ไหน แต่อย่างไรก็ตามการยุบพรรคย่อมต้องมีผลกระทบต่อการพัฒนาการเมืองอย่างแน่นอน ต้องยอมรับว่าพรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมือง ที่พูดมาคือนักการเมืองเองที่ไม่ดีมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงนำไปสู่ความไม่ดี
"สิ่งที่เจ็บช้ำน้ำใจมากเมื่อมีการปฏิวัติที่เกิดจากการทุจริต เพราะฉะนั้นถ้าไม่เอานักการเมืองไม่ดีออกจากจาการเมืองซะบ้างบ้านเมืองก็ยังมีการทุจริตซ้ำซาก และพรรคการเมืองที่จะถูกยุบ เนื่องจากมีการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยคงเพียงพอที่จะบัญญัติไว้สำหรับการยุบพรรคการเมือง นอกจากนี้การเป็นปรปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยควรเป็นเรื่องหลักที่จะทำให้ยุบได้ ส่วนความผิดของนักการเมืองต้องมีการพิสูจน์ว่าใครผิด การตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคต้องมีการรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดด้วย
สำหรับนายพงษ์เทพ กล่าวว่า การยุบพรรคการเมืองถือว่าเป็นปัญหาสำคัญ เพราะถ้าไม่มีพรรคการเมืองระบอบประชาธิปไตยคงไม่เกิดขึ้น และหากไม่มีพรรคการเมืองให้ผู้สมัครส.ส.สังกัดแล้วนโยบายที่ใช้หาเสียงกับประชาชนจะทำเองเพียงคนเดียวไม่ได้ ต้องทำงานร่วมกันของสมาชิกในพรรคเดียวกันเพราะการสังกัดพรรคคือการรวมคนที่มีความรู้ความสามารถร่วมระดมความคิดช่วยกันทำงาน ผลกระทบที่ได้รับจากการยุบพรรคตนมองว่าพรรคการเมืองต่อไปจะมีอายุสั้นและไม่สามารถพัฒนาเป็นสถาบันได้ และต่อไปเราจะเห็นเฉพาะกรรมการบริหารพรรคที่มีเฉพาะตัวแทน เนื่องจากตัวจริงกลัวจนไม่กล้ามาแสดงตัว และในแต่ละพรรคการเมืองก็จะหากรรการบริการพรรคยากขึ้น เนื่องจากไม่มีใครกล้าที่จะเป็นกรรมการบริหารพรรคกลัวว่าจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ขณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)และศาลรัฐธรรมนูญก็มีอำนาจล้นมือเปรียบเหมือนกับกำลังถือปืนจี้รัฐบาลตลอดเวลา เพราะถือว่าองค์กรดังกล่าวมีอำนาจเหนือรัฐบาลเหนือรัฐสภา และหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปรัฐบาล จะมีเสถียรภาพได้อย่างไร
"ฟอร์ด"ส่งรถกันกระสุนให้ทีมรปภ.สุเทพ 2 คัน
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 22 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล ตัวแทนจำหน่วยรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ดได้นำรถยนต์โฟลวีล ฟอร์ด เอฟเวอร์เรต จำนวน 2 คันมามอบให้ชุดรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ทดลองใช้ โดยรถดังกล่าวได้ประกอบขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษต่างจากรถฟอร์ด เอฟเวอร์เรตทั่วไปที่มีจำหน่ายในท้องตลาด เนื่องจากใช้กระจกนิรภัยกันกระสุนรอบคัน ส่วนตัวถังใช้วัสดุที่มีความหนาแน่นเป็นกรณีพิเศษสามารถกั้นกระสุน โดยเฉพาะปืนไรเฟิลก็ยังไม่อาจยิงทะลุได้ ขณะที่ล้อรถยนต์ผลิตจากยางที่มีคุณสมบติพิเศษ แม้จะถูกยิงจนยางแตก ก็ยังสามารถประคองรถต่อไปได้ ทั้งนี้รถรุ่นดังกล่าวจะผลิตและส่งออกไปยังประเทศที่มีภาวะสงคราม อาทิ ประเทศอัฟกานิสถาน ประเทศอิรัก ฯลฯ โดยมีราคาประมาณ 5 - 6 ล้านบาท