ผบ.ทบ.รับกระสุนยิง สนธิ ใช้ในทัพภาค1 จริง แต่เป็นกระสุนฝึก!

ผบ.ทบ.รับกระสุนยิง สนธิ ใช้ในทัพภาค1 จริง แต่เป็นกระสุนฝึก!

ผบ.ทบ.รับกระสุนยิง สนธิ ใช้ในทัพภาค1 จริง แต่เป็นกระสุนฝึก!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชุดสืบสวนตร.ตรวจ3ปลอกกระสุนเอ็ม 16 ยิงถล่มรถ"สนธิ" พบกรมสรรพาวุธ ทบ.ผลิต ตีตรา"RTA" ส่งให้กองทัพภาค 1 ใช้เท่านั้น "อนุพงษ์"ยอมรับของกองทัพภาค1จริง อ้างรั่วไหวจากการฝึก คุ้มครองเข้มพยานปากสำคัญเห็นเหตุการณ์ตลอด เผยถูกคนร้ายยิงใส่

ผบ.ทบ.รับกระสุนยิง"สนธิ"เป็นของกองทัพภาค1จริง

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงกล่มนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ปลอกกระสุนเอ็ม 16 จำนวน 3 นัดที่ใช้ยิงนายสนธินั้น จากการตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจยอมรับว่าเป็นกระสุนที่มาจากกองพลทหารราบที่ 9 ซึ่งอยู่ในสายงานการบังคับบัญชาของกองทัพภาคที่ 1 แต่เป็นกระสุนที่ใช้ในการฝึกยิงและได้มีการรั่วไหลออกมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากลำบากในการตรวจสอบว่าเป็นกระสุนมาจากหน่วยใด

ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากมีการตรวจสอบพบว่าเป็นกระสุนจากที่ใด ก็จะต้องมีการดำเนินการสอบสวนผู้รับผิดชอบจากกฎระเบียบของกองทัพต่อไป

ชุดสืบสวนระบุกระสุนยิง"สนธิ" ทบ.เป็นผู้ผลิตส่งให้"ทัพภาค1

ก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) อาการทั่วไปดีขึ้นเตรียมออกจากโรงพยาบาลวันที่ 24 เมษายน หลังจากถูกคนร้ายลอบยิงถล่มพร้อมคนขับและผู้ติดตามได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ทั้งนี้รศ.นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และคณบดีแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้แจ้งผลการรักษานายสนธิล่าสุด เมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่โรงพยาบาลจุฬาฯว่าอาการทั่วไปรู้สึกตัวดี และช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีอาการแทรกซ้อน ส่วนนายวาร์ยุภักดิ์ มังคละสินธุ์ คนติดตาม อาการทั่วไปปกติดี สำหรับนายอดุลย์ แดงประดับ คนขับรถ อาการคงที่ รู้สึกตัวดี หายใจเองได้ปกติ เริ่มรับประทานอาหารได้ พูดคุยได้ แผลที่แขนขวามีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย แต่ยังต้องรอดูอาการใกล้ชิดในห้องไอซียูต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณโถงชั้นล่างตึก สก. ยังมีผู้มาลงชื่อเยี่ยม และนำกระเช้าดอกไม้และแจกันดอกไม้ส่งมาเยี่ยมอาการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สมณะโพธิรักษ์ แห่งพุทธสถาน สันติอโศก มาเข้าเยี่ยมอาการนายสนธิ ในห้องคนไข้เช่นกัน ต่อมานายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำ พธม. นายมานิตย์ สุขสมจิตร นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร และนางบัญญัติ ทัศนียะเวช พร้อม 3 อดีตประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และสื่อมวลชนอาวุโส ได้แก่ นายมานิตย์ สุขสมจิตร นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร และนางบัญญัติ ทัศนียะเวช เข้าเยี่ยมนายสนธิ

นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร กล่าวในฐานะตัวแทนอดีตประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติทั้ง 3 คนว่า มาเพื่อแสดงความห่วงใยนายสนธิ ซึ่งถือเป็นอาชีวปฏิญาณของคนทำหน้าที่สื่อ ผู้ที่ประกอบอาชีพสื่ออย่างซื่อสัตย์ตามหน้าที่ ถูกคุกคามทำร้ายมานานแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและอุกอาจมากในสังคมไทย เป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องดูแลความปลอดภัยของคนทำงานสื่อ แต่ก็เป็นหน้าที่ของคนทำงานสื่อเองที่ต้องตระหนักถึงหน้าที่และอาชีพของตน และแม้ว่าการคุกคามสื่อจะเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ ในฐานะคนทำงานสื่อก็ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อตรง และเที่ยงธรรม

"สิ่งที่คุณสนธิทำ ถือว่าเป็นการทำเพื่อประเทศชาติและส่วนรวมอย่างแท้จริง เป็นการเสียสละ ตอนที่เข้าไปเยี่ยมคุณสนธิแทบไม่ต้องพูดอะไรกัน แค่มองตาก็เข้าใจ คุณสนธิเสียอีกที่เป็นฝ่ายบอกพวกผมว่า ขอให้พี่สู้ต่อไป และอย่าท้อถอย คุณสนธิถือเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทย" นายพงษ์ศักดิ์กล่าว

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำ พธม.กล่าวว่า หลังออกจากโรงพยาบาลในวันศุกร์ (24 เมษายน) นายสนธิจะเปิดแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และท่าทีของพันธมิตรฯ แต่ยังไม่ได้กำหนดวันแน่นอน คาดว่าจะหลังจากการจัดคอนเสิร์ตการเมืองที่ จ.ระยอง ในวันที่ 25 เมษายนนี้

ส่วนความคืบหน้าการติดตามหาตัวคนร้ายที่ลงมือยิงนายสนธินั้น ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) รายงานข่าวจากชุดสืบสวนคลี่คลายคดีคนร้ายยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แจ้งว่า จากการตรวจสอบ ที่เกิดเหตุได้ตรวจพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ขนาด 5.56 มม.จำนวน 3 ปลอก ซึ่ง 2ใน 3เป็นกระสุนที่ผลิตโดยกรมสรรพาวุธทหารบกมีการตีตราสัญลักษณ์ (RTA) ซึ่งมาจากว่า ROYAL THAI ARMY และเป็นซีรีส์ที่ส่งให้เฉพาะหน่วยทหารในกองทัพภาคที่ 1ใช้เท่านั้น และที่เกิดเหตุยังพบกระสุนปืนอาก้าหลายสิบปลอก แต่ไม่สามารถตรวจสอบที่มาได้ เนื่องจากกระสุนชนิดนี้ไม่มีประจำการในหน่วยราชการของไทย

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการวิเคราะห์แนวทางการสืบสวนเชื่อว่า คนร้ายที่ก่อเหตุใช้ปืนอาก้า เป็นหลักเพราะเป็นอาวุธปืนสงครามที่อำนาจการทะลุทะลวงสูง อีกทั้งไม่มีข้อมูลในสารบบ เนื่องจากเป็นอาวุธปืนจากประเทศรัสเซีย ที่หาซื้อได้ง่ายตามแนวชายแดน การติดตามที่มาของอาวุธทำได้ยาก แต่กระสุนปืนเอ็ม 16 ที่พบน่ามาจากปืนเอ็ม 203 ซึ่งเป็นปืนเอ็ม 16 ประกอบเครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม79 ไว้ที่ด้านล่างของลำรางปืน ซึ่งคนร้ายน่าจะนำมาใช้เพื่อยิงลูกระเบิดถล่มรถยนต์ของนายสนธิ โดยไม่ได้ตั้งใจจะยิงปืนเอ็ม16 น่าจะเป็นการบังเอิญยิงออกไปเท่านั้นจึงมีปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุเพียง3ปลอก

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่านอกจากเด็กปั๊มที่เห็นเหตุการณ์ 2 คนแล้ว ชุดสืบสวนยัง ได้พยานปากสำคัญซึ่งเห็นเหตุการณ์อย่างละเอียด ตั้งแต่คนร้ายเริ่มลงมือจนหลบหนี ซึ่งคนร้ายได้พยายามสังหารพยานโดยการยิงใส่แต่หลบทัน ขณะนี้พยานคนดังกล่าวอยู่ในการคุ้มครองของชุดสืบสวนนครบาลแล้ว

พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รองผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวถึงกรณีนายชนาพัทธ์ ณ นคร หรือเตมูจิน แกนนำเครือข่ายผู้รักประชาธิปไตย เข้าพบพล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เพื่อให้รายละเอียดคดียิงนายสนธิ ว่า มีการเข้าพบ แต่ไม่ทราบรายละเอียด อาจให้ข้อมูลเพิ่มเติม และมีประชาชนแจ้งเบาะแสเป็นระยะๆ ยืนยันว่ากระสุนเอทู ที่พบไม่มีข้าราชการตำรวจใช้

พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น. กล่าวภายหลัง พล.ต.อุทิศ สุนทร ผบ.มทบ.11 เข้าพบ ว่า มาเพื่อหารือกับผบช.น. ในเรื่องการจัดงานเลี้ยงรุ่นไม่มีเรื่องอะไรมาก ส่วนคดีคนร้ายลอบยิงนายสนธิ มีเพียง ผบช.น.คนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้สัมภาษณ์ พร้อมพูดทิ้งท้ายว่า "ติดตามใกล้พอเห็นหลังไวๆ แล้ว"

วันเดียวกัน เวลา 13.00 น. พ.ต.ท.เจริญ ปานคล้าย รองผู้กำกับการ 3 กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ นำเจ้าหน้าที่ 20 นาย เข้าตรวจจุดเกิดเหตุคนร้ายยิงถล่มนายสนธิอีกครั้งอย่างละเอียด โดยตรวจสอบแนววิถีกระสุน และรอยล้อรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า อัลพาร์ด และรอยล้อรถรวมถึงดอกยางรถที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะ ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งตรวจสอบบริเวณชั้น 3 ของอาคารธนาคารแห่งประเทศไทยที่ถูกกระสุนยิงใส่กระจก1 นัด คาดว่าจะเป็นลูกกระสุนที่คนร้ายยิงใส่ตู้ควบคุมสัญญาณกล้องวงจรปิดบริเวณสี่แยกบางขุนพรหม

แหล่งข่าวชุดสืบสวน เปิดเผยว่าตรวจสอบกล้องวงจรปิดร้านค้าแห่งหนึ่งใกล้จุดที่นายสนธิ ถูกยิงได้จับภาพรถยนต์ของกลุ่มคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุได้อย่างชัดเจน เป็นรถยนต์กระบะสีดำ อยู่ระหว่างติดตามและพบว่ามีเพียงประมาณ 1,000 กว่าคัน ส่วนแผ่นป้ายทะเบียนน่าจะเป็นป้ายอำพราง ชุดสืบสวนสืบยังทราบว่าทางฝ่ายกลุ่มผู้เดือดร้อนแทนผู้เสียหายอยู่ระหว่างระดมทีมราว 20-30 คน เพื่อหวังล้างแค้นคืนให้กับนายสนธิ

ขณะที่ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการตีพิมพ์รูปพยาน คดีลอบฆ่านายสนธิ ว่า หากมีการนำภาพเผยแพร่เป็นเหตุให้พยานคนดังกล่าวได้รับอันตราย หรือเสียชีวิต ถือว่าเกิดความเสียหายขึ้น พยาน หรือญาติมีสิทธิยื่นฟ้องดำเนินคดีต่อสื่อได้ การเปิดเผยใบหน้าชัดเจนของพยานเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ตำรวจต้องเข้าไปดูแล เพราะถือเป็นการละเมิดสิทธิ จะทำให้พยานนั้นไม่ปลอดภัย ถ้ามีการห้ามกันไว้อยู่แล้ว แต่ยังนำมาเผยแพร่ก็ถือว่าผิด หากการเผยแพร่ภาพพยานส่งผลให้ภายหลังพยานถูกข่มขู่ คุกคาม พยานคนดังกล่าวสามารถยื่นเรื่องให้กรมคุ้มครองฯ เข้าไปดูแลคุ้มครองได้ทันที

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook