ยูเออีห้าม ทักษิณใช้ประเทศโจมตีไทย

ยูเออีห้าม ทักษิณใช้ประเทศโจมตีไทย

ยูเออีห้าม ทักษิณใช้ประเทศโจมตีไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พนิช วิกิตเศรษฐ์ เผย ทักษิณ ออกจากยูเออีแล้ว ระบุ ยูเออี หวั่น กระทบสัมพันธ์ ไม่ให้ใช้ประเทศเป็นฐานการเมืองโจมตีไทย

(23เม.ย.) นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผช.รมต.ต่างประเทศ กล่าวว่า ตนเสนอประเด็นหมายจับที่ไทยออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กรณียุยง ปลุกปั่น เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว และนำจดหมายของชุมชนมุสลิมกรุงเทพฯ ยื่นต่อเอกอัครราชทูตยูเออีประจำประเทศไทย กรณีกลุ่มเสื้อแดงทำร้ายและสร้างความเสียหายต่อมัสยิดเพชร ซ.5 และ ซ.7 ซึ่งยูเออีเข้าใจสถานการณ์ดี และแจ้งตนเมื่อ 2 อาทิตย์ว่าจะไม่ยอมให้ใช้ยูเออีเป็นฐานการเมือง ไทยเป็นมิตรกับเขา

อย่างไรก็ตามขณะนี้พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ถือพาสปอร์ตไทยแล้ว ดังนั้นการเคลื่อนไหวก็สามารถทำได้ 2 ทาง คือ ในชื่อพ.ต.ท.ทักษิณ แต่มีพาสปอร์ตอื่น ซึ่งทราบว่าประเทศนิการากัวออกพาสปอร์ตพิเศษให้ ส่วนจะใช้เดินทางหรือไม่ ไม่สามารถเช็กได้ หรือกรณีมีชื่ออื่น

นายพนิช กล่าวว่า เมื่อสายวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนได้เจอรองปลัด ท่านระบุชัดว่าพ.ต.ท.ทักษิณเข้า มายูเออีตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. และออกจากยูเออีวันที่ 20 เม.ย. ซึ่งยูเออีคงทราบว่ารัฐบาลไทยห่วงใยสถานการณ์ และการเคลื่อนไหวทางการเมือง ทางยูเออีพยายามดำเนินการอะไรเพื่อไม่ให้กระทบความสัม พันธ์ภาพ จึงดำเนินการก่อนที่เราจะเข้าพบอย่างเป็นทางการ

"ทางรัฐบาลยูเออีพูดชัดเจนว่า ขอร้องให้คุณทักษิณไม่ใช้ยูเออีเป็นฐานขับเคลื่อนทางการเมือง ซึ่งปลัดกระทรวงต่างประเทศแจ้งว่า ได้แจ้งคุณทักษิณก่อนหน้านี้ และคุณทักษิณได้ ออกจากยูเออีวันที่ 20 เม.ย. ถ้าท่านกลับเข้ามาก็ได้ ถ้าเป็นพาสปอร์ตถูกต้อง แต่ถ้ากลับมาแล้วจะขอร้องไม่ให้ขับเคลื่อนทางการเมือง ไม่เช่นนั้นจะดำเนินการตามระเบียบของเขา" นายพนิช กล่าว

นายพนิช กล่าวว่า ส่วนการจับตัวส่งกลับไทยนั้น ทำได้ 2 วิธี คือ ทางการทูต ซึ่งขณะนี้กำลังทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับยูเออีอยู่ ซึ่งจะเป็นผลประโยชน์สองประเทศ และผ่านตำรวจสากล โดยมีหมายจับที่อัยการสูงสุดได้ส่งให้ตำรวจสากล และกระจายไปยังทุกประเทศที่มีสาขาตำรวจสากลอยู่ หากเดินทางไปประเทศไหนก็จะดำเนินการจับกุม หรือกำหนดขอบเขตให้อยู่ ก็ขึ้นอยู่กับกฎหมายแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตาม หากไม่เป็นสมาชิกของตำรวจสากล การติดตามตัวมาดำเนินคดีก็ยากหน่อย ซึ่งเราได้ส่งหมายจับไปยังสถานทูตไทยในประเทศต่างๆ 80 กว่าประเทศทั่วโลก ทั้งนี้กระทรวงต่างประเทศมีหน้าที่สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ สถานการณ์ แต่ถ้าเรื่องจับกุม หรือความผิด เป็นหน้าที่ของอัยการสูงสุดและตำรวจโดยตรง

นายพนิช กล่าวว่า ส่วนการจับกุมนายจักรภพ เพ็ญแข นั้น กระทรวงต่างประเทศต้องรอให้อัยการสูงสุดและตำรวจมีเอกสารเป็นทางการเพื่อแปล หมายสารส่งไปยังประเทศต่างๆ เช่นเดียวกับกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ และคาดว่านายจักรภพคงไปอยู่ในประเทศตะวันออกกลาง และขับเคลื่อนให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องในประเทศแถบนั้น

ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พานิชย์ กล่าวถึงการขอความร่วมมือกับหรัฐอาหรับอาเมิเรต (UAE) กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯใช้เป็นฐานในการเคลื่อนไหวทางการเมือง ว่า ขณะนี้ได้ส่งร่างขอ้ตกลงการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่ง UAE เคยทำให้กับประเทศอื่นมาดู ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็วๆนี้ ทั้งนี้ขั้นตอนต่างๆเป็นเรื่องของอัยการสูงสุดและตำรวจ ก่อนจะประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอาหรับอามิเรตต่อไป

นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่าในส่วนเรื่องทางการฑูตนั้น จากนี้ไป พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่สามารถใช้พื้นที่ 7รัฐในประเทศอาหรับอามิเรต เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองได้เหมือนในอดีต แต่อย่างไรก็ตาม หากพ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไปพำนักอย่างรปกติคงไม่มีปัญหา แต่การเข้าไปใช้ประเทศเขาเคลื่อนไหวทางการเมืองไม่ได้

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook