อภิสิทธิ์ ประกาศเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ วันนี้! ลั่นปล่อยทุกกลุ่มเคลื่อนไหวเต็มที่

อภิสิทธิ์ ประกาศเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ วันนี้! ลั่นปล่อยทุกกลุ่มเคลื่อนไหวเต็มที่

อภิสิทธิ์ ประกาศเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ วันนี้! ลั่นปล่อยทุกกลุ่มเคลื่อนไหวเต็มที่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกฯ"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ประกาศยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯวันนี้ ลั่นปล่อยทุกกลุ่มเคลื่อนไหวเต็มที่ แต่ขอ 2 ข้อปกป้องสถาบันฯ -หยุดการใช้ความรุนแรง ให้เวลา 2 สัปดาห์ให้ 3 ฝ่าย "รบ.-ค้าน-ส.ว." ระดม แก้รธน.หวังสร้างกติกาใหม่ เผย พร้อมยุบสภาทันที

(24เม.ย.) เวลา 00.05 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปิดการอภิปรายการประชุมร่วม 2 สภา ว่า ตลอด 2 วันที่ผ่านมาข้อมูลจากสมาชิกมีข้อมูลอาจทำให้ขัดเเย้ง เเต่ถือเป็นการสะท้อนปัญหาเเละความรู้สึกส่วนหนึ่งของสังคม หากไม่ฟังจะเเก้ปัญหาได้ยาก ตนพร้อมจะรวบรวมความเห็นเเละเสียงสะท้อนเเละขอใช้เวลาอธิบายจุดยืนเเละการตัดสินใจของรัฐบาลในการทำงานว่าปัญหาที่เกิดขึ้นหากย้อนไปในการเลือกตั้งวันที่ 23 ธ.ค. 2550 พรรคประชาธิปัตย์ได้ส.ส.อันดับที่สอง

หากพรรคอันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ต้องใช้หลักสากลทั่วไป เเต่พรรคการเมืองที่เคยประกาศทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ เเต่ไปร่วมงานกับพรรคพลังประชาชนนั้น ตนไม่ติดใจเเละทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เเต่ความขัดเเย้งเกิดจากการเสนอเเก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ทำเพื่อตัวเองจนเกิดการชุมนุมประท้วง หากชุมนุมโดยสงบ อยู่ในกรอบกฎหมายก็เป็นสิทธิ เเต่สิ่งที่ผิดกฎหมายการล้อมสนามบินภาคใต้ หรือล้อมครม.ในการลงพื้นที่นั้น ตนเเสดงความไม่เห็นด้วยมาโดยตลอด รวมทั้งเมื่อมีการบุกทำเนียบฯตนก็เเสดงความไม่เห็นด้วยไปเเล้ว

เเต่การทำงานรัฐบาลนำไปสู่ความขัดเเย้งเมื่อมีการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพราะคน 2 กลุ่มปะทะกันก่อนถึงทำเนียบฯเเละหลายจัง หวัดก็ปะทะกัน ตนบอกว่าหากจุดหนึ่งที่รัฐบาลบริหารราชการไม่ได้ เเละมีคนต่อต้าน การยุบสภาเป็นทางที่ดี เเละพรรคประชาธิปัตย์น่าเสียเปรียบ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินคดีของนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯในเรื่องขัดเเย้งของผลประโยชน์ไม่ใช่การทำกับข้าว สภาก็เลือกนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ เเต่ยังมีความวุ่นวายเกิดขึ้นเเละชุมนุมที่สนามบินจนมีการประกาศใช้พรก.ฉุกเฉิน ต่อมาประธานรัฐสภา เชิญหัวหน้าพรรคการเมืองมาเจรจา ตนก็พร้อมเป็นคนกลาง นายสมชายขอบคุณตน เเต่รัฐบาลจะขอเเก้ปัญหาเอง

"ช่วงนั้นผมหลีกเลี่ยงการเรียกร้องให้นายกฯลาออก เพราะจะโดนกล่าวหาว่าเรียกร้องเพื่อตัวเอง เมื่อนายสมชายพ้นตำเเหน่ง จากการยุบพรรคการเมืองมีการเปลี่ยนเเปลง สภาจะพิจารณาเลือกนายกฯใหม่ ในต่างประเทศนั้น เมื่อพรรคอันดับหนึ่งทำงานไม่ได้ก็ต้องให้สมาชิกในสภาเลือกนายกฯคนใหม่ ถามว่าผมมีความสุขในสภาวะเเบบนั้นหรือไม่ ผมไม่อยากให้มันเกิด เเต่มีมติสภาออกมาเเล้ว ผมก็ตั้งใจพิสูจน์ว่าจะทำงานให้ทุกคน ข้อกล่าวหารัฐบาลที่ว่าจะรักษาประโยชน์ให้บางกลุ่ม เเต่ 3 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลเลือกปฎิบัติอย่างไรบ้าง ไม่มี มีการสร้างกระเเสต่างๆมากมาย เร่งเเก้ปัญหาให้คนจนเเละด้อยโอกาส ก่อนรับมือวิดฤตเศรษฐกิจ กล่าวหาว่ารัฐบาลเกรงใจกองทัพ เเต่มันก็ไม่มี มันก็ช่วยให้การไม่ยอมรับลดลงไปบ้าง

นายกฯ กล่าวอีกว่า ตนไม่ปฎิเสธว่าคนจำนวนมากรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมในการจากรัฐประหาร เเละคนในสังคมจำนวนมากคลางเเคลงใจการทำงาน ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เเละจัตัดตอนจุดใดจุดหนึ่งไม่ได้ เว้นเเต่จะยอมรับตรงกัน การชุมนุมต้านผมภายใต้กฎหมาย ผมเปิดโอกาสเต็มที่และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ผมเคารพการใช้สิทธิ ก่อนประกาศใช้พรก.ฉุกเฉินมันมีการเปลี่ยนเเปลง การลุกลามบานปลายที่พัทยานั้น เชื่อว่าประชาชนจำนวนมากที่ทำเนียบฯไม่เห็นด้วย เเต่เเเกนนำบางคนบอกจะไปล้อม เเละขัดขวางการประชุม และอาสาไปจับตนด้วยเ เละต้องการให้เกิดเหตุเช่นนั้น

เมื่อรัฐบาลเลื่อนประชุมเเต่ผู้ชุมนุมบุกโรงเเรมไปค้นหาตน ก่อนหน้านั้นปิดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเเละอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตนบอกไปหลายครั้งว่าพยายามไม่ประกาศใช้พรก.ฉุกเฉินเเต่ปีที่เเล้วมีการประกาศใช้พรก.ฉุกเฉินไป 2 ครั้ง เเละนายกฯมีสิทธิประกาศเเละให้ครม.เห็นชอบภายใน 3 วัน ฉะนั้นมันจึงมีความชอบในการประกาศใช้พรก.ฉบับนี้เเต่บทบาทฝ่ายต่างๆไม่เหมือนกัน เเละใช้ไม่ได้ผลหลังประกาศใช้พรก.ฉบับนี้นั้น นายสมัครเเต่งตั้งผบ.ทบ.เป็นผู้ดูเเล ผบ.ทบ.บอกว่าป้องกันไม่ให้ประชาชนปะทะกันได้เเล้ว เเละไม่มีหน้าที่ตัดสินใจ เเละเมื่อนายสมชายประกาศใช้ โดยมอบรมว.มหาดไทย ตำรวจบอกว่าการเข้าไปทำหน้าที่ในสนามบินนั้นมีความเสี่ยง เเละหลัง 7 ต.ค.2551 ตำรวจไม่เเน่ใจตัวบทกฎหมาย

"เมื่อผมประกาศใช้พรก.ฉบับนี้ก็มอบให้นายสุเทพดูเเล เมื่อมีทหารมาดูเเลก็มีความเสี่ยง ผมประชุมหลายครั้ง เเละกำชับความเข้าใจว่า ผมมีหน้าที่รักษากฎหมายเจ้าหน้าที่รัฐต้องหยุดสภาวะจลาจลเ เละผู้ที่ทำผิดกฎหมายเท่านั้น เเละผมจะไม่ใช้กฎหมายนี้ เเละความเสี่ยงในการเสียชีวิต เเละไม่เหมาะสมจะย้อนมาที่ผม โดยผมย้ำไปหลายครั้งเเล้ว ทุกคืนผมจะรับรายงานการชุมนุมว่ามีประชาชนมาเท่าใด เเละตัดสินใจว่าไม่สลายการชุมนุมอื่นเพื่อประโยชน์ทางการเมืองในการไล่ล่า ทหารบอกว่ามีการยิงกันเเล้วจะยิงตอบโต้ได้ไหม ผมบอกว่า ไม่ได้ เเละขอให้อดทน ฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่ ผมจะสั่งฆ่าประชาชน การปฎิบัติการต้องมีสื่ออยู่ด้วยทุกครั้ง เกิดอะไรขึ้นต้องตรวจสอบเเละสอบสวนทุกคดี เเม้กระทั่งผู้ทำผิดกฎหมาย ผมย้ำว่าทุกกรณีต้องทำตามกฎหมายเท่านั้น

นายกฯ กล่าวต่อไปว่า ตนขอเสนอว่า 1. รัฐสภาตั้งกรรมการขึ้นมาโดยนำข้อมูลที่เเคลงใจมาพิสูจน์ให้ความจริงออกมา มันจะพิสูจน์ความจริง เเละเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขอรบกวนวิปสามฝ่ายนำไปหารือด้วย โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุน ตนเสียใจเล็กน้อยกับบางอย่างที่เกิดขึ้นเช่นกระทรวงมหาดไทยนั้น เสียงปืนดังหลังตนโดนล้อม 20 - 30 นาที ขับรถชนรั้วจึงรอดออกมาได้ ตนไม่เคยคิดทำร้ายใคร เเต่ภาพที่เกิดขึ้นนั้นตนไม่สบายใจ 2.ข้อกล่าวหาต่างๆเช่นสองมาตรฐานนั้น มันมีหลายเรื่องเเต่ไม่เกิดในรัฐบาลตน เเต่กลับมารวมในรัฐบาลของตน ตนหนักใจเรื่องความพอดี คือ คดีความของการชุมนุมที่ต่างๆ หลายคนที่คิดว่าคดีช้าคือทำเนียบและสนามบิน เเต่มันเร็วกว่าที่หลายฝ่ายมองไว้ ยืนยันารัฐบาลเดินหน้าเร่งรัดเพื่อให้เกิดความยุติธรรมในสังคมต่อไป แต่จะแก้ด้วยการยุบสภาหรือลาออกโดยยังมีปัญหาทางกฎหมายเเบบนี้ มันก็ไม่จบ เเละความอยุติธรรมหลายเรื่องไม่ได้เกิดสมัยตน ส่วนจะลาออกหรือยุบสภาเพื่อรับผิดชอบ ตนก็พร้อมให้สภาตรวจสอบเมื่อมีข้อสรุปที่ชัดเจนก็รู้ว่าจะต้องตัดสินใจอย่างไร

ส่วนที่อ้างว่าการเลือกตั้งแล้วจะแก้ไขได้ ก็ไม่เป็นอย่างนั้น เพราะถ้ายุบสภาวันนี้เราใช้กติกาอะไร ก็ใช้กติกาซึ่งหลายคนบอกไม่ยอมรับ หากยุบพรรคกันอีก ก็ยิ่งซ้ำเติมวงจรที่เป็นปัญหาขณะนี้ ทั้งนี้การเลือกตั้งจะเป็นทางออกได้เมื่อบรรยากาศเอื้อที่จะหาเสียงโดยปราศจากความรุนแรง และการข่มขู่ การดูว่าประเทศประชาธิปไตย หรือไม่ก็ดูจากการเลือกตั้ง ถ้ามีเลือดมีตีกันไม่ใช่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

"พวกเรามีภาระปรับสภาพการเมืองให้หลุดจาากสภาพการเมืองตรงนี้ก่อนไปเลือกตั้ง ผมได้ขอให้ทุกพรรคการเมือง รวมทั้งส.ว.ร่วมกันสรุปประเด็นในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นที่คิดว่าไม่เป็นประชาธิปไตย เอามาวางตรงหน้าให้เห็นได้หรือไม่ ภายใน 2 สัปดาห์ แล้วให้ประธานสภาและวิป 3 ฝ่าย เอาข้อเสนอมาดูว่าจะให้ใครเป็นเจ้าภาพ จะเป็นกรรมการกลาง หรือการทำประชาพิจารณ์ ผมรับได้ทั้งสิ้น แล้วให้กลไกนี้ทำงานไป เมื่อแก้ไขกติกาเพื่อลดคามรุนแรง ถ้ามีกติกาใหมี่แล้วยุบสภา ผมก็ยินดี ไม่มีปัญหา เป็นทางออกเพื่อที่จะทำให้เราเดินไปข้างหน้า

นายกฯ กล่าวต่อว่า ผมขอประกาศยกเลิกการประกาศใช้พ.ร.ก.วันนี้ ขอยืนยันว่าผู้ที่ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ไม่มีการดำเนินการว่าฝ่าฝืนพ.ร.ก.แต่ถ้ามีผู้ใดยุยงให้ไปเผา ไปฆ่า ใช้ความรุนแรง ต้องว่าไปตามความผิดอาญา และเมื่อยกเลิกพ.ร.ก.สภาพการควงบคุมตัวตามพ.ร.ก.ต้องสิ้นสุดลงด้วย ยืนยันว่าตนตั้งใจว่าไม่เอาเรื่องนี้เอาชนะคะคานกวาดล้างหรือไล่ล่าทางการเมืองใดๆทั้งสิ้น ผมอยากขอร้องใน 2 เรื่อง คือ 1. การปกป้องสถาบันฯ ไม่ว่าจะเป็นการจาบจ้วง หรือแอบอ้างต้องยุติด้วยความร่วมมือของทุกฝ่าย และต้องไม่สนับสนุน ล่าสุดอดีตนายกฯก็ยังให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ พาดพิงสถาบันฯซึ่งตนได้ตรวจสอบแล้วกับผู้ที่เกี่ยวข้องยืนยันว่าสิ่งที่อดีตนายกฯพูดไม่เป็นความจริง รวมทั้งผมได้กำชับกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องว่าการปกป้องสถาบันฯต้องไม่ใช้เสื้อน้ำเงิน เพราะทุกสีต้องปกป้องสถาบันฯด้วยกันทั้งสิ้น นอกจากนี้ในเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ต้องทำให้ชัดเจนในขอบเขตและแนวทางปฎิบัติเพื่อมิให้มีการดึงสถาบันฯนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวต่อไปว่า เรื่องที่ 2. คือความรุนแรง ล่าสุดนายจักรภพ เพ็ญแข ให้สัมภาษณ์บีบีซีว่าต่อไปการเคลื่อนไหวอาจใช้อาวุธ ขอความกรุณาว่าถ้าหันหน้าเข้าหากันทุกคนทุกพรรคต้องไม่ยอมรับแนวทางนี้ ซึ่งถ้าตกลงได้ในเงื่อนไขนี้การชุมนุมแสดงออกได้อย่างเต็มที่เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย

"ผมติดตามการเตลื่อนไหวมาตลอด ไม่อยากให้คนจำนวนมากด้วยใจบริสุทธิ์มาต่อต้านความเป็นธรรม ถูกชี้นำโดยคนจำนวนเล็กๆที่พร้อมใช้ความรุนแรง มีการประกาศเป็นแผนคือทำให้เกิดความไร้ระเบียบเพื่อให้รัฐบาลอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถจัดการได้ หรือยั่วยุให้รัฐบาลใช้ความรุนแรงตอบโต้เพื่อให้รัฐบาลเกิดปัญหา ผมเห็นแผนชัดเจน เพราะขนาดหมอดูยังฟันธงว่าผมวาสนาหมดแล้ว ถ้าเราออกจากกรอบไปได้ผมว่าเราเดินหน้าต่อไปได้ และขอโอกาสให้กับประเทศแก้ตัวจัดอาเซียนให้สำเร็จในเดือนมิ.ย. เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงประเทศแล้ว ให้เวลากอบกู้เศรษฐกิจถ้าเราทำได้ สิ่งที่นายจตุพร พรหมพันธ์ บอกว่าอยากให้นักการเมืองได้ทำหน้าที่จริงๆก็จะเป็นไปได้ ถ้าทำได้ผมจะถือว่าเราได้ใช้ก้าวสำคัญผ่านกระบวนการสภานำความสงบสุขกลับคืนมา ผมเข้ามาทำงานการเมือง มีเป้าหมายเพื่อรับใช้ประชาชน แต่สุขไม่ได้ ไม่เคยให้ความสำคัญจะอยู่ในตำแหน่งนานแค่ไหนอย่างไร เพราะยึดถือตลอดว่าเมืองไทยมีคนเก่ง คนดีเยอะ เราต้องไม่สำคัญตนว่าต้องเราเท่านั้นจึงจะทำได้ เมื่อผมมีความรับผิดชอบใดจะทำสิ่งเหล่านั้นให้ดีที่สุด"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ ใช้เวลาในการอภิปราย 1 ชั่วโมง จากนั้นเวลา 01.00 น.นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้สั่งปิดการประชุมโดยนัดประชุมสภาผู้แทนฯครั้งต่อไปในวันที่ 27 เม.ย. โดยการประชุมสองสภาครั้งนี้ใช้เวลาในการอภิปรายทั้งหมด 30ชั่วโมงเต็ม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook