เผยขั้นตอน "ฉีดสารพิษ" นักโทษ หลังรื้อฟื้นประหารชีวิตรอบ 9 ปี
หลังจากฮือฮาไปทั้งประเทศกับข่าวการประหารนักโทษรายล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา เพราะไทยไม่ได้ประหารนักโทษอีกเลยตั้งแต่ปี 2552 หรือเกือบ 9 ปีมาแล้ว ซึ่งการประหารชีวิตในยุคหลังทำขึ้นด้วยวิธีการฉีดสารเคมีเข้าร่างกายทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้นักโทษประหารต้องทรมานเหมือนกับการยิงเป้า
>> "แอมเนสตี้" ระบุ "โหดร้าย-ไร้มนุษยธรรม" กรณีไทยกลับมาใช้โทษประหารชีวิต
การประหารด้วยการฉีดยาในประเทศไทยเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2546 กับนักโทษ 4 ราย จากนั้นเว้นว่างมานานจนกระทั่งวันที่ 24 ส.ค. 2552 ก็มีการประหารนักโทษอีก 2 ราย และมาถึงวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา ก็มีการประหารนักโทษอีก 1 ราย ที่ใช้มีดปลายแหลมไล่แทงนักเรียนชั้น ม.5 ที่ จ.ตรัง จนเสียชีวิต
>> เปิดประวัติ "นักโทษ" ที่ทำให้ไทยกลับมาใช้โทษประหารในรอบ 9 ปี
ขั้นตอนการประหารชีวิตด้วยวิธีนี้ เริ่มจากใช้เข็มขัดรัดร่างกายนักโทษ 5 จุด ได้แก่ หน้าผาก หน้าอก หน้าท้อง หน้าขา และข้อเท้า จากนั้นจึงเริ่มฉีดสารเคมี 3 ชนิดเข้าสู่ร่างกาย ได้แก่
- โซเดียม เพนโทธาล ที่ทำให้นักโทษหมดสติ ปริมาณ 20-25 มิลลิลิตร
- แพนคิวโรเนียม โบรไมด์ ที่ออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ปริมาณ 50 มิลลิลิตร
- และ โพแทสเซียม คลอไรด์ ที่ทำให้หัวใจหยุดเต้น ปริมาณ 50 มิลลิลิตรเช่นกัน
>> เปิดใจครอบครัว "นักโทษประหาร" เรือนจำไม่แจ้งล่วงหน้า เสียใจไม่ได้ลาครั้งสุดท้าย
เมื่อฉีดยาแล้ว เจ้าหน้าที่จะดูเส้นกราฟที่หน้าจอ เพื่อตรวจจับการเต้นของหัวใจจนกระทั่งเส้นกราฟเป็นเส้นยาวตรง และเสียงจากเครื่องดังปี๊บยาวๆ เพื่อให้แน่ใจว่าหัวใจหยุดทำงานแล้วจริงๆ และเมื่อนักโทษเสียชีวิตแล้ว จะเก็บร่างไว้ในช่องเก็บศพเย็นจัด 1 คืน แล้วจึงทำความสะอาดในช่วงรุ่งเช้า จากนั้นนำศพออกจากประตูผีและนำไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บศพนักโทษประหารที่วัดบางแพรกใต้ เพื่อรอให้ญาตินำมารับไปประกอบพิธี