คมเฉือนคม! 2 โจ๋ปล้นโน้ตบุ๊กถูกรวบแล้ว ลั่นเลียนแบบสารคดีสืบสวน อยากทดสอบฝีมือ ตร.
( 19 มิ.ย. 61 ) พล.ต.ต.พิทยา ศิริรักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วย พ.ต.อ.อมรชัย ปัญญา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก คุมตัว นายวชิราวุธ อายุ 20 ปี พร้อมด้วย นายกัมปนาท อายุ 18 ปี สองผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้แก๊สตัดประตูงัดเข้าไปขโมยทรัพย์สินภายในร้าน แอดไวซ์ ยูนิตี้ ไอที ซิสเต็ม ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา และถูกตามจับกุมได้ เข้าไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพภายในร้านที่เกิดเหตุ
สองผู้ต้องหาให้การสารภาพพร้อมกับทำแผนประทุษกรรม ตั้งแต่ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ สีบรอนด์เทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เข้ามาจอดด้านหลังร้าน ก่อนที่นายวชิราวุธจะใช้คีมตัดสายไฟเซ็นเซอร์กันขโมย จากนั้นใช้คีมตัดกุญแจประตูเข้าไปภายในร้าน
จากนั้นได้ขนทรัพย์สินภายในร้านที่มีทั้งคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก การ์ดจอ และอุปกรณ์ไอทีรวมกว่า 30 ชิ้น ขึ้นรถ ระหว่างนั้นสังเกตเห็นกล้องวงจรปิด จึงใช้แก๊สที่เตรียมมาตัดกุญแจเข้าไปในห้องเก็บเซิร์ฟเวอร์และนำเซิร์ฟเวอร์ที่บันทึกภาพไปด้วยเพื่อไม่ให้เป็นหลักฐานตามจับกุม
หลังจากก่อเหตุได้ขับรถไปหลบซ่อนตัวในป่าที่อำเภอแม่ริม ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 20 กิโลเมตร จนถึงรุ่งเช้าจึงเข้าบ้านตามปกติ ก่อนจะนำทรัพย์สินทยอยขายในกลุ่มแวดวงไอทีผ่านเฟซบุ๊ก
นายกัมปนาถ ให้การว่า เป็นวิศวกรไอที ปัจจุบันมีอาชีพค้าขายสินค้าไอทีผ่านเฟซบุ๊ก สาเหตุที่ลงมือก่อเหตุเพราะชื่นชอบสารคดีสืบสวนสอบสวนและติดตามดูทางยูทูปและสื่อต่างๆ มานาน จนอยากจะลองก่อเหตุดูสักครั้ง เพราะคิดว่าศึกษามามาก
โดยในการก่อเหตุและหลบหนีใช้วิธีคิดที่ว่า คิดและทำตรงข้ามกับที่ตำรวจคิด โดยรถที่ใช้ก่อเหตุเป็นของของแม่ ที่เอามาถอดป้ายทะเบียนและติดสติ๊กเกอร์ให้ดูเหมือนเป็นรถแต่ง ส่วนการหนีก็หนีออกไปป่าที่คิดว่าเป็นจุดที่ตำรวจคาดไม่ถึง แต่สุดท้ายก็หนีไม่รอด ถูกจับ
ขณะที่ชุดสืบสวนระบุถึงการจับกุมว่า แม้กล้องวงจรปิดจะบันทึกภาพรถและผู้ต้องหาไว้ได้ แต่รถก็ไม่ติดป้ายทะเบียนและผู้ต้องหาสวมหมวกปิดบังใบหน้า ทำให้ติดตามยาก แต่สุดท้ายก็พบข้อมูลคอมพิวเตอร์ของกลางที่ถูกขโมยไป ซึ่งเป็นรุ่นลิมิเต็ดที่มีในประเทศไทยเพียง 100 เครื่อง ถูกนำไปขายในเฟซบุ๊กรายหนึ่ง จึงสืบสวนติดตามทำให้พบว่า ผู้ต้องหานำมาขายให้กับพ่อค้าออนไลน์รายนี้ จนสามารถติดตามจับกุมได้ในที่สุด คดีนี้มีผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุ 3 คน ยังหลบหนีอีก 1 คน
ส่วนแรงจูงใจในการก่อเหตุ นอกจากอยากลองเลียนแบบสารคดี ยังพบว่า ผู้ต้องหาติดหนี้ผ่อนรถจักรยานยนต์เป็นเงินประมาณ 2 หมื่นบาท และยังมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
สำหรับของกลางทั้งหมดมีมูลค่าประมาณ 5 แสนบาท ล่าสุดตำรวจตามคืนมาได้ประมาณ 2 แสนบาท ส่วนที่เหลือกำลังติดตามคืน