คิดถึงป๊า! ด.ญ.ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น วอนผู้ใหญ่ใจดีตามหาบิดาหลังพลัดพราก 15 ปี
ที่บ้านเลขที่ 13/2 หมู่ที่ 6 ตำบลทุ่งโพธิ์ อำเภอจุฬาภรณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านอาศัยของ เด็กหญิงฉัตรธิยามล นากาจิมา อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสตรีทุ่งสง ซึ่งเป็นผู้ร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช
และขอให้ผู้สื่อข่าวช่วยเป็นสื่อกลางในการติดตามหาบิดา คือ นายโคอิชิ นากาจิมา ปัจจุบันน่าจะมีอายุประมาณ 60 ปี เป็นชาวญี่ปุ่นซึ่งมาแต่งงานกับมารดาคือ นางสาวกุสุมา ทิศศรี เมื่อ 15-16 ปีก่อน ปัจจุบันมีอายุ 40 ปี แต่ได้แยกทางกับมารดาไปเมื่อมารดาได้ตั้งครรภ์เธอมีอายุครรภ์ได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น ก่อนที่นางสาวกุสุมา จะกลับมายังบ้านเกิดที่อำเภอจุฬาภรณ์ และมาคลอดเธอ โดยมียาย คือ นางละมัย ทิศศรี ปัจจุบันอายุ 75 ปีเป็นผู้เลี้ยงดู
เด็กหญิงฉัตรธิยามล เล่าว่า พยายามสอบถามข้อมูลจากมารดามาโดยตลอด แต่ไม่ได้รับข้อมูลใดๆ จากมารดา หลังจากที่มารดาประสบปัญหาทางธุรกิจถึงขั้นล้มละลายได้ป่วยซ้ำเป็นโรคซึมเศร้าออกไปจากบ้านไปอาศัยอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ยิงทำให้โอกาสในการตามหาบิดายิ่งยากลำบาก จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมและผู้สื่อข่าวในการติดตามข้อมูลของบิดา ซึ่งทราบชื่อคือ นายโคอิชิ นากาจิมา เข้ามาในประเทศไทยราวปี พ.ศ. 2544-2545
โดยเด็กหญิงฉัตรธิยามล ยังบอกว่า เธอมีความหวังของเธอว่า อยากพบบิดาสักครั้งหนึ่งในชีวิต อยากเห็นหน้า และอยากกอดบิดาของเธอสักครั้ง
ขณะที่นางละมัย ยายของเด็กหญิงฉัตรธิยามล บอกว่า เมื่อราวปี พ.ศ. 2544 ลูกสาวคือนางสาวกุสุมา ที่ประกอบธุรกิจอยู่ที่ กทม. บอกว่าแต่งงานกับชาวญี่ปุ่นแต่มีอายุมากกว่า ช่วงแต่งงานลูกสาวมีอายุประมาณ 25-26 ปี ส่วนนายโคอิชิ มีอายุประมาณ 45 ปี แต่อยู่กินกันได้ไม่นานได้เกิดปัญหาบางอย่าง นางสาวกุสุมาโกรธเคืองนายโคอิชิ ได้หนีกลับบ้าน โดยตั้งครรภ์มาด้วย
หลังจากนั้นไม่ยอมติดต่อ นายโคอิชิอีกเลย ทราบเพียงว่า ช่วงนั้นนายโคอิชิพยายามตามหาที่ กทม.เช่นเดียวกัน ส่วนนางสาวกุสุมาได้มาทำธุรกิจที่บ้านแต่เกิดปัญหาอีกครั้งจนล้มละลายกลายเป็นคนไม่พูดไม่จา และไปขออาศัยปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน กทม.จนถึงปัจจุบัน และไม่สามารถให้ข้อมูลของนายโคอิชิได้
ซึ่งข้อมูลที่มีทราบเพียงว่า นายโคอิชิต้องเดินทางไปตรวจงานในหลายประเทศ อาจเป็นวิศวกรหรือนักวิชาการ ปัจจุบันน่าจะมีอายุระหว่าง 60-61 ปี ลูกสาวบอกว่า เขาเป็นคนฉลาดและต้องการมีลูกด้วยกัน
นางละมัยยังกล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า ตัวฉันเองป่วยเป็นมะเร็งและยายอีกคนเป็นมะเร็งค่อนข้างรุนแรงเช่นเดียวกัน ห่วงเพียงว่าหากตายไปจะไม่มีใครดูแลเด็กหญิงฉัตรธิยามล จึงอยากให้หลานได้สมหวัง ทั้งนี้ในกิจกรรมวันพ่อที่โรงเรียนของทุกปีแม้ว่าจะเรียนเก่งและไม่เคยขาดเรียนเลย แต่กิจกรรมวันพ่อหลานจะขาดโรงเรียน ร้องไห้อยู่ที่บ้านด้วยเหตุที่เขาคิดถึงพ่อ ทุกคนที่โรงเรียนต่างมีพ่อแต่เขาไม่มี เป็นแผลในใจของเขา จึงอยากให้เขามีความสมหวังในการติดตามหาพ่อ
นายสกล จันทรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กำลังหาช่องทางในการติดตามบิดาของเด็กหญิงรายนี้กับกระทรวงการต่างประเทศ และประสานงานกับสถานทูตญี่ปุ่นติดตามข้อมูลบุคคลเพื่อให้ลูกและพ่อได้พบหน้ากัน
ทั้งนี้ การเผยแพร่ผ่านสื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะสามารถค้นหาได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากได้พบกันนั้นถือเป็นเรื่องราวที่ดีที่สุดในชีวิตของเด็กหญิงฉัตรธิยามล
อัลบั้มภาพ 5 ภาพ