เปิดใจหัวหน้าโค้ชทีมหมูป่า มีความหวังว่าเด็กๆ รอดชีวิตอยู่ในถ้ำหลวง

เปิดใจหัวหน้าโค้ชทีมหมูป่า มีความหวังว่าเด็กๆ รอดชีวิตอยู่ในถ้ำหลวง

เปิดใจหัวหน้าโค้ชทีมหมูป่า มีความหวังว่าเด็กๆ รอดชีวิตอยู่ในถ้ำหลวง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เปิดใจ "โค้ชนก" หัวหน้าโค้ชทีมหมูป่า มีความหวังว่าเด็กๆ รอดชีวิตอยู่ในถ้ำหลวง ยอมรับเพราะประมาทไม่ได้เช็คต่อว่าเด็กๆ ไปไหนต่อหลังซ้อม

กลุ่มผู้ปกครองของ 13 นักเตะทีมฟุตบอลทีน ทอล์ค (หมูป่า) อะคาเดมี แม่สาย ซึ่งได้สูญหายตัวไปภายในถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน บ้านจ้อง ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา ยังคงรอคอยอย่างมีความหวัง โดยเฉพาะการขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าแม่นางนอนให้ช่วยคุ้มครองบุตรหลาน

โดยหลายคนเชื่อว่าเด็กๆ อาจทำอะไรที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ควรภายในพื้นที่ถ้ำหลวง ทำให้ต้องหายตัวไปอย่างลึกลับเช่นนี้ แม้เจ้าหน้าที่จะระดมกำลังอย่างหนัก ทั้งจัดชุดเฉพาะกิจหน่วยซีลเข้าตามหาทางพื้นที่่และจัดเฮลิคอปเตอร์ค้นหาทางอากาศ นานถึง 3 วัน 3 คืนแล้ว แต่ก็ยังไม่พบตัว

ขณะที่ นายนพรัตน์ กันทะวงค์ หรือ โค้ชนก โค้ชหลักประจำทีมฟุตบอลทีน ทอล์ค (หมูป่า) อะคาเดมี เปิดเผยกับทางผู้สื่อข่าวว่า ทีมฟุตบอลทีน ทอล์ค (หมูป่า) อะคาเดมี หรือที่คนทั่วไปจะรู้จักในชื่อทีมหมูป่า ได้รวมตัวกันมาประมาณ 3 ปีแล้ว แต่มาใช้ชื่อทีมหมูป่าได้ประมาณ 2 ปี โดยตั้งชื่อตามสปอนเซอร์ที่ให้การสนับสนุน

ซึ่งทีมหมูป่าเริ่มมาจากลูกหลานของตนรวมตัวกันฝึกซ้อมฟุตบอลและได้มีการชวนเพื่อนมาเล่นด้วย ทำให้ปัจจุบันมีสมาชิกเยอะขึ้น ซึ่งตนเป็นคนที่ชื่อชอบในกีฬาฟุตบอลอยู่แล้ว เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายไม่สามารถเล่นฟุตบอลได้ จึงอยากทำในสิ่งที่รัก อยากให้โอกาสเด็กๆ ในพื้นที่ที่ขาดโอกาส

เด็กๆ ในทีมส่วนมากจะเป็นเด็กชาติพันธุ์ เด็กบัตรหัวศูนย์และเด็กขาดโอกาส ให้ได้เรียนรู้ทักษะฟุตบอลที่ถูกต้องตามที่ตนได้ไปอบรมมา ตามหลักสูตรที่เขาจัดไว้ โดยสอนให้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย โดยมีสมาชิกในทีมประมาณ 4 รุ่น คือรุ่น 11-13 ปี รุ่นไม่เกิน 15 ปี รุ่น 17 ปี และรุ่น 19 ปี ประมาณ 70 คน

นายนพรัตน์ กล่าวว่า ผลงานล่าสุดถือว่าเด็กในทีมประสบความสำเร็จอย่างมาก แม้จะเป็นทีมเล็กๆ แต่ก็คว้าชัยทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับจังหวัดมาได้ ล่าสุดปีนี้ได้รองแชมป์ภาคเหนือในรายการคาเนซ่าคัพ ทำให้ความผูกพันระหว่างตนกับเด็กๆ ที่ติดอยู่ในถ้ำมีความแน่นแฟ้นมากขึ้น เพราะบางคนเริ่มอยู่ด้วยกันตั้งแต่ 8-9 ขวบ

โดยเด็กๆ รุ่นที่ติดในถ้ำนี้ถือว่าสนิทสนมมากที่สุด แต่ในวันเกิดเหตุไม่ได้มาควบคุมการฝึกซ้อมด้วยตัวเอง เนื่องจากติดธุระออกสำรวจข้อมูลให้กับหมู่บ้าน เนื่องจากตนทำงานเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านด้วย จึงให้ผู้ช่วยโค้ชคือ โค้ชเอก เอกพล ไปทำการฝึกซ้อมแทน

>> เกาะติดทุกสถานการณ์ข่าว ติดตามผู้สูญหายในถ้ำหลวง ทั้งหมดได้ที่นี่

หลังจากซ้อมเสร็จเวลาประมาณเที่ยงวัน ทางผู้ช่วยโค้ชก็ส่งคลิปการฝึกซ้อมมาให้ เพื่อประเมินผลการซ้อมรอบ 3 เดือนก่อนที่จะมีการแข่งขันเดือนกรกฎาคมนี้

โค้ชนก กล่าวอีกว่า ตนคาดว่าหลังจากซ้อมเสร็จอากาศคงจะร้อน เด็กจะต้องผ่านทางเส้นทางจึงอยากแวะเข้าเที่ยวถ้ำ น่าจะเดินเพลินหรืออะไรไม่ทราบ จึงทำให้เดินเข้าไปลึกมาก จนน้ำป่าไหลบ่าเข้าภายใน ถ้ำทำให้ปิดทางเข้าออก

ประกอบกับฝนที่ตกหนัก ทำให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้น ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ทำให้เด็กหนีออกไปเรื่อยๆ ทำให้ทีมค้นหาไม่เจอ โดยเชื่อว่าเด็กจะยังอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการเอาชีวิตรอด

"ปกติการฝึกซ้อมฟุตบอลเด็กจะไม่มาที่ถ้ำแห่งนี้อยู่แล้ว เนื่องจากตนไม่อนุญาตให้เด็กออกนอกเส้นทางหลังการซ้อม ทางผู้ช่วยโค้ชไม่ได้แจ้งมาให้ตนได้รับทราบว่าจะมาเที่ยวถ้ำหลวงต่อ แต่ทั้งนี้ในฐานะหัวหน้าทีมฝึกสอนครั้งนี้จึงเป็นความประมาทของตนที่ไม่รัดกุมในการควบคุมน้องๆ มาซ้อมในพื้นที่ไกลถึง 7 กิโลเมตร เพราะเท่ามีหลักฐานทราบว่าพวกเขาเคยเข้าไปลึกในถ้ำถึง 2 กิโลเมตรมาแล้ว ครั้งนี้ก็น่าจะมีการเตรียมการมาเหมือนกัน" นายนพรัตน์กล่าว

โค้ชนก ยังกล่าวด้วยว่า ปกติวันธรรมดาทางทีมจะซ้อมกันที่สนามกีฬากลางแม่สาย ส่วนที่ว่ามีการโพสต์ว่า การเข้ามาในถ้ำเป็นส่วนหนึ่งในการซ้อมฟุตบอล ตนยืนยันว่าไม่ใช่อย่างแน่นอน ส่วนหนึ่งที่นอกจากการซ้อมฟุตบอล สัมผัสลูกฟุตบอล การสัมผัสพื้นหญ้าก็คือการปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ และฟิตเนสเท่านั้น นอกเสียแต่ว่าเมื่อแข่งขันเสร็จ จะพามีผ่อนคลาย แต่คนในพื้นที่รู้ดีว่าหน้าฝนไม่มีใครเข้ามาถ้ำหลวง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook