กาฬสินธุ์แฮปปี้เนสโมเดล ปิดเมืองจับเครือข่ายยาเสพติด รวบยาบ้าครึ่งแสนเม็ด-ผู้ต้องหานับร้อย

( 27 มิ.ย. 61 )  ที่หอประชุมศูนย์ราชการ จ.กาฬสินธุ์ นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ นายเธียรชัย อัจฉริยพันธุ์ รองผวจ.กาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พล.ต.จุมพล จุมพลภักดี ผบ.พล.ม.3 ในฐานะผบช.กกล.รส.กาฬสินธุ์ พ.อ.สมบัติ  จินดาศรี  รอง ผบช.กกล.รส.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.โสภณ วารี รองผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ นายชาญชัย ศรศรีวิชัย นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันจังหวัด เจ้าหน้าที่ปปส.ภาค 4 ตำรวจตะเวนชายแดน เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ อส.ชุดชรบ.และผู้นำท้องถิ่นร่วมกันปล่อยแถวชุดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด ตามยุทธการฟ้าแดดสงยาง ระดมกวาดล้างยาเสพติด ภายใต้โครงการกาฬสินธุ์แฮปปี้เนสโมเดล  คนกาฬสินธุ์ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง 

โดยปฏิบัติการครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้มีปูพรมจู่โจมปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย พร้อมกันทั้ง 18 อำเภอของ จ.กาฬสินธุ์ รวม 59 จุด ก่อนที่จะได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายหลังจากทำการปิดล้อมตรวจค้นครบทุกจุดในเวลา 09.30 น.

โดยผลการปฏิบัติงานครั้งนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหารวม 49 คน แยกเป็นครอบครองเพื่อจำหน่าย 14 คน ครอบครองยาเสพติด 2 คน และเสพ 33 คน พร้อมของกลางยาบ้า 1,645 เม็ด อาวุธปืน 4 กระบอก โทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง กัญชา 2 ต้น เงินสด 13,000 บาท และ รถ จยย. 8 คัน

ทั้งนี้จุดที่น่าสนใจคือการเข้าปิดล้อมจับกุมนักค้ายาบ้ารายใหญ่ในพื้นที่ ต.นาจารย์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ตำรวจ ทหาร และ อส.เข้าปิดล้อมตรวจค้นกระท่อมอยู่ในป่ายางพาราบริเวณบ้านโจด ต.นาจารย์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์

ซึ่งพบนายบัญชากร  อายุ 26 ปี ซึ่งเป็นผู้พิการแขนขวาลีบ เจ้าของกระท่อม และเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ แต่พอผู้ต้องหาเห็นเจ้าหน้าที่กลับพยายามวิ่งหนีเข้าไปในสวนยางพารา เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังและจับกุมไว้ได้ จากการตรวจค้นพบยาบ้าอยู่ในกระเป๋าจำนวน 129 เม็ด จึงควบคุมตัวมาสอบสวน

พร้อมกับขยายผลเข้าไปจับกุมตัว  นายดนัย  อายุ 23 ปี ชาวบ้านนาจารย์ ต.นาจารย์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นนักค้ายาบ้ารายใหญ่ในพื้นที่เช่นกัน พร้อมกับตรวจยึดของกลางยาบ้า 348 เม็ด อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก กัญชา 2 ต้น และเงินสดอีกจำนวนกว่า 30,000 บาท

ซึ่งทั้งสองคนรับสารภาพว่ายาบ้าทั้งหมดนำมาจากเครือข่ายค้ายาเสพติดในต่างจังหวัด ก่อนที่จะเอาเข้ามาพักไว้ที่บ้านและกระจายยาขายให้กับกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มผู้แรงงานในพื้นที่ ซึ่งทำมานานแล้ว เนื่องจากเห็นว่าเป็นรายได้ดี และไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไรมาก ซึ่งได้ผลกำไรเกินคาด แต่กลับมาถูกจับเสียก่อน เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับยุทธการฟ้าแดดสงยางกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ได้ดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและสิ่งของต้องห้ามมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้นอกจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อย่างเข้มข้นแล้วยังมีประชาชนในหลายพื้นที่เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ทั้งการแจ้งเบาะข้อมูลข่าวสาร การมีส่วนร่วมในการตั้งด่านตรวจภายในหมู่บ้าน

แต่ข้อมูลที่น่าห่วงคือ อายุของผู้เสพและคนเดินยาเริ่มลดต่ำลงเรื่อยๆ ปัจจุบันเท่าที่ตรวจพบมีอายุต่ำเพียง 12-15 ปี ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่ในการปรับยุทธการในการทำงาน เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ต่อไป

สำหรับผลการปฏิบัติการตามแผนยุทธการตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 27 มิถุนายน 2561 ภาพรวมทั้ง 18 อำเภอ สามารถจับกุมผู้ต้องหาครอบครองยาเสพติด 100 คน ครอบครองเพื่อจำหน่าย 173 คน ผู้เสพ 676 คน ยึดของกลางยาบ้า 66,493 เม็ด ไอซ์ 184.47 กรัม เฮโรอีน 2 กรัม กัญชา 5,335.27 กรัม 4 ต้น อาวุธปืน 73 กระบอก กระสุนปืน 163 นัด ธนบัตรปลอมฉบับละ  1,000บาท จำนวน 180 ฉบับ เงินสด 376,262  บาท รถยนต์ 7 คัน โทรศัพท์มือถือ 22 เครื่อง รถ จยย.16 คัน ไม้พะยูง 20 ท่อน เลื่อนยนต์ 1 เครื่อง

ส่วนมาตรการกวดบ้านตัวเอง ตรวจสารเสพติดในปัสสาวะของเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยตรวจปัสสาวะข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง ส่วนราชการจังหวัดและอำเภอ 7,916 คน พบผู้เสพติด 26 คน ให้ออกจากราชการ ตรวจปัสสาวะกำนัน ผญบ.ผู้ช่วยฯ  5,634 คน พบผู้เสพ 19 คน  ให้ออกจากตำแหน่ง ตรวจปัสสาวะข้าราชการ พนักงานลูกจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 13,832 คน พบผู้เสพ 85 คนให้ออกจากหน้าที่ รวมตรวจพบเจ้าหน้าที่ของรัฐที่พบสารเสพติดจำนวน 129 คน

นอกจากนี้จากการตรวจปัสสาวะพระภิกษุ สามเณร 1,103 รูป พบเสพ 68 ราย ให้ลาสิกขา ตรวจปัสสาวะสถานศึกษา 109 แห่ง จำนวน 14,207 คน พบผู้เสพ 225 คน ตรวจปัสสาวะโรงงาน 18 แห่ง จำนวน 1,015 คน พบผู้เสพ 23 คน ส่วนด้านการบำบัดฟื้นฟูนำผู้เสพเข้าสู่ระบบคัดกรองและบำบัดรักษาในระบบสมัครใจในโรงพยาบาลรัฐรวม 407 คน เข้าบำบัดฟื้นฟูในค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวน 180 คน เข้าระบบบังคับบำบัด 79 คน