ชาวบ้านร้องศูนย์ดำรงธรรม พบนายทุนโหดขู่เรียกเงินต้น-ดอกโหด สองตายายพร้อมขู่ยึดบ้าน
(27 มิ.ย. 61 ) นายศิริวัฒนะ วิชัยรัมย์ ชาวบ้านบ้านซับอุดม ต.ทุ่งจังหัน อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีอาชีพขับรถตู้รับจ้าง ได้นำรูปถ่ายพร้อมคำบอกเล่าจากสองตายาย เข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาแนวทางช่วยเหลือสองสามีภรรยาที่แก่ชรา คือ นายคำภา อายุ 92 ปี ปัจจุบันหูหนวกสายตาฟ่าฟาง และนางทองม้วน อายุ 87 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ใน ต.หนองกี่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์
หลังจากเมื่อ 5 ปีก่อน นายคำภา ผู้เป็นสามี ได้ไปกู้ยืมเงินนอกระบบจากนายทุนรายหนึ่งจำนวน 120,000 บาท โดยนำโฉนดที่ดินที่เป็นบ้านอาศัยอยู่ปัจจุบันไปค้ำประกันเงินกู้ด้วย เพื่อต้องการนำเงินไปให้ลูกของตนเองซึ่งเดือดร้อนจำเป็นต้องใช้เงิน โดยนายทุนได้คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 30 บาทต่อปี
แต่ต่อมานายทุนมาบอกกับ ตาคำภา อีกครั้งว่านายคำภา กู้เงินไปทั้งหมด 300,000 บาท และล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายทุนรายดังกล่าว ได้ส่งหนังสือแจ้งกับ 2 ตายายว่า หากไม่นำเงินที่กู้ยืมไปทั้งต้นและดอกเบี้ยรวมทั้งสิ้น 452,375 บาท มาจ่ายภายใน 15 วัน ก็จะยึดบ้านที่นำไปค้ำประกันเงินกู้ไว้ และจะขับไล่ออกจากบ้าน จากกรณีดังกล่าวจึงอยากให้ทางศูนย์ดำรงธรรมไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาแนวทางช่วยเหลือสองตายายด้วย
นายศิริวัฒนะ ชาวบ้านที่เป็นคนไปร้องเรียนให้ช่วยเหลือสองตายาย บอกว่า ตนขับรถตู้รับจ้างผ่านไปเห็นยายนั่งร้องไห้อยู่ที่บ้าน จึงเข้าไปสอบถามยายก็เล่าถึงสาเหตุของความทุกข์ใจให้ฟังว่า เมื่อ 5 ปีก่อนสามีไปกู้ยืมเงินนอกระบบจากทุนมา 120,000 บาท ให้ลูกที่กำลังเดือดร้อนไปใช้
แต่จู่ๆ ทางนายทุนก็มาบอกว่า ตากู้เงินไปทั้งหมด 300,000 บาท และพอครบกำหนด 5 ปี ก็มาเรียกเก็บทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยสูงถึงกว่า 450,000 บาท แต่ทั้งสองตายายไม่มีเงินจ่ายเพราะไม่มีรายได้อะไร ส่วนลูกๆ ก็ไม่มีปัญญาที่จะหาเงินมาจ่ายให้ได้เช่นกัน
จนล่าสุดนายทุนได้ส่งหนังสือมาแจ้งสองตายายว่า ถ้าไม่นำเงินไปจ่ายภายใน 15 วัน ก็จะยึดบ้านและขับไล่ออกจากบ้าน ด้วยความสงสารจึงเป็นตัวแทนมาร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมให้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และหาแนวทางช่วยเหลือสองตายายด้วย
ด้านนายชุมพล ภูผานิล ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า เบื้องต้นก็ได้รับเรื่องร้องเรียนไว้ พร้อมจะประสานไปทางศูนย์ดำรงธรรม อ.หนองกี่ ท้องที่เกิดเหตุให้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร มีการทำสัญญากู้ยืมกันหรือไม่ และมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนดตามที่มีการร้องเรียนจริงหรือไม่
เพราะเบื้องต้นมีเพียงคำบอกเล่าจากตายายเท่านั้น แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่า มีการกู้ยืมเงินนอกระบบและเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหายกำหนดจริง ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนกรณีที่จะขับไล่ตายายออกจากบ้านนั้นก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยเช่นกัน