“หมู พิมพ์ผกา” พร้อมทนาย แจงทุกข้อกล่าวหา งัดหลักฐานตอกกลับเว็บไซต์ชื่อดัง

“หมู พิมพ์ผกา” พร้อมทนาย แจงทุกข้อกล่าวหา งัดหลักฐานตอกกลับเว็บไซต์ชื่อดัง

“หมู พิมพ์ผกา” พร้อมทนาย แจงทุกข้อกล่าวหา งัดหลักฐานตอกกลับเว็บไซต์ชื่อดัง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีที่เว็บไซต์ชื่อดังคู่กรณีนักแสดงรุ่นใหญ่ หมู-พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ ได้ออกมาแถลงข่าวเมื่อวานที่ผ่านมา (27 มิ.ย.) ถึงเรื่องการใช้รูป นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับเว็บไซต์ดังกล่าว

ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานทางด้าน หมู พิมพ์ผกา ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว ทำนองว่าหนังคนละม้วน อยากให้รอฟังคำแถลงจากฝ่ายตนบ้าง

>>“นาย ณภัทร” เตรียมแถลง งัดหลักฐานสู้เว็บไซต์ มั่นใจพื้นฐานของความถูกต้อง

ล่าสุด ในวันนี้ (28 มิ.ย.) หมู พิมพ์ผกา จึงได้ขอตั้งโต๊ะแถลงข่าว พร้อมทนาย เจมส์-นิติธร แก้วโต ออกมาชี้แจงทุกข้อกล่าวหา ทั้งยังนำหลักฐานทั้งหมดมาเปิดเผยเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกด้วย

หมู พิมพ์ผกา - "จากเมื่อวานใจจริงไม่ได้อยากจะแถลงนะ บริษัท ไทย ฟินเทค มีแถลงพาดพิงถึงเราหลายประเด็นมาก ซึ่งจะทำให้ประชาชนเข้าใจในตัวเราผิด สร้างความเสียชื่อเสียง สำหรับเราการทำงานการเป็นนักแสดงเกือบ 30 ปี ปัจจุบันได้เปลี่ยนอาชีพเป็นคนดูแลนักแสดง มาดูแลน้องนายอย่างเต็มตัว เรามั่นใจว่าเราทำงานอย่างมืออาชีพ แล้วทุกแบรนด์ที่เราได้ร่วมงานที่น้องนายเป็นพรีเซ็นเตอร์ทุกแบรนด์ร่วมงานกันด้วยดี มืออาชีพและมีการต่อสัญญา”

หมู พิมพ์ผกา - “หลายประเด็นที่เขาได้พาดพิงถึงเรา อยากจะมาชี้แจงข้อเท็จจริงในมุมของเราบ้าง เรื่องที่เกิดขึ้นมันเกิดจากอะไร อันดับแรกที่เราจะเล่าให้ฟัง เราได้รับการติดต่อให้น้องเป็นพรีเซ็นเตอร์เหมือนแบรนด์ทั่วๆ ไป เป็นเรื่องของเว็บไซต์ที่ขายสินค้าออนไลน์ ดูแล้วจากขั้นต้นก็ปกติ วิธีการตกลงให้น้องถ่ายภาพนิ่ง 5 ภาพ ภาพเคลื่อนไหวเป็นวิดีโออีก 1 เรื่อง และเราตกลงกันในตอนนั้น”

หมู พิมพ์ผกา - “แล้วที่น้องคนที่ติดต่อมาเป็นพนักงานของบริษัท ไทย ฟินเทค แนะนำตัวเองเลยว่า น้องเพิ่งจบใหม่และบริษัทเราเป็นบริษัทใหม่ แต่มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านเลยนะ น้องบอกว่าเพิ่งจบใหม่ยังไม่มีประสบการณ์ เราบอกว่า อ้าว แล้ววิธีการติดต่อฟังทะแม่งๆ เราก็ถามไปเลยว่าใช้เอเจนซี่ของอะไร ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้วในการรับงานที่เราต้องสอบถามว่าใช้ทีมไหนทำงาน ช่างภาพเป็นใคร สอบถามเป็นปกติ เพื่อควบคุมภาพลักษณ์ของนักแสดง”

หมู พิมพ์ผกา พร้อมหลักฐานที่นำมาด้วย

หมู พิมพ์ผกา - “น้องบอกว่าน้องยังใหม่ คุณแม่มีแนะนำเอเจนซี่ไหมค่ะ ซึ่งเป็นการคุยกับแบบมีลายลักษณ์อักษรด้วยซ้ำ ว่าเขาให้เราแนะนำเอเจนซี่เอง ขอความช่วยเหลือมา (พร้อมโชว์ข้อความสนทนา) เราแนะนำไปกับเอเจนซี่ที่เราเคยทำงานด้วย เป็นเอเจนซี่ระดับหนึ่งของประเทศ เพราะดูจากทุนจดทะเบียนของเขาให้ไปคุยกันเอง จะเลือกหรือไม่เลือก เราไม่รู้เรื่องแล้ว แล้วที่เขามาบอกว่าเรามีส่วนได้ส่วนเสียกับเอเจนซี่ไม่จริง เขาเป็นคนขอความช่วยเหลือเราให้แนะนำ ด้วยความที่เราร่วมงานกับเอเจนซี่เยอะมาก"

หมู พิมพ์ผกา - "สำหรับสาเหตุที่ยกเลิกสัญญา แจ้งมาว่า ความคิดเห็นไม่ตรงกัน เราบอกเลยว่าเราขอยกเลิกสัญญากับเขา ด้วยคำว่าทำให้น้องเสื่อมเสียชื่อเสียงภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน ด้วยสาเหตุมาจากที่ว่า เพจเตือนภัยนักศึกษา ออกมาเตือนภัยเป็นเพจใต้เตียงมธ. (โชว์เอกสาร) ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาเตือนภัยนักศึกษาว่ามีเว็บไซต์เว็บหนึ่งเข้ามาที่มหาวิทยาลัย แล้วเอาบัตรประชาชนนักศึกษาไปถ่ายรูป นักศึกษาโปรดระวังข้อมูล”

หมู พิมพ์ผกา - “ซึ่งเมื่อเราเห็นตรงนี้แล้วมันมีความไม่ชอบมาพากล การดึงบัตรประชาชนนักศึกษา เพจนี้ถูกทวิตไปในทวิตเตอร์มีข้อความจากนักศึกษาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถูกดึงบัตรประชาชนไปถ่ายรูปจริง อย่างที่เราเห็นต่อมาคือมีโบรชัวร์ด้วย ซึ่งเรายังไม่ได้เริ่มงานอะไรกันเลย มีภาพน้องภาพนี้ ภาพน้องเกาคางภาพฮิตมากในโลกโซเซียล จะเปิดไปเพจไหนๆ เจอภาพน้องเกาคาง ที่มาของรูปนี้นะคะ คือเป็นรูปที่ เราบอกเลยว่าเป็นรูปที่มีลิขสิทธิ์นะคะ เป็นรูปที่เราถ่ายหนังสือ แล้วถามว่ามาได้ยังไง คือพอเสร็จสัญญากันปุ๊บ งานถ่ายภาพนิ่งยังไม่เคยขึ้น งานถ่ายใดๆ ยังไม่เกิดขึ้น ขอเรารูปหนึ่งก่อนได้ไหม เอาไปติดไว้ที่หน้าเว็บ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจพนักงานว่าเราได้พรีเซ็นเตอร์มาแล้ว (หัวเราะ) ทีนี้เราก็บอกว่างั้นไปเลือกเอาเลยในไอจี เลือกเอารูปไหนก็ได้”

หมู พิมพ์ผกา พร้อมหลักฐานที่นำมาด้วย

หมู พิมพ์ผกา - “เขาบอกไม่ได้ค่ะแม่ ไฟล์มันเล็กไป เราก็บอก อ้าว คุณจะติดแต่ที่เว็บไซต์ทำไมต้องเอาไฟล์ใหญ่ๆ เขาบอกว่าทางฝ่ายกราฟฟิกของเขาบอกว่าไม่ได้ ต้องไฟล์ใหญ่ เราก็บอกแม่ไม่มีไฟล์ใหญ่ รูปไฟล์ใหญ่ๆ มันมีลิขสิทธิ์ มีเจ้าของหมด เราให้ไม่ได้ เขาก็บอกว่า แม่คะ เราขอรูปนี้ เขาตั้งใจเลยว่าขอรูปนี้ (รูปน้องนายเสื้อสีดำยืนจับคาง) เราก็เลยส่งไปให้เขา ก่อนจะส่งไปเราก็โทรไปถามเจ้าของลิขสิทธิ์นะคะ บอกพี่ค่ะ หมูขอยืมใช้หน่อยนะคะ ไม่เกิน 1 เดือน เดี๋ยวถ่ายรูปใหม่เสร็จแล้วจะลบทิ้ง เพราะว่าเอาไปติดแค่ที่เพจเว็บไซต์เท่านั้น ไม่มีงานอื่น เขาก็บอกว่างั้นเอาไป เราก็ขอเขามาแค่เดือนเดียวเพื่อติดที่เว็บไซต์เท่านั้น เราก็บอกว่าเอาไปใช้ก่อนนะคะ 1 เดือน แล้วเรายังถามเขาเลยว่าเราถ่ายภาพนิ่งกันวันไหน เพราะว่าเราไม่ได้อยากให้ใช้ภาพอื่นๆ อยากให้ใช้ภาพของตัวแบรนด์นั้นเอง อย่าเอารูปนี้ไปใช้นะ ติดลิขสิทธิ์นะ”

หมู พิมพ์ผกา - “แต่ปรากฏว่ามีเพจเตือนภัยนักศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขึ้นรูปโบรชัวร์ เว็บไซต์เขาที่มีรูปน้องนาย รูปที่เราส่งไปให้ เราก็แบบทำไมคุณถึงกล้าเอาไปทำโบรชัวร์ ในเมื่อภาพมันเป็นลิขสิทธิ์ แล้วเซ็นสัญญายังไม่ถึงเดือนเลย คุณทำการตลาดแล้วตามมหาวิทยาลัยต่างๆ แล้ววิธีการทำการตลาดของเขาก็คือ เอ่อ...เอาเป็นว่าเดี๋ยวเราขอบอกถึงเหตุของการยกเลิกสัญญาก่อน คือ หนึ่งเลย เราเจอเพจเตือนภัย ซึ่งเรามองเห็นท่าไม่ดีแล้ว การที่เอาบัตรประจำตัวประชาชนของคนอื่นไป เท่ากับละเมิดสิทธิ์ แล้วบัตรประจำตัว เวลาเราให้ใครเอาไปถ่ายรูปมันอันตรายมากนะคะ เราไม่รู้ว่าเขาเอาไปทำอะไร เจตนาเขาคืออะไร ทำไมถึงต้องดึงบัตรประชาชนนักศึกษาไปถ่าย ทำไมต้องให้ซีรอกซ์แล้วเซ็นยินยอม เราเริ่มมองเห็นว่าไม่น่าจะดีแล้ว อันดับที่สองคือใช้รูปที่มีลิขสิทธิ์ไปทำเป็นโบรชัวร์ เราจึงขอใช้ข้อนี้ในการยกเลิกสัญญาเลย”

หมู พิมพ์ผาก - “ขอยกเลิกในวันที่ 23 พ.ค. ภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือน แล้วเขาก็ตกลง มีการเซ็นกันทั้งสองฝ่าย ตกลงกันอย่างดี และที่สำคัญที่สุด เราคืนเงินทุกบาททุกสตางค์นะคะ หลักฐานการคืนเงินเราก็มีหมดนะคะ ในความเป็นจริงนะคะ การตกลงค่าตัวของโฆษณาตัวนี้จะอยู่ที่ 5 ล้าน 8 แสนบาท แต่น้องคนที่ติดต่อเนี่ย บอกว่า คุณแม่คะ หนูขออนุญาตบวกเพิ่มเข้าไป 5 แสนบาทได้ไหมคะ เราก็ถามว่าบวกทำไม เขาก็บอกว่าขอเป็นค่านายหน้า เราก็บอกว่าอย่ามาเกี่ยวกับแม่ เงิน 5 ล้าน แม่เสียภาษี 20 เปอร์เซ็นต์นะ บวกเพิ่มมา 20 เปอร์เซ็นต์นี่มันมหาศาลสำหรับแม่ เขาก็บอกว่านะคะคุณแม่ ขอหน่อย ครั้งนี้ขอหน่อย ช่วยๆ กัน แล้วตอนนั้นเรากำลังจะไปเมืองจีน ก็เลยงั้นก็ได้ แต่ขอหักภาษี ณ ที่จ่ายให้มันถูกต้อง ซึ่งเราก็มีสัญญา แล้วน้องเขาพยายามจะโอนเงินเข้าบัญชีเรามาให้เร็วที่สุด โดยที่เรายังไม่ได้เซ็นสัญญา มันจะมีข้อความอยู่อันหนึ่ง ว่าขอโอนเงินก่อนสงกรานต์ได้ไหมคะ”

หมู พิมพ์ผกา - “เราเซ็นสัญญากันวันที่ 29 มี.ค. น้องบอกว่าขอโอนเงินก่อนสงกรานต์ได้ไหมคะ ทั้งที่สัญญาก็ยังไม่ได้เซ็น (โชว์หลักฐานแชทสนทนา) เราก็บอกไม่ได้ ทุกอย่างมันต้องเป็นไปตามขั้นตอนนะคะ คุณจะโอนเงินไม่เอาใบเสนอราคาเหรอ ไม่เอาใบวางบิลเหรอ ระบบบัญชีคุณคืออะไร เราก็อีกหนึ่งเอ๊ะ ว่าเราทำงานกับใครวะเนี่ย แล้วก็สุดท้ายเขาก็โอนเงินเข้าบัญชีนะคะ แม้แต่ใบเสร็จรับเงินเราก็ต้องโทรไปถามว่า ถามบัญชีให้หน่อย ไม่เอาเหรอ ไม่เอาหลักฐานพวกนี้แล้วคุณจะไม่ยื่นภาษีเหรอ เขาก็โทรกลับมาว่าเอาก็ได้ค่ะแม่ เราก็ทำกลับไปในนามของบริษัทนะคะเรียบร้อย”

หมู พิมพ์ผกา - “แล้วพอเราได้รับเงินโอนมาเสร็จเรียบร้อย ทำใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงินกลับไปให้เขาเรียบร้อย เราได้มีการโอนเงินกลับไปให้เขา 5 แสนบาทนะคะ โดยหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ 3 เปอร์เซ็นต์ ก็จะเป็นเงิน 485,000 โอนกลับไปให้พนักงานเขา เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราโอนกลับไปตามที่เขาโชว์หลักฐานให้ดู คือเงิน 5,800,000 บาท และเงินที่โอนให้พนักงานอีก 500,000 บาท รวมแล้วเป็นเงิน 6,300,000 บาท สรุปคือเราโอนเงินคืนเขาทั้งหมดทุกบาททุกสตางค์ โดยไม่เก็บไว้เลยแม้แต่บาทเดียว สิ่งสำคัญที่สุดคือเอาน้องนายออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ถ้าทำงานกับที่นี่ต่อไป จะมีใครออกมาโวยวาย ผู้ปกครองจะมาโวยวายไหมว่าบัตรประชาชนลูกสาว ลูกเขาหายไปนะคะ”

หมู พิมพ์ผกา - “ทีนี้มาถึงเรื่องที่เขากล่าวหาเรานะคะ เขาว่าเราแอบอ้าง ใช้คำว่าแอบอ้างในการที่เราโพสต์รูปนั้นรูปแรกเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. สาเหตุที่เราโพสต์รูปนั้นว่าแอบอ้าง คือวันที่ 13 ในเวลากลางคืนเราเห็นนักศึกษาคนหนึ่งทวิตเตอร์ขึ้นมาเป็นภาพน้องนาย (โชว์หลักฐานภาพที่ถูกกล่าวอ้าง) อยู่บนตึก ซึ่งภาพนี้เราบอกแล้วว่ามันเป็นภาพลิขสิทธิ์ เป็นของคนอื่นเขา คุณเอาไปทำโบรชัวร์ แถมมาทำบิลบอร์ดใหญ่ๆ ติดตึกแบบนี้ด้วยเหรอ ขออนุญาตแม่หรือยัง ถูกไหมคะ”

หมู พิมพ์ผกา - “อันที่สองคือน้องจะไปยังมหาวิยาลัยแห่งหนึ่งนะคะ และมีโบรชัวร์น้องในวันที่ 13 หมด เรายกเลิกสัญญากันไปแล้ว เป็นเวลา 20 วัน คุณยังใช้โบรชัวร์เราอยู่ โดยมีหลักฐานเยอะกว่านี้อีก นักศึกษาทยอยส่งมาให้หมูจากการที่หมูประกาศ เพราะฉะนั้นสิ่งที่แม่คนหนึ่งทำได้ คืองานนี้มันโผล่มาได้ยังไง แล้วรูปก็มีลิขสิทธิ์ เอามาติดบิลบอร์ดได้ยังไง แล้วสัญญาก็หมดไปแล้ว ถูกไหมคะ ยกเลิกไปแล้ว คืนเงินทุกบาททุกสตางค์แล้ว”

หมู พิมพ์ผกา - “ทีนี้พอมันเป็นรูปลิขสิทธิ์ เพราะฉะนั้นคำว่าแอบอ้าง ตามประสาของคนเป็นแม่ แม่ทำเพื่อปกป้องเขานะคะ คือคืนนั้นเราไม่รู้ว่าวันรุ่งขึ้นเขาจะไปที่มหาวิทยาลัยไหน แล้วนักศึกษาจะโดนยึดบัตรประชาชนถ่ายรูปอีกหรือไม่ สิ่งที่เราทำในคืนนั้นคือทำยังไงให้นักศึกษารู้ให้เร็วที่สุดว่าใครมายึดบัตรประชาชนอย่านะ ถ้าเห็นเขาเอาหน้าน้องนายไปทำโบรชัวร์แบบนี้อย่าหลงเชื่อนะ”

หมู พิมพ์ผกา - “แล้วคำว่าแอบอ้างในความหมายของเราคือ แอบอ้างคือการใช้รูปที่มีลิขสิทธิ์นะคะ การใช้รูปที่มีลิขสิทธิ์ที่เราได้รับอนุญาต ตอนที่เรายกเลิกสัญญากันเราเห็นแค่เขาใช้ในเว็บ และเห็นใช้ในโบรชัวร์ของเพจเตือนภัยนักศึกษาเท่านั้น เราไม่เห็นงานบิลบอร์ดเลย อยู่งานบิลบอร์ดโผล่ขึ้นมา มันจี๊ดมาก และในขณะนั้นคืนนั้นเราก็คิดว่าจะเอาไงดี พรุ่งนี้นักศึกษาจะรู้ให้เร็วที่สุด เราก็โพสต์คืนนั้นโดยไม่ได้ปรึกษาใครเลย ใช้สัญชาตญาณของความเป็นแม่ในการปกป้องลูกเรา บอกนักศึกษาว่าเราไม่เกี่ยว เขาแอบอ้าง เราไม่รู้ว่าถ้าเราไม่ใช้คำว่าแอบอ้างแล้วจะให้ใช้คำว่าอะไร ถูกไหมคะ เราไม่รู้จะใช้คำว่าอะไร นึกไม่ออกจริงๆ”

หมู พิมพ์ผกา - “นอกจากใช้คำนี้ แอบอ้าง แล้วเขาจะเอาคำนี้มาฟ้องแม่นะคะ ทีนี้มาถึงคำที่เขาบอกว่าแม่กล่าวหาในรูปนั้น แม่เขียนว่าสินค้าของเขาราคาแพง แม่จะอธิบายคำว่าสินค้าราคาแพง เราจะอธิบายคำว่าสินค้าราคาแพงให้ฟังนะคะ คำว่าสินค้าราคาแพงที่เขียนไปในโพสต์ ขออธิบายว่าเป็นสินค้าที่เกินความจำเป็น เกินปัจจัยสี่ที่มนุษย์จะมีถูกไหมคะ เด็กนักเรียน นักศึกษายังไม่ได้ทำงาน ยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง บางคนยังไม่บรรลุนิติภาวะเลย แต่ถูกให้มาผ่อนสินค้า เราถามเขาคำหนึ่งว่าแล้วถ้าเด็กๆ ไม่มีเงินผ่อนจะเกิดอะไรขึ้นถูกไหมคะ”

หมู พิมพ์ผกา - “สินค้าราคาแพงของเขาก็คือไม่ได้อยู่ในความจำเป็นปัจจัยสี่ อย่างเช่น กระเป๋าแบรนด์เนม น้องที่ติดต่อพี่บอกว่าเดี๋ยวจะมีกระเป๋าแบรนด์เนมทุกยี่ห้อมาอยู่ในเว็บของเรา มีนาฬิกา มีกล้องถ่ายรูป มันเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยอ่ะ มีทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า น้ำหอม มีสินค้าเหล่านี้หมด ถามว่านักศึกษายังไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง บางคนอายุยังไม่ถึง 20 ปี ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องมาผ่อนสินค้าถ้าไม่มีเงินผ่อนจะเกิดอะไรขึ้น”

หมู พิมพ์ผกา - “สิ่งที่แม่ทำ แม่ไม่อยากให้มันเกิดการสร้างค่านิยมที่ผิดๆ ว่าคนนั้นมีอันนั้นเราต้องมี พอมีเสร็จก็เกิดปัญหาว่าผ่อนไม่ไหว แล้วมันจะมีปัญหาสังคมเกิดตามมาแน่นอน นั่นคือสิ่งที่เรากลัวว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต เข้าใจคำว่าสินค้าราคาแพงในความหมายของเราแล้วนะ เราไม่ได้ไปบอกว่าของเขาแพงนะคะ เราโพสต์ว่าสินค้าราคาแพง”

หมู พิมพ์ผกา พร้อมหลักฐานที่นำมาด้วย

หมู พิมพ์ผกา - “ที่เขาบอกเราไม่ให้ความร่วมมือในการทำงาน ขอคิวแล้วไม่ให้ คุณคะ เราทำงานมากี่ปีแล้ว ขอแล้วไม่ให้จริงเหรอ เขาบอกว่าเขาขอคิวเราแล้วเราไม่ให้ เขาจึงไปใช้รูปนี้ เอารูปนี้มาถูกไหมคะ ดูหลักฐานการขอคิวไหมคะ (ยกหลักฐานบทสนทนาโชว์) คุณแม่คะขอวันที่ 1 มิ.ย. คือเขาขอล่วงหน้ามาแค่อาทิตย์เดียว ระดับน้องนายแล้วมาขอคิวตอนอาทิตย์เดียวมันเต็ม เราก็บอกว่าต้องนัดคิวล่วงหน้านะ เราติดงานจริงๆ เราก็ให้คิวเขาไปแล้วว่า 28-3 เราอยู่เกาหลีนะคะ จะมีคิวว่างในวันที่ 8, 16, 17 พ.ค. เลือกเอาเลยค่ะจะใช้วันไหน เขาก็โทรกลับมาถามเราว่าจะเอาวันไหนดี ก็มีการติดต่อคิวนู่นนี่นั่น”

หมู พิมพ์ผกา - “เขาบอกว่างานอาร์ตเวิร์คยังไม่เสร็จ แล้วเขาก็เริ่มเอางานอาร์ตเวิร์คมาให้ดู งานอาร์ตเวิร์คคืออะไร ก็คือในการทำโฆษณาทุกชิ้น ภาพนิ่งทุกชิ้น เขาทำมาให้เราดู 1 ชิ้น ซึ่งมันเป็นสิทธิ์โดยปกติอยู่แล้วที่ผู้ดูแลศิลปินต้องมีการตรวจสอบว่ามันถูกต้องหรือไม่นะคะ อันนี้ไม่ได้เป็นภาพที่ถ่ายใหม่นะคะ เป็นภาพที่เขาเอามาจากในอินเตอร์เน็ตมาตัดแปะว่างานจะออกมาประมาณนี้นะคะ”

หมู พิมพ์ผกา - “พอเราดูงานอาร์ตเวิร์คชิ้นนี้แล้วเกิดอะไรขึ้น พี่ๆ นักข่าวอยู่ในวงการมานานก็น่าจะรู้เนอะ คุณคะ คุณเอาสินค้ามาอยู่ตรงตัวน้องทำไม่ได้นะคะ อีกอย่างน้องเป็นพรีเซ็นเตอร์นาฬิกาด้วยนะคะ แล้วเอานาฬิกามาอยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้ เราบอกอย่าเอาสินค้ามาอยู่ตรงตัวน้อง เขาไปแก้กลับมาค่ะ แก้กลับมาเป็นอันนี้ (หัวเราะ) คือเอามาอยู่รอบตัวแทน เราก็บอกว่าตายแล้ว คุณไปเอาเอเจนซี่ที่ไหนมาทำงาน ทำไมไม่รู้กฎ กติกา มารยาทของการเป็นพรีเซ็นเตอร์ และเขาก็ถามเรากลับมาว่า อ้าว เป็นเว็บขายสินค้า แต่ไม่มีสินค้าแล้วจะให้ทำอะไรคะ”

หมู พิมพ์ผกา - “นี่คือสิ่งที่เราได้รับมานะคะ เราก็สอนเขาด้วยซ้ำและยังเอาตัวอย่างให้เขาดู มีโปรดักชั่นมาขอดูสัญญาเราด้วย เราก็ไม่มีใครให้ดูสัญญากัน คุณจะมาดูทำไม เดี๋ยวเราจะหาตัวอย่างให้ดูนะคะ เว็บขายสินค้าทำยังไง ก็มีพรีเซ็นเตอร์ และหน้าที่ของเราคือโปรโมทแบรนด์ โปรโมทเว็บไซต์เพื่อให้คนรู้จัก เราไม่ได้มาโปรโมทสินค้าแต่ละชิ้น แต่ละตัวนะคะ เพราะน้องมีสินค้าจับจองอยู่เกือบหมดทุกสิ้นทุกแบรนด์แล้วนะคะ อันนี้เป็นอันหนึ่งที่บอกถึงความไม่มืออาชีพเลย อันนี้คือที่เขาโพสต์ทวิตเตอร์ภาพน้องกับนาฬิกา เราก็บอกซิน ทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ น้องติดสัญญาพรีเซ็นเตอร์นาฬิกา Longines อยู่ค่ะ คุณจะให้น้องมาขายนาฬิกายี่ห้ออื่น เราจะโดนฟ้องนะคะ เราโปรโมทเว็บไซต์ พูดแล้วพูดอีกว่าเราโปรโมทเว็บไซต์ ไม่ได้โปรโมทขายสินค้าให้เขา”

หมู พิมพ์ผกา - "สิ่งเหล่านี้ก็น่าจะเป็นที่มาของคำว่าความคิดเห็นไม่ตรงกันในสายตาเขาที่เขากล่าวอ้างเรานะคะ แต่ว่ามันก็คือการปกป้องสิทธิ์ของเรา เป็นสิ่งที่ผู้ดูแลนักแสดงทุกคนต้องทำ ต้องจัดการดูแลสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว ที่นี้เราบอกเลยว่าเราเลิกสัญญากันไม่ใช่เพราะว่าความคิดเห็นไม่ตรงกัน แต่ว่ามันเป็นเพราะ 1. มีเพจเตือนภัย ซึ่งอาจจะทำให้ นาย ณภัทร เสื่อมเสียชื่อเสียง 2. คุณนำภาพที่มีลิขสิทธิ์ของเราไปทำเป็นโบรชัวร์ ทำเป็นบิลบอร์ด บิลบอร์ดที่น้องๆ ถ่ายภาพมา ระยะเวลามันขึ้นว่ามันที่ 28 พ.ค. เรายกเลิกสัญญากันในวันที่ 23 พ.ค. เขายังไม่เอาลง ไม่เป็นไรเราไม่ว่า เอาแบบแมนๆ ให้เวลา 7 วันในการเอาลง”

เหมือนเขายืนยันว่าเขาเอาลง เก็บหมดแล้ว ?
หมู พิมพ์ผกา - "เอาหลักฐานมาค่ะ”

ทางนั้นแจ้งว่าสั่งทีมงานเอาออกแล้ว ?
หมู พิมพ์ผกา - "ไม่เอาความ ถ้าเขาบอกว่าต้องใช้เวลา 7 วัน เรื่องนั้นเราไม่เอาความ แต่สิ่งที่เราเอาความคือ อยู่ดีๆ มีบิลบอร์ดที่เป็นภาพลิขสิทธิ์ขึ้นมา โผล่ขึ้นมาได้อย่างไร ถูกไหม ในเมื่อสิ่งที่เขาบอกเราในวันยกเลิกสัญญา เรามีแค่ภาพน้องในเว็บไซต์และโบรชัวร์ เราเห็นแค่สองอย่างนี้เท่านั้น บิลบอร์ดเรายังไม่เคยเห็น แล้วเป็นคุณ คุณตกใจไหมคะ อยู่ๆ วันที่ 13 มิ.ย. 20 วันผ่านไปแล้วเห็นบิลบอร์ดขึ้นมา ถูกไหมคะ แล้วยังเป็นภาพที่มีลิขสิทธิ์ ก็อย่างที่บอกไม่ใช้คำว่าแอบอ้างแล้วให้ใช้คำว่าอะไร”

หมู พิมพ์ผกา พร้อมหลักฐานที่นำมาด้วย

ทางนั้นบอกว่าติดต่อพี่หมูไม่ได้ ?
หมู พิมพ์ผกา - "โชคดีที่เรามีหลักฐานทุกอย่าง เราก็ไม่เข้าใจนะว่า ทำไมถึงเป็นผู้บริหารแต่ไม่พูดเรื่องจริงออกมา แล้วอย่างนี้เราจะทำให้ทุกคนเชื่อถือ หรือจะทำงานต่อแล้วเชื่อถือเขาได้อย่างไร เขาคุยกับเราเกือบ 1 ชั่วโมง ครั้งแรกคือเขาคุยกับคนชื่ออ้น ผู้ช่วยแม่ก่อน คุยจนเขาบอกว่าเขาอยากคุยกับเรา เราก็บอกว่าคุยได้นะถ้าเป็นตัวผู้บริหารจริง เราไม่คุยกับฝ่ายการตลาดที่เอาแต่แก้ตัว สิ่งที่เราจะคุย เราขอคุยกับผู้บริหารเพื่อที่เราจะเล่าทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นให้เขาฟัง หวังว่าเขาจะไปแก้ไข ในองค์กรของเขาให้เรียบร้อย เราจึงไปถามหาตัวตนของเขา (มิสเตอร์ จอห์นสัน วู รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไทย ฟินเทค ) พอได้เบอร์โทรศัพท์ก็ติดต่อกัน คุยกัน 1 ชั่วโมง”

หมู พิมพ์ผกา - “เราคิดว่าเราใจดีกับเขา ปรารถนาดีกับเขา มองเขาว่าเขาเป็นเจ้าของธุรกิจ ที่อยากทำธุรกิจประสบความสำเร็จแต่มีเหตุล้มเหลวเกิดขึ้นในองค์กร เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราจะบอกเขาก็คือ บอกให้เขาหาทางแก้ไข เพราะรูปน้องยังถูกใช้อยู่ในมหาวิทยาลัยเขารู้หรือเปล่า เราคุยและเล่าทุกอย่างให้เขาฟังหมด หารู้ไม่ว่าสิ่งที่เราคุยไปทั้งหมด เราเพลี่ยงพล้ำ กลายเป็นสิ่งที่เราเล่ามาทำร้ายเรา หาว่าเรา ต่างๆ นานา ตายแล้ว ความปรารถนาดีของเราเราใจดีกับคุณมากี่ครั้ง คุณไม่เห็นคุณค่าของมันเลย คุณกลับมาแถลงข่าวแทนที่จะขอโทษเรา กลับมาโยนของเสียให้เรา ให้ประชาชนเข้าใจผิดอีก”

หมู พิมพ์ผกา - “วันที่คุยกันเราบอกว่า จอห์นสัน เราถามจริงๆ นอกจากโบรชัวร์น้องนายแล้วบริษัทคุณได้ผลิตโบรชัวร์ใหม่มาหรือยัง เขาเงียบไป แล้วหลังจากนั้นเขามาบอกกับคนของเราว่า โบรชัวร์ใหม่ผลิตแล้วในวันรุ่งขึ้น และส่งมาเป็นงานอาร์ตเวิร์คเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นคุณจอห์นสันได้คุยกับเรา ทำไมถึงพูดมาได้ว่าไม่มีการคุยกัน และสิ่งที่เราขอกับทางคุณจอห์นสันคือขอการแก้ไขมาให้เราดู สิ่งที่เราขอเขาไป 3 ข้อในสิ่งที่จะแก้ไขปัญหาครั้งนี้ แม่ขอไว้ชัดเจนมาคือ 1. เราขอค่าเสียหายคือค่าปรับในการนำรูปไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต 2. ขอแพลนตารางงาน ว่าแต่ละสัปดาห์คุณไปที่มหาวิทยาลัยไหนบ้าง เพื่อที่เราจะเช็คได้และแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าคุณจะไม่ใช่รูปน้อง ให้เรามั่นใจตอนแรกเขาบอกว่าให้ไม่ได้เราก็ปล่อย แต่ตอนนี้เราต้องเอามาแล้ว แม่ขอเป็นเวลาแค่ 2 เดือน รายงานเราแค่ 2 เดือน 3. ก็คือออกหนังสือแถลงการณ์ขอโทษและรับผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น”

หมู พิมพ์ผกา - “หลังจากที่เราคุยกับคุณจอห์นสันเสร็จแล้ว คุณจอห์นสันบอกว่าจะขอคุยกับเรา เราบอกว่าคุยได้ แต่เขาจะเอาทนายความมาด้วย ในตอนนั้นเรายังไม่มีทนายเจมส์เข้ามา เรามีแต่ผู้ช่วย เราบอกว่าถ้าเอาทนายมาคุยจะไม่จบนะ เจตนาของเราคืออยากให้คุณปรับปรุงองค์กร คุณอาจจะโดนลูกน้องใส่อะไรเราไม่รู้หรอก เขาดึงดันจะเอาทนายความมาคุยและจะมีประธาน รองประธาน ผู้ช่วยประมาณ 7-8 คนมาคุย แต่ฝ่ายเรามีอยู่แค่สองคน แล้วจะคุยยังไง ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องหาทนาย เขามีทนายมาแล้วเราไปคุยถ้าเราเพลี่ยงพล้ำบอกอะไรเขาไปอีก คุยกับทนายมันก็น่ากลัว เราก็เลยแต่งตั้งทนายเจมส์ให้ไปดำเนินการคุยต่อทั้งหมด"

ทนายเจมส์ - "หลังจากที่ผมได้รับมอบหมายจากพี่หมูให้ดำเนินการเจรจาข้อตกลงและข้อเรียกร้องของฝั่งพี่หมูและรับทราบปัญหาและข้อเรียกร้องของฝั่งบริษัทไทย ฟินเทค ผมก็ได้เสนอข้อเสนอของพี่หมูไป 3 ข้อ 1. คือเรื่องของค่าเสียหาย 2. เรื่องของการขอตารางเวลา และ 3. เรื่องของคำขอโทษ ซึ่งข้อที่ 1. กับข้อที่ 3. ทางฝั่งของไทย ฟินเทค ยินดีที่จะให้ความร่วมมือครับ ยอมขอโทษและยอมจ่ายค่าเสียหายแต่ในเรื่องของข้อที่ 2 เป็นการให้ตารางเวลา ผมขอบอกก่อนนะครับว่ามันคือตารางเวลาเฉพาะที่ไปตามมหาวิทยาลัยเท่านั้น คุณจะไปทำการตลาดในที่อื่น เราไม่เอา เราไม่เอาแผนการตลาดใดใดทั้งสิ้น เอาแค่ตารางเวลาไปมหาวิทยาลัยเท่านั้น เพราะเราเล็งเห็นปัญหาที่ไม่อยากให้มหาวิทยาลัยหรือนักศึกษาไปติดภาระผ่อนสินค้าต่างๆ”

ทนายเจมส์ - “ตอนแรกผมขอไม่ได้กำหนดระยะเวลา ตอนหลังมาถ้าเกิดว่าพี่จะขอแบบตลอดไปมันก็จะลำบากสำหรับเขา ก็ขย่นลงมาเหลือแค่ 2 เดือน รายงานทุกสัปดาห์ก่อนที่จะไปเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าจะไม่ใช้โบรชัวร์ที่มีรูปของน้องนายอยู่แค่นั้นเอง หลังจากนั้นมาตอบผมมาว่าเป็นไปไม่ได้ วันที่ 25 ผมถามไปก็ไม่ตอบผม โทรไปไม่รับสาย มาตอบตอนเช้าวันที่ 26 ก่อนวันที่จะมีการแถลงข่าว ซึ่งผมบอกว่าถ้ามันเป็นไปไม่ได้ในเรื่องของการส่งมอบตารางเวลา พี่มีข้อเสนออะไรที่เป็นมาตรการป้องกันให้น้องไม่เสียหาย เสนอมา ผมจะไปคุยต่อ แต่เขาเลือกที่จะไม่คุย แล้วก็หายไป โผล่มาอีกทีก็มีการแถลงข่าว"

หมู พิมพ์ผกา - "เราก็คาดหวังว่าจะมีการแถลงข่าวขอโทษ แต่ว่ามันไม่มีการขอโทษ แถมยังพูดพลิกไปหมด ผิดไปหมด จะบอกว่าข้อเสนอที่เราเสนอไป 3 ข้อ เขาตกลงมา 2 ข้อ คือยอมจ่ายค่าเสียหาย สองคือยอมที่จะรับผิดขอโทษ แต่เราถามว่าแล้วทำไมข้อที่สองที่เราขอให้แสดงเจตนาบริสุทธิ์ที่จะไม่ใช้รูปน้องอีก ทำไมถึงทำไม่ได้ แล้วก็ไม่มีมาตรการอะไรที่จะทำ นั่นแสดงว่าคุณจะเอาไปใช้อีกใช่ไหม เรากลัวว่าจะเอาใช้อีกใช่ไหม เราไม่เข้าใจแล้วเขาก็ไม่ให้เหตุผลมาด้วย นั่นก็คือแสดงเจตนาไม่บริสุทธิ์แล้ว ต่อให้จ่ายเงินให้เรามากี่สิบล้านเพื่อเรื่องค่าเสียหายแล้วยังเอารูปน้องไปใช้อีก เราไม่ยอม"

นาย ณภัทร มาให้กำลังใจแม่หมู พิมพ์ผกา กลางวงนักข่าว

ถามถึงจำนวนเงิน ที่เขาจ่ายมา คืนเขาทั้งหมดเลยใช่ไหม ?
หมู พิมพ์ผกา - “ใช่ค่ะ ในความเป็นจริงตกลงกันที่ 5,800,000 บาท เท่านั้น แต่น้องคนที่ติดต่อ ขอบวกเพิ่มอีก 500,000 บาท เป็นค่านายหน้า รวมเป็น 6,300,00 บาท ซึ่งเราคืนเงินเขาทุกบาททุกสตางค์ ซึ่งเราได้โอนเงิน 500,000 บาทคืนเขาตามหลักฐานการโอนเงิน และ จำนวน 5,800,00 บาท ก็คืนบริษัทเขา แยกโอน และเงิน 500,000 บาท ที่โอนให้พนักงานเขา เป็นค่านายหน้า”

เขาบอกว่า เงิน 500,000 บาท เป็นค่าใช้รูป ?
หมู พิมพ์ผกา - “เขาเข้าใจว่าหักไว้เป็นค่ารูป แต่ในความเป็นจริง เราไม่ได้รับซักบาท”

ได้คุยกับพนักงานคนที่รับค่านายหน้าไหม ?
หมู พิมพ์ผกา - “พูดค่ะ เขาเป็นพนักงานก็ไม่รู้ว่าเขาบอกเจ้านายเขาหรือยัง พอเกิดกรณีนี้ ก็มีถามเราเหมือนกันว่าโอนคืนได้ไหม มันสายไปแล้ว ถ้าทางฝั่งเขาต้องการหลักฐาน เราส่งให้ได้นะ สรุปคือเราไม่ได้รับเงินเขาแต่บาทเดียว”

ที่เรียกร้องค่าเสียหายค่าสุดเท่าไหร่ ?
หมู พิมพ์ผกา - “3 ล้าน ถูกมาก เรายังคิดว่าที่เขาไม่ยอมให้แผนการตลาดเพราะคิดว่า จ่าย 3 ล้านเสร็จแล้ว นำรูปไปใช้ต่อรึเปล่า ไม่ว่าจะเท่าไหร่เราไม่อนุญาตให้ใช้รูปเรา”

มีนักศึกษาส่งโบรชัวร์มาให้อีกไหม ?
หมู พิมพ์ผกา - “มีเยอะเลยค่ะ มีเยอะมาก เขาไปตั้งบูทที่มหาวิทยาลัย 3-4 วัน จนวันสุดท้ายวันที่ 14 มิ.ย. พอเราลงว่าแอบอ้าง ก็โทรยกเลิกว่า พนักงานท้องเสียกันหมดเลย”

เราได้ส่งภาพให้เขาดูไหม ?
หมู พิมพ์ผกา - “ส่งค่ะ มีหลักฐานการส่งด้วย แล้วเขาบอกว่า เขาไม่ได้รับหลักฐาน พอเราคุยกับคุณจอห์นสัน หลังจากที่เราโพสต์ เขาไม่ยอมรับ ส่งจดหมายแถลงการณ์ของเขาว่า เขาไม่ได้แอบอ้าง มีการเซ็นสัญญาจริง แต่ยกเลิกไปแล้ว และที่สำคัญยังไปโทษเด็กที่โพสต์ทวิตเตอร์ว่า จะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดต่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ บัญชีชื่อนี้ ที่เป็นผู้เผยแพร่ข้อความให้เกิดความเข้าใจผิด เราต้องขอบคุณน้องที่โพสต์ ทำให้เราเห็นว่ามันมีงานนี้เกิดขึ้นแต่เขาจะเอาผิดเด็กที่รักน้องที่ตื่นเต้นว่าจะได้เจอณภัทรแล้ว”

ทนายความเจมส์ - “ข้อความของน้องไม่ได้มีอะไรที่เสียหาย”

หมู พิมพ์ผกา - “พอเห็นว่าเขาไม่ยอมรับ เราเลยรีบส่งว่า ฉันมีหลักฐานเยอะ มากนะ ก็ส่งหลักฐานการตั้งบูท มีเวลาในการถ่ายภาพ ในวันที่ 13 มิ.ย. คงปฏิเสธไม่ได้ว่าใช้มาในทุกมหาวิทยาลัยนะ”

หมู พิมพ์ผกา - “แล้วซินก็บอกว่าส่งให้คุณสกายทั้ง 3 ภาพ คุณสกายเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาด เราบอกส่งเลยเขาจะได้รู้ว่าคุณใช้ แล้วพรุ่งนี้เอายังไงบอกแม่มานะคะ แม่ยังมีหลักฐานที่มหาวิทยาลัยนี้อีกเยอะมาก มีการตั้งบูธ มีโบรชัวร์รูปน้องนายอยู่ มีไทม์ไลน์วันเวลาครบ ซึ่งเราส่งหลักฐานให้เขาแล้ว ฟ้องเจ้านายเขาก็แล้วว่ามันมีแบบนี้ มีการใช้อยู่จริง แต่เขากลับเมินเฉย"

ได้เห็นภาพบิลบอร์ดอันนั้นเองไหม ?
หมู พิมพ์ผกา - “หลังจากที่เห็นน้องคนนี้โพสต์ วันรุ่งขึ้นเราก็ให้มอเตอร์ไซค์ขับรถไปดูเลย ขับไปดูที่มหาวิทยาลัยนี้ปรากฏว่าไม่เจอ สืบไปสืบมาเจอว่าอยู่ที่มหาวิทยาลัยหอการค้า ภาพที่ถูกถ่ายคือถ่ายเมื่อวันที่ 28 พ.ค. เอาลงเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่เรื่องเอาลงเอาขึ้นเราไม่ติดใจ แต่สิ่งที่เราติดใจคือคุณเอาภาพที่มีลิขสิทธิ์ไปใช้ บริษัทคุณจดทะเบียนเยอะขนาดนี้ทำไมไม่ถ่ายรูปเป็นของคุณเอง รีบถ่าย รีบเอาภาพไปใช้ตามขั้นตอนให้ถูกต้อง"

เมื่อวานนี้เขาบอกว่าจะเตรียมหลักฐานฟ้องทั้งแพ่งและอาญา ทางเราว่ายังไง กังวลไหม ?
หมู พิมพ์ผกา - "หลักฐานที่เอามาให้ดู เรายังมีอีกหลายเท่าตัวอยู่ที่บ้าน นั่งเลือกหลักฐานแทบไม่ถูกว่าจะเอาอันไหน ก็เอาหลักฐานตามที่เขากล่าวหามาอ้างอิงทั้งหมดว่ามันไม่จริงเลยในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถ้าจะเป็นคดีฟ้องแพ่งและอาญา บอกเลยว่าเรามีหลักฐานเยอะกว่านี้ ลองคิดดู เราโพสต์ว่าใครมีหลักฐานให้ส่งเข้ามา ประเด็นที่เขาบอกว่าจะไปเอาผิดนักศึกษาคนนี้คืออะไร ลองคิดดูให้ลึกๆ ว่าเป็นการขู่เด็กๆ ที่จะโพสต์ภาพและส่งหลักฐานมาให้เรา ขู่ว่าจะไม่ให้ใครส่งหลักฐานมาให้เราอีก แต่มันสายไปซะแล้วเพราะเขาส่งมาหมดแล้ว"

ทางเราจะฟ้องกลับไหม ?
ทนายเจมส์ - "จริงๆ เราเก็บหลักฐานอยู่ เดี๋ยวผมจะไปรวบรวมตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ตั้งแต่เลิกสัญญาวันที่ 23 พ.ค. ผมก็จะเข้าไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ให้ข้อมูลมาว่าเขาเข้าไปเช่าสถานที่เพื่อตั้งบูธ แจกโบรชัวร์"

หมู พิมพ์ผกา - "ตอนนี้ก็เก็บมาได้หลายมหาวิทยาลัยแล้ว เอาจริงๆ เราคนไทยเนอะ นิสัยคนไทยทำผิดแล้วยอมรับผิดเรื่องมันก็จบ ขอโทษแล้วหาทางแก้ไข ทำให้เราสบายใจ เรื่องมันก็ไม่มีอะไรแล้ว ธุรกิจเขาก็ดำเนินต่อไปได้ แต่พอมาเป็นแบบนี้เราไม่ฟ้องไม่อยากมีเรื่อง อยู่วงการมาทั้งชีวิตต้องมานั่งแถลงข่าว เราไม่อยากมีเรื่องให้มันเสียสมาธิ เสียความสวยของเราไป มันเครียด เราก็ไม่ได้อยากมีคดีติดตัว ถ้าจะมีคดีเกิดขึ้นจริงเราคิดว่าเราถูกต้อง หลักฐานเราครบหมด แม่ว่าเขาน่าจะเสียเปรียบนะ"

อัลบั้มภาพ 17 ภาพ

อัลบั้มภาพ 17 ภาพ ของ “หมู พิมพ์ผกา” พร้อมทนาย แจงทุกข้อกล่าวหา งัดหลักฐานตอกกลับเว็บไซต์ชื่อดัง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook