ทักษิณแถลงรบ.โยนความผิดหนุนรุนแรง

ทักษิณแถลงรบ.โยนความผิดหนุนรุนแรง

ทักษิณแถลงรบ.โยนความผิดหนุนรุนแรง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทักษิณ ออกแถลงการณ์อ้างรัฐบาลโยนความผิดกล่าวหาอยู่เบื้องหลังความรุนแรงของเสื้อแดง ยันเคารพสันติวิธี เสรีภาพ ความเท่าเทียมกัน เรียกร้องเสื้อแดงผนึกกำลังเรียกคืน ปชต. นครบาลปล่อยตัวชั่วคราว แรมโบ้อิสาน พร้อมกำชับไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับม็อบ ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองและ และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 28 เม.ย. ได้รับการติดต่อจากทีมงานนายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยแจ้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เขียนคำแถลงการณ์ถึงจุดยืนแนวทางการเคลื่อนไหวเพื่อมาชี้แจง โดยส่งางอีเมลล์ให้กับสื่อทีวีและนสพ.บางฉบับ โดยระบุว่า

"แถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
"การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยโดยสันติวิธี"

ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยและกลไกของรัฐบาล ได้พยายามที่จะโยนความผิดให้ผมสำหรับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในระหว่างการ ประท้วงในทางการเมืองในประเทศไทยเมื่อเร็วๆนี้ ยิ่งกว่านั้น ผมถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมว่าเป็นผู้สนับสนุนและเห็นด้วยกับการใช้ความ รุนแรงเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมือง

ก่อนอื่น ผมขอปฎิเสธข้อกล่าวหาข้างต้นอย่างสิ้นเชิง ตลอดชีวิตของผม ผมเคารพในสันติวิธี เสรีภาพและความเท่าเทียมกัน ผมทำในสิ่งที่ผมพูด แม้ว่าผมได้ให้กำลังใจกระบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยนี้ตลอดหลายสัปดาห์ที่ ผ่านมา ผมได้เรียกร้องให้พี่น้องประชาชนชาวไทยต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยผ่านทางวิดีโอ และทางโทรศัพท์ ผมได้ย้ำตลอดมาว่า การรเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยนี้ต้องป็นไปด้วยสันติและกระบวนการ ต่อสู้ของประชาชนจะไม่ใช้ความรุนแรง พี่น้องประชาชนนับหมื่นนับแสนได้ตอบสนองข้อเรียกร้องและได้พากันชุมนุม ประท้วงอย่างสงบและสันติเป็นเวลาหลายสัปดาห์เพื่อเรียกร้องให้ประชาธิปไตย ที่แท้จริงกลับคืนมาสู่ประเทศไทย

ผมขอเรียนย้ำต่อพี่น้องชาวไทยว่าการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยของ เราจะต้องไม่ใช้วิถีของความรุนแรง ผมไม่สามารถสนับสนุนการใช้ความรุนแรง ผมขอพูดอย่างชัดเจนว่า เราจะไม่ใช้อาวุธในการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย เราต้องสร้างอนาคตของพวกเราผ่านความเข้มแข็งทางความคิดและหลักการอันถูกต้อง ของพวกเรา และพวกเราต้องอดทนและวางเฉยต่อการยั่วยุต่างๆจากทางภาครัฐ

ผมขอเรียกร้องให้คนไทยที่รักสันติทุกคนให้ผนึกกำลังเพื่อบรรลุถึงความ ปรองดองของคนในชาติและประชาธิปไตยที่แท้จริง ตามที่ผมเคยพูดไว้เราได้ถอยหลังจากการเผชิญหน้าไปหนึ่งก้าว และเราจะไม่ยอมยุติการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตยของไทย แม้เราถูกหยุดยั้งโดยภาครัฐงานของพวกเราก็จะไม่หยุด เพราะเราเชื่อมั่นว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้นคือการต่อสู้เพื่อสิ่ง ที่ถูกต้อง และในท้ายที่สุดนี้ ผมมีความมั่นใจว่าพลังของพี่น้องประชาชนจะต้องชนะและมีชัยด้วยแนวทางสันติ

ทักษิณ ชินวัตร
28 เมษายน 2552"

"สุริยะใส"เชื่อทักษิณอาจพึ่งฝ่ายซ้ายบางกลุ่มมากขึ้น

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่กลุ่ม นปช. โดย พ.ต.ท.ทักษิณ จะแปรขบวนการเคลื่อนไหวโดยเฉพาะการปรับบทบาทส่วนนำด้วยการสร้างแกนนำคนอื่นๆ ขึ้นมาแทนแกนนำ นปช.ชุดเดิม ซึ่งกำลังตกเป็นจำเลยของสังคมกรณีการก่อจราจล และมีความเป็นไปได้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจใช้ฝ่ายซ้ายเก่าที่อยู่แวดล้อมตัวเองเข้ามามีบทบาทในส่วนนำของ นปช.และเครือข่ายทักษิณมากขึ้น

เพราะต้องไม่ลืมว่าบนความผิดพลาดและพ่ายแพ้ในการเคลื่อนไหวก่อจราจลของ นปช.ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา เป็นชัยชนะของฝ่ายซ้ายบางกลุ่มที่ใช้กระแสทักษิณนิยมและการเคลื่อนไหวของ นปช.เป็น เครื่องมือเพื่อโจมตีสถาบันเบื้องสูงและระบอบอำมาตยาธิปไตยภายใต้ทฤษฎีชี้นำ ทุนก้าวหน้าดีกว่าศักดินาล้าหลัง ซึ่งที่ผ่านมาต้องยอมรับกันว่าอย่างน้อยฝ่ายซ้ายกลุ่มนี้ก็สามารถปักธงเปิด ประเด็นยึดกุมพื้นที่สาธารณะได้มาก

นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า แต่ในบรรดาฝ่ายซ้ายรอบตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็มีแนวทางขัดแย้งกันระหว่างฝ่ายซ้ายดั้งเดิมที่นิยมความรุนแรง กับฝ่ายซ้ายแนวปฏิรูปที่พยายามเข้ามาต่อสู้ในแนวทางรัฐสภาและสันติวิธี เพราะในทางสากลกระแสฝ่ายซ้ายแนวปฏิรูปขึ้นมาบนดินและละทิ้งแนวทางความรุนแรง หมดแล้ว มีการตั้งพรรคการเมืองแนวสังคมนิยมจนได้รับชัยชนะและเป็นรัฐบาลในหลายๆ ประเทศ เช่น แถบละตินอเมริกาอย่างบราซิล อุรุกวัย โคลัมเบีย โบลิเวีย หรือแม้แต่ในแถบยุโรปอย่างสเปนและเยอรมัน

นครบาลปล่อยตัวชั่วคราว"แรมโบ้อิสาน"

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 28 เม.ย. พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงการสอบสวนดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่ม นปช.ที่ บุกรุกเข้าไปในกระทรวงมหาดไทยและเข้าทำร้ายนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรักฐมนตรี และดำเนินคดีตามความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองภายหลังผู้ต้องหาทั้ง 4 คนประกอบด้วยนายสุพร อัตถาวงศ์ นายสิรวิชญ์ พิมพ์กลาง นายพีระ หลิ้งกลาง และนายณรงค์ศักดิ์ มณี หรือเป๋คลองเตยเข้ามอบตัวสู้คดี ว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาพร้อมทั้งสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียด โดยใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง

จากนั้นทนายความผู้ต้องหาได้ใช้ตำแหน่ง ส.ส.พรรคเพื่อไทยและหลักทรัพย์วงเงิน 5 แสนบาทยื่นประกันตัวนายสิรวิชญ์ นายพีระและนายณรงค์ศักดิ์ พนักงานสอบสวนพิจารณาอนุญาตให้ประกันตัวและปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีเงื่อนไข 3 ข้อคือ 1.ห้ามมิให้กระทำการใดๆที่เป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการรวบ รวมพยานหลักฐานในสำนวนคดี 2.ห้ามมิให้ผู้ต้องหาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองและ 3.ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร

โฆษกนครบาล กล่าวต่อว่า ในส่วนของนายสุพร ซึ่งถูกดำเนินคดี 3 ข้อหาคือ มั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไปประทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้น ในบ้านเมืองโดยเป็นหัวหน้าหรือผู้สั่งการ ข้อหาร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และข้อหาชุมนุมมั่วสุมตั้งแต่ 5 คน โดยฝ่าฝืนข้อกำหนด (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน)ตาม มาตรา 9 ข้อ 1 และมาตรา 18 นั้นทนายความได้ยื่นหลักทรัพย์เงินสด 4 แสนบาทพร้อมตำแหน่ง ส.ส.ของนายประเสร็ฐ จันทรรวงทอง ประกันตัวไปโดยมีเงื่อนไขปล่อยตัวชั่วคราว 3 ข้อห้ามดังกล่าว จากนั้นทั้งหมดได้ออกจากห้องสอบสวนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสท่ามกลางเสียง ปรบมือของผู้ชุมนุมที่มาให้กำลังใจอยู่ด้านล่างพร้อมมอบช่อดอกไม้แสดงความ ยินดีก่อนที่ทั้งหมดจะเดินกลับ

ส.ส."สุนัย"เอาตำแหน่งประกันตัว2แกนนำเสื้อแดง

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 28 เม.ย.ที่สภ.เมืองเชียงใหม่ แกนนำเสื้อแดง 2 ราย คือนายมานะ พันธุ์ไพบูลย์ หรือดีเจ ป.เป็ด และนายไพบูลย์ ชูชัย หรือดีเจลุงบุญ ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ หลังตกเป็น 2 ใน 5 ผู้ต้องหาซึ่งถูกตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ขออนุมัติศาลออกหมายจับเลขที่ จ.230/2552 ลงวันที่ 21 เม.ย.2552 ในข้อหาร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิ ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกำหมายแผ่นดิน, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปกระการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง, หยุดหรือจอดรถในลักษณะที่ไม่ปลอดภัยและเป็นการกีดขวางการจราจร

สำหรับการเดินทางเข้ามอบตัวครั้งนี้มีนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ช่วยประกันตัวให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ซึ่งตำรวจกำหนดวงเงินประกันตัวไว้ที่รายละ 1 แสนบาท ระหว่างการยื่นขอประกันตัวมีสมาชิกกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 30 คน เดินทางมาให้กำลังใจนำดอกมะลิมาคล้องให้กำลังใจแก่แกนนำเสื้อแดงทั้งสองราย

นายสุนัย กล่าวว่า ตนเป็น ส.ส.นครสวรรค์ แต่ที่ต้องใช้ตำแหน่งมาช่วยประกันตัวแกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่ เนื่องจากผู้ต้องหาได้ร้องขอไปที่พรรคว่าไม่มีเงินทองกันต้องไปวิ่งเช่าโฉนดที่ดินตนเลยยอมมาช่วย

ส่วนการแจ้งดำเนินคดี หรือออกหมายจับแกนนำเสื้อแดงนั้น ตนไม่เคยคิดที่จะตำหนิตำรวจ เพียงแต่มองว่าหากประชาชนเดือดร้อนก็จะช่วยเหลือเพื่อไม่ให้เกิดความเครียด เกินไปในสังคม และมองว่ากรณีที่เกิดขึ้นถ้าหากเสื้อเหลืองถูกดำเนินคดีบ้างก็จะดีเพราะไม่ อยากให้เกิดความเคียดแค้นทางสังคมหากใช้มาตรฐานเดียวกันในการจัดการสังคมก็ จะปรองดอง

ด้านพ.ต.ท.สวัสดิ์ หล้ากาศ รองผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า คดีดังกล่าวก่อนหน้านี้มีประธานกลุ่มสี่ล้อแดงและแกนนำเสื้อแดงซึ่งเป็นนักจัดรายการวิทยุชุมชนคนเสื้อแดงถูกออก หมายจับรวมกัน 5 คน หากรวมสองรายนี้ถือว่าเข้ามอบตัวแล้วทั้งสิ้น 4 คน คือนายสิงห์คำ นันติ ประธานสหกรณ์นครเดินรถล้านนา จำกัด(สี่ล้อแดง) นายนายธานิน ประดิษฐพันธ์หรือดีเจยุ้ย และตามด้วยวันนี้คือนายมานะพันธุ์และนายไพบูลย์ตามลำดับ

ส่วนผู้ที่ยังไม่เข้ามามอบตัวคือนายสุพล ศุภางคะรัตน์หรือดีเจที่ใช้ชื่อว่าอาจารย์สุรพล ซึ่งขณะนี้ได้มีการแจ้งประสานติดต่อมายังเจ้าหน้าที่ว่าจะเข้ามอบตัวเร็ว ๆนี้ โดยอ้างว่ายังติดภาระกิจอยู่ระหว่างไปทำธุรกิจที่ส.ป.ป.ลาว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในคดีเดียวกันนี้ล่าสุดตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้เตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 1 รายคือ"ดีเจหนึ่ง"ซึ่งเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานชัดเจนในการร่วมปลุกระดมมวล ชนเข้าร่วมปิดถนนผ่านรายการวิทยุและพบว่า "ดีเจหนึ่ง"ยังคงทำหน้าที่เป็นนักจัดรายการอยู่วิทยุชุมชนคลื่น 92.5 เมกกะเฮิรตซ์ของคนเสื้อแดงอยู่ทุกวัน แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบชื่อจริงซึ่งจะได้ติดตามตัวมารับทราบข้อกล่าวหาและเตรียมออกหมายจับเร็ว ๆนี้

กกต.เตรียมฟัน "บุญจง" พุธหน้า

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า ในที่ประชุม กกต.นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่าได้รับผลสรุปการสืบสวนสอบสวนจากคณะอนุกรรม การฯ กรณีนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย แจกเบี้ยยังชีพแนบนามบัตร ซึ่งประธาน กกต.ได้เปิดซองสำนวนในที่ประชุมพร้อมทั้งได้ถ่ายเอกสารแจกให้กับ กกต. ทุกคน และนัดพิจารณาในวันที่ 6 พ.ค. ที่จะถึงนี้

เลขาฯกฤษฎีกาบอกกม.คุมม็อบเกิดยาก

นางพรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ถึงความคืบหน้าการพิจารณายกร่างพ.ร.บ.การควบคุมการชุมนุมในที่สาธารณะ พ.ศ.... ว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รอการส่งเรื่องมาอย่างเป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หลังจากที่ครม.ได้มีความเห็นได้คณะกรรมการกฤษฎีกาไปยกร่าง อย่างไรก็ตามระหว่างนี้ได้มีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการยกร่างโดยเอาต้น แบบจากประเทศต่างๆ มาพิจารณาเพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับสังคมไทย ดังนันจึงต้องมีการปรึกษาการบังคับใช้ได้จริงในหลาย ประเทศ เพราะสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงในการยกร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว คือการทำให้กฎหมายมีสภาพการบังคับใช้ได้จริง เหมาะสมกับวิถีชีวิตคนไทย และต้องไม่เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพด้วย

นางพรทิพย์ กล่าวว่า ดังนั้นจะต้องการพิจารณาอย่างรอบด้านเนื่องจากกฎหมายดังกล่าวเหมือนกับเป็น ดาบสองคม ที่อาจจะกระทบสิทธิในการชุมนุมของประชาชน ส่วนกรณีทางตำรวจต้องการเร่งรัดให้กฎหมายนี้ผ่านโดยเร็วนั้น ก็เข้าใจเพราะต้องการให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามยังมีข้อโต้แย้งจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องอีกเป็นจำนวนมาก คงต้องมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นอย่างหลากหลาย อาจใช้รูปแบบเปิดเว็บไซต์ให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แสดงความคิด เห็นเข้ามา โดยไม่จำเป็นต้องทำประชาพิจารณ์

"ส่วนตัวเห็นว่า การมีกฎหมายฉบับนี้ออกมาบังคับใช้เป็นเรื่องยาก ไม่ใช่เรื่องง่าย และทางรัฐบาลเองก็ไม่ได้มีการเร่งรัด แต่เมื่อได้รับร่างอย่างเป็นทางการมาแล้วก็พร้อมที่จะดำเนินการให้เร็วที่ สุด" นางพรทิพย์ ระบุ

"อภิสิทธิ์"เชื่อเสื้อแดงส่วนใหญ่ไม่ต้องการความรุนแรง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีที่มีข่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการข่าวกรองแหงชาติ(ศปข.) สำนักนายกรัฐมนตรี มีการสรุปแนวโน้มสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า จะมีการขยายมวลชนและเคลื่อนไหว ในลักษณะพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ว่า ในที่ประชุม ครม.ไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้ แต่ได้มีการรับทราบมติคณะกรรมการประสานงาน 3 ฝ่ายเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา และรับทราบการทำงานของคณะกรรมการประมวลเหตุการณ์ของรัฐบาล ซึ่งจะทำงานต่อไป เพื่อให้ข้อเท็จจริงต่าง ๆ เป็นข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงเหล่านั้น

เมื่อถามว่า มีข่าวว่า จะมีการจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้กับรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาจจะมีแนวคิดของบางคนซึ่งได้มีการแสดงออกอย่างเปิดเผย แต่เขาเชื่อว่า ประชาชนส่วนใหญ่ คงจะไม่เห็นประโยชน์ของการที่จะเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า มีคนจำนวนหนึ่ง ที่อาจจะมีความคิดไปในทางที่รุนแรง แต่เขามั่นใจว่า ไม่สอดคล้องกับพื้นฐานของสังคมไทย และประเด็นที่กลุ่มผู้ชุมนุมให้ความสำคัญนั้น ขณะนี้ กลไกของรัฐสภา และรัฐบาลกำลังเดินหน้าสะสางอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำนปช.ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า จะมีการจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่า เรื่องนี้ ก็จะเป็นตัวบ่งบอกว่า แนวคิดที่จะไม่เคารพกฎหมาย และใช้ความรุนแรงมีอยู่ชัดเจนและมีอยู่จริง และมีบางคนเปิดเผยแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายแน่นอน เราจะต้องดำเนินการต่อไป

เมื่อถามว่า คิดว่า กลุ่มคนเสื้อแดง จะขยายมวลชนออกไปหรือไม่ นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า เขาเห็นผู้ชุมนุมและแกนนำบางส่วน ก็ออกมาปฏิเสธว่า ไม่ยึดถือแนวทางนี้

เมื่อถามว่า แกนนำส่วนใหญ่ ที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ในยุค 6 ตุลาฯ คิดว่าจะมีปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เท่าที่ฟังแกนนำให้สัมภาษณ์ขณะนี้ ไม่ได้ยึดแนวทางความรุนแรง

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook