เด็กนักเรียนไม่รู้ เด็ดผลไม้มีพิษกิน มึนหัว-อ้วกพุ่ง เจ็บระนาวนับสิบ

เด็กนักเรียนไม่รู้ เด็ดผลไม้มีพิษกิน มึนหัว-อ้วกพุ่ง เจ็บระนาวนับสิบ

เด็กนักเรียนไม่รู้ เด็ดผลไม้มีพิษกิน มึนหัว-อ้วกพุ่ง เจ็บระนาวนับสิบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เด็กนักเรียนไม่รู้เด็ดผลไม้มีพิษกิน ก่อนมึนหัว-อ้วกพุ่ง ท้องเสียพัลวัน หามตัวส่งโรงพยาบาล 14 คน ผู้ว่าฯ สั่งโค่นต้นเรียบร้อย

(29 มิ.ย.) นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย นายแพทย์สุพจน์ ภูเก้าล้วน ผอ.รพ.สุราษฎร์ธานี เดินทางตรวจเยี่ยมอาการป่วยของเด็กนักเรียน ชั้น ป.4 โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ จำนวน 14 คน ที่นอนรักษาอาการป่วย หลังชวนกันรับประทานผลของต้นมะละกอฝรั่ง

นายวิชวุทย์ กล่าวว่า จากการสอบถามเด็กๆ ทราบว่า เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการ ได้ชวนกันไปเก็บผลสุกของต้นมะละกอฝรั่ง ซึ่งจะมีสีเหลืองเหมือนผลไม้ที่รับประทานได้ ที่ปลูกอยู่ภายในโรงเรียน เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (28 มิ.ย.) หลังเลิกเรียน

เมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว ผลที่สุกมีรสชาติหวานมันอร่อย แต่หลังจากรับประทานข้าวเย็น เด็กๆ ทั้ง 14 คน มีอาการ มึนหัว ท้องเสีย และอาเจียนอย่างรุนแรง ทำให้รีบนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีอย่างเร่งด่วน เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่โค่นต้นไม้ดังกล่าวทิ้งแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กนักเรียนคนอื่นมาเก็บกินอีก

นายแพทย์สุพจน์ กล่าวว่า หลังจากตรวจดูอาการของเด็กนักเรียนทั้งหมด เบื้องต้นได้รักษา ตามอาการจนทุกคนปลอดภัย และสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว 4 คน และยังต้องนอนพักรอดูอาการอีก 10 คน เบื้องต้นอาการปลอดภัย และฝากเตือนให้ระวังเพราะผลของลูกไม้บางอย่างดูมีสีสันเหมือนจะทานได้ แต่อาจจะมีพิษได้ควรระวัง

นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังได้เดินทางไปตรวจสอบ ที่โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อหาต้นไม้พิษดังกล่าว โดยทางโรงเรียน ระบุว่า ต้นมะละกอฝรั่ง ปลูกอยู่ในสวนสมุนไพรของโรงเรียน

วันที่เกิดเหตุเป็นช่วงที่มีการแข่งกีฬ และกลุ่มนักเรียนจะกระจายกันอยู่ใต้ร่มไม้ ซึ่งนักเรียนน่าจะลองไปเก็บมารับประทาน และบอกต่อๆ กัน ก่อนที่จะเกิดอาหารเป็นพิษ ทั้งหมด 14 คน โดยล่าสุดทางโรงเรียนได้มีการตัดโค่นต้นมะละกอฝรั่งทิ้งแล้ว

ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ฝากเตือนไปยังโรงเรียน หรือ ชุมชนอื่นๆ ที่มีต้นไม้ชนิดนี้อยู่ ทั้งการใช้เป็นไม้ประดับหรืออยู่ในสวนสมุนไพร หากไม่จำเป็นก็ให้ตัดทิ้ง หรือ ติดป้ายเตือนเพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำซ้อน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook