ศปก.ปัดข้าวมื้อแรก 13 ชีวิตไม่ใช่หมูปิ้ง ส่งหมอซีล 7 คนเข้าถ้ำดูแลเด็ก

ศปก.ปัดข้าวมื้อแรก 13 ชีวิตไม่ใช่หมูปิ้ง ส่งหมอซีล 7 คนเข้าถ้ำดูแลเด็ก

ศปก.ปัดข้าวมื้อแรก 13 ชีวิตไม่ใช่หมูปิ้ง ส่งหมอซีล 7 คนเข้าถ้ำดูแลเด็ก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศปก.แถลงชี้แจง อาหารมื้อแรกของเด็กในถ้ำไม่ใช่ข้าวเหนียวหมูปิ้ง แต่เป็นอาหารเหลวพลังงานสูง ยืนยันเร่งมือนำตัวออกจากถ้ำเร็วที่สุด ส่งแพทย์ซีล 7 คนเข้าประกบแล้ว

(3 ก.ค.) เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่ศูนย์บัญชาการสถานการณ์จังหวัดเชียงราย นายภาสกร บุญญลักษม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย พล.ต.ฉลองชัย ชัยยะคำ รองแม่ทัพภาคที่ 3 พล.ร.ต.อาภากร อยู่คงแก้ว ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ และ พล.ต.บัญชา ดุริยพันธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ร่วมกันแถลงความคืบหน้าปฏิบัติการช่วยเหลือเยาวชน 13 ชีวิต ภายในถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน

โดยขณะนี้ การทำงานของเจ้าหน้าที่ยังคงยืนยันตามภารกิจเดิม แต่การแถลงข่าวจะเหลือเพียงวันละ 1 ครั้งเท่านั้น แต่เนื่องจากว่าวันนี้การติดตามข้อมูลข่าวสารมีความคลาดเคลื่อนไม่ตรงกัน ทางศูนย์อำนวยการร่วมจึงจำเป็นต้องแถลงเป็นกรณีพิเศษ

นายภาสกร กล่าวว่า ภารกิจขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการกู้ภัยและขั้นตอนต่อไปคือการพื้นฟูเยียวยา ซึ่งขณะนี้มีการนำเสนอข่าวที่สร้างความสับสน ซึ่งยังยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ยังดำเนินการตามปกติตลอด 24 ชั่วโมง และมีการประกาศภัยพิบัติเพิ่มเติมเพื่อให้การช่วยเหลือ ตั้งแต่ถ้ำทรายทองเป็นต้นไป ในพื้นที่ 4 ตำบลคือ ต.โป่งผา ต.โป่งงาม ต.ศรีเมืองชุม และ ต.บ้านด้าย มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 200 กว่าครัวเรือน พื้นที่ทางการเกษตร 1,400 ไร่ เนื่องจากถูกน้ำที่ระบายจากพื้นที่ถ้ำหลวงทะลักเข้าท่วม แต่ยังไม่มีความเสียหาย ซึ่งการช่วยเหลือจะเป็นไปตามลำดับ

นายภาสกร ยังกล่าวด้วยว่า ประเด็นที่สื่อนำเสนอว่าการช่วยเหลือเด็ก มีการส่งข้าวเหนียวไก่ย่างหรือหมูปิ้งให้กินเป็นมื้อแรกนั้นไม่ถูกต้องตามข้อมูล ซึ่งข้อเท็จจริงทางการแพทย์ได้ให้สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อเด็ก ตามขั้นตอนการอนุบาลเด็ก

รวมถึงเรื่องการติดเชื้อของเด็กและทางเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานด้วย ส่วนกรณีคำถามที่ว่าเมื่อไหร่จะนำเด็กออกมา ขณะนี้เจ้าหน้าที่ปฎิบัติงานตามกำลังความสามารถ ซึ่งหากมีจังหวะเมื่อใดพร้อมนำออกมาทันที ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของเด็กและวิธีการในการนำออกมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้นำเด็กออกมาด้วยความเรียบร้อยและปลอดภัย ถือเป็นหลักที่ต้องปฎิบัติอย่างเคร่งครัด

>> "หมอล็อต" เผย "ข้าวเหนียวหมูทอด" มื้อแรกทีมหมูป่า หลังติดถ้ำหลวง 10 วัน

พล.ต.ฉลองชัย กล่าวว่า บนพื้นที่สันเขา เจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติงานยังคงหารูหรือปล่องที่จะเข้าไปหาจุดที่เด็กพักอยู่ แต่มาตรการหลักยังคงอยู่ที่ว่าเด็กเข้าทางไหนก็จะต้องออกทางนั้น

ทางด้าน พล.ร.ต.อาภากร กล่าวว่า ขณะนี้เด็กๆ ทั้ง 13 คนยังสบายดี โดยมีหน่วยซีล 7 คน เป็นนายแพทย์ 1 คน เป็นพยาบาล 1 คนอยู่เป็นเพื่อน โดยได้ให้อาหารน้องๆ เป็นอาหารที่ย่อยง่ายและให้พลังงานสูง รวมทั้งมีเกลือแร่ด้วย เป็นการดูแลโดยแพทย์ที่มีความรู้ความสามารถ ไม่ต้องกังวล เพราะจะดูแลให้ดีที่สุดและจะนำน้องๆ กลับมา

ขณะนี้อยู่ระหว่างวางแผนว่าจะทำอย่างไร วิธีการแรกคือการพร่องน้ำออกมาให้มากที่สุดแล้วนำตัวเด็กๆ ออกมา หากทำไม่ได้ด้วยฤดูกาลที่ยังมีฝนตก ก็มีแผนสำรองไว้ให้น้องๆ ทุกคนได้กลับคืนสู่อ้อมกอดของพ่อแม่อย่างปลอดภัยทุกคน

พล.ร.ต.อาภากร กล่าวด้วยว่า สำหรับอากาศภายในถ้ำยังได้นำสารดูดคาร์บอนเข้าไป ทำให้มีอากาศหายใจได้ดี ดังนั้นยังไม่ต้องรีบร้อนและเร่งรีบ ต้องดูแลฟูมฟักให้แข็งแรงก่อน ขณะนี้ยังได้วางสายโทรศัพท์เพื่อให้พ่อแม่ได้คุยกับน้องๆ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในคืนนี้ หากน้ำในถ้ำจะสูงขึ้นก็คงไม่เกินจุดที่น้องๆ เคยอยู่อย่างแน่นอน

ส่วนการนำหน้ากากออกซิเจนสวมใส่ให้น้องก็เป็นวิธีการหนึ่งที่จะนำตัวออกมา แต่ต้องมีความมั่นใจปลอดภัยเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์และมีการซักซ้อมให้ดีก่อน ซึ่งน้องๆ เป็นนักกีฬาคงว่ายน้ำเก่งอยู่แล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรน่ากังวลเพราะที่ผ่านมาน่ากังวลมากกว่า

ขณะที่ พล.ต.บัญชา กล่าวว่า ภายหลังที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ทะลวงภูเขาที่ถ้ำทรายทอง เพื่อเอาน้ำออกมาซึ่งแรกๆ มีน้ำไหนแรง แต่ขณะนี้เริ่มหยุดแล้ว แสดงว่าถ้ำโถงใต้ภูเขาเริ่มแห้ง ส่วนปีกซ้ายที่มีน้ำท่วมโถงประมาณ 900 เมตร น้ำท่วมสูงท่วมหัว ขณะนี้ก็เหลือเพียง 2 ฟุต จึงเป็นหลักประกันได้ว่าจะไม่มีน้่ำไหลมาสมทบ

โดยตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน เป็นต้นมา จนถึงขณะนี้เป็นเวลา 75 ชั่วโมง มีการระบายน้ำออกชั่วโมงละ 1.6 ล้านลิตร ขณะนี้มีการพร่องน้ำไปแล้ว 120 ล้านลิตร ซึ่งการพร่องน้ำก็ยังดำเนินการต่อไป รวมถึงบริเวณถ้ำหลวงที่มีการพร่องน้ำ 1.8 ล้านลิตรต่อชั่วโมง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook