"เลี้ยงลูกแบบทหาร" บิดาผู้ว่าฯ เชียงรายเผยเคล็ดลับสอนลูกชายจนเป็นผู้นำน่ายกย่อง

หลังจากปฏิบัติการค้นหาสมาชิก ทีมหมูป่าอะคาเดมี่ ทั้ง 13 คนประสบความสำเร็จ พบเจอทุกคนในสภาพแข็งแรงปลอดภัยดี ทำให้มีเสียงชื่นชมยินดีทีมค้นหาจากผู้คนทั่วสังคมทั้งในประเทศและต่างประเทศ

โดยหนึ่งในผู้ที่ได้รับคำชมมากที่สุดคือ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ ที่บูรณาการปฏิบัติการค้นหาจากหลากหลายหน่วยงานตั้งแต่วันแรกมาจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก สามารถแสดงภาวะผู้นำได้สมกับที่เป็นพ่อเมือง

ล่าสุด ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ผู้อำนวยการหลักสูตร Ph.D. และ M.Sc. (Business Analytics and Data Science) สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวบอกเล่าแนวคิดการเลี้ยงดูบุตรชายของบิดาผู้ว่าฯ เชียงราย โดยระบุว่า

ตนเป็นลูกค้าประจำของร้านประสานเภสัชที่ปากซอยภาวนา ลาดพร้าว 41 โดยลุงประสาน โอสถธนากร เจ้าของร้าน เป็นคนซื่อตรง พูดตรง โอบอ้อมอารี ขายของในราคาเป็นธรรม ไม่โก่งราคา และมีน้ำใจ ทำให้เป็นที่ชอบพอของชาวบ้านย่านนี้ และขายยามากว่า 50 ปี แล้ว

ลุงประสานมีลูก 4 คน เป็นผู้หญิง 1 คน ผู้ชาย 3 คน มีหลาน 4 คน เป็นหลานสาว 3 คน และหลานชาย 1 คน เวลาไปซื้อยา ลุงจะเล่าเรื่องลูกหลานให้ฟังด้วยความภาคภูมิใจมากว่าเลี้ยงลูก 4 คน หลาน 4 คน ได้เรียนหนังสือกันดีๆ และจบปริญญาโททุกคน

วันก่อนตนมีโอกาสได้ไปซื้อยาที่ร้านประสานเภสัช เลยถามลุงประสานว่า เลี้ยงลูกอย่างไรให้ได้ดี แบบท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ลุงยิ้มแบบคนใจดี แล้วตอบว่า

"ผมเลี้ยงลูกแบบทหาร เลี้ยงลูกให้มีวินัย เลี้ยงลูกให้เป็นคนดี หลานผมก็เลี้ยงแบบเดียวกัน"

ท่านผู้ว่าฯ เชียงราย มักจะบอกเสมอว่าป๋า (ลุงประสาน) เป็นคนดุมาก ทั้งยังเป็นเผด็จการอีกต่างหาก ซึ่งลุงประสานก็ยืนยันแบบนั้นเพราะตนเองเคยเป็นทหารมาก่อนนั่นเอง "ผมดุลูกมาก และให้ลูกมีระเบียบวินัย เพราะผมเคยเป็นทหารมาก่อน ผมเป็นทหารเสนารักษ์ ที่ค่ายจักรพงษ์ จังหวัดปราจีนบุรี อันที่จริงผมเป็นคนแปดริ้ว ฉะเชิงเทรา ก่อนจะไปเป็นทหาร ผมเกเรมาก เล่นพนัน กินเหล้า สูบบุหรี่ ไม่มีอะไรดีสักอย่าง ผมไปเป็นทหารแล้วได้เรียนทางเสนารักษ์ เลยเป็นเสนารักษ์ พอหนีเที่ยว ผมโดนซ่อมหนัก ผมอายมาก เหนื่อยไม่เท่าไหร่ หนักไม่เท่าไหร่ แต่อายคน ผมเลยกลับเนื้อกลับตัว"

"ผมลาออกมาจากทหาร แต่ได้อะไรจากการเป็นทหารเยอะมาก และผมเอาวิธีการฝึกทหารมาใช้เลี้ยงลูกทุกคน ลูกผมจึงได้ดี นอกจากนี้ ผมก็ยังได้วิชาเสนารักษ์มา ทำให้ชอบและมีความสุขในการช่วยเหลือคนอื่น ขายยานี่มีความสุข เราขายไม่แพง ขายในราคาเป็นธรรม ให้ชาวบ้านที่ยากจนได้เข้าถึงยา ผมยังไม่เลิกขายแม้ลูกๆ บอกให้เลิก เพราะยังมีความสุขกับการได้ช่วยชาวบ้านจนๆ ได้เข้าถึงยา ผมขายไม่แพงนัก ผมอยากจะเลิกแต่ลูกค้าบอกว่าอย่าเลิก ผมขายถูกกว่าทุกร้าน เพราะผมไม่ได้อยากจะเอากำไรอะไรมากมาย แต่ผมมีความสุขที่ได้เจอคน ได้ช่วยคน" บิดาผู้ว่าฯ เชียงรายเผยหลักคิดในการประกอบอาชีพขายยา

เมื่อถามว่าเลี้ยงลูกอย่างไร คำตอบของลุงประสานคือ

"ผมเลี้ยงลูกแบบทหาร อะไรที่ถูก ลูกทำถูก ผมชม ผมให้กำลังใจ อะไรที่ผิด ไม่สมควรทำ ผมก็ลงโทษ ผมเข้มงวดแบบมีเหตุผล ต้องมีเหตุผล ไม่ใช่ใช้อารมณ์ ผมไม่ยอมให้ลูกสบาย สอนให้ลูกลำบาก ทำงานทุกอย่าง ลูก 4 คน ต้องทำงานในร้านทุกอย่าง คนโตนี่เขารู้เรื่องยาดีมาก ขายยาแทนได้ จัดของได้ สั่งยาได้ ผมไม่ยอมให้ลูกสบาย อีกอย่างคือ เราต้องทำให้ลูกดูเป็นตัวอย่าง เราซื่อสัตย์กับลูกค้า เราสอนลูกด้วยการทำให้ดู ผมบอกลูกเสมอว่า เงินหลวงบาทเดียวก็ต้องไม่โกง ผมสอนลูกว่าห้ามรับเงินใครทั้งนั้น แม้กระทั่งลูกน้องหรือข้าราชการด้วยกัน ให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง"

"ลูกผมโตมาในกรมที่ดิน มีผลประโยชน์เยอะ ข้าราชการในกรมที่ดินทราบดีว่า ให้เงินให้ทองลูกผมไม่รับ แต่ถ้าเป็นผลไม้นิดๆ หน่อยๆ ของที่ไม่มีราคาเป็นน้ำใจแก่กัน ผมบอกว่าให้ลูกผมรับ สามารถไปถามในกรมที่ดินได้เลยว่า คนในกรมเขาชมลูกผมเรื่องนี้อย่างไร ผมสอนลูกผมมาแบบนั้น ผมบอกให้ลูกทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง ให้ลูกประคองตัว ลูกผมมีหัวหน้ามาหลายคน มี 2 คนเข้าคุกไปแล้ว คนหนึ่งเรื่องคดีสนามกอล์ฟอัลไพน์ อีกคนเรื่องการเลือกตั้ง ผมบอกลูกว่าให้ทำแต่สิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น แล้วลูกผมก็เป็นคนโผงผาง ตรงไปตรงมา ไม่กลัวใครเสียด้วย" 

นอกจากนี้ ลุงประสานยังเปิดเผยอีกว่า การสอนลูกโดยการทำให้เห็นนั้น มีตั้งแต่การค่อยๆ เก็บหอมรอมริบเงินทอง ไม่ต้องร่ำรวย แต่ต้องซื่อสัตย์ ส่วนเรื่องความกตัญญู ก็ทำให้เห็นด้วยการพาลูกไปเยี่ยมแม่ (ย่าของท่านผู้ว่าฯ) สอนให้รู้จักการเคารพและดูแลผู้ใหญ่ที่มีพระคุณ

ลุงประสานปิดท้ายว่า ช่วง 8-9 วันที่ผ่านมา รู้สึกเหนื่อยมาก คอยติดตามดูข่าวในโทรทัศน์ตลอดทั้งวัน เป็นห่วงลูก เห็นลูกทำงานหนัก จึงโทรศัพท์ไปให้กำลังใจอยู่เสมอ พร้อมกับย้ำว่าการเป็นข้าราชการต้องพร้อมที่จะถูกโยกย้ายไปทำงานที่ใดก็ได้ เมื่อทำงานด้วยความรู้ความสามารถและทำเพื่อส่วนรวม จะทำให้เราภาคภูมิใจกับผลงานที่ทำ