กลุ่มอนุรักษ์ยินดี "ทีมหมูป่า" ปลอดภัย แต่วอนช่วยฟื้นฟู "ระบบนิเวศถ้ำ"

กลุ่มอนุรักษ์ยินดี "ทีมหมูป่า" ปลอดภัย แต่วอนช่วยฟื้นฟู "ระบบนิเวศถ้ำ"

กลุ่มอนุรักษ์ยินดี "ทีมหมูป่า" ปลอดภัย แต่วอนช่วยฟื้นฟู "ระบบนิเวศถ้ำ"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สืบเนื่องจากกรณีการระดมกำลังค้นหาทีมฟุตบอลเยาวชนและครูฝึกสอน 13 คน ที่พลัดหลงและติดอยู่ภายในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ในวนอุทยานขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่เย็นวันที่ 23 มิ.ย. 61 ซึ่งหน่วยงานหลายภาคส่วนนำโดย หน่วยซีล กองทัพเรือ ได้พยายามเข้าไปถึงจุดหนึ่งภายในถ้ำที่เรียกว่า "หาดพัทยา" ซึ่งคาดว่าทั้ง 13 ชีวิตจะอยู่บริเวณนั้น

แต่ภารกิจนี้ก็ต้องพบอุปสรรคมากมาย ทั้งฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องจนระดับน้ำในถ้ำสูงมิดเพดาน เจ้าหน้าที่ต้องทำทุกวิถีทางในการช่วยเหลือ ทั้งดำน้ำ สูบน้ำออกจากถ้ำ ขุดเจาะบาดาล ขยายโพรงปากปล่องรวมถึงเบี่ยงเส้นทางน้ำไม่ให้ไหลเข้าไปในถ้ำ

จนกระทั่งในเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 61 เวลา 22.30 น. นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ยืนยันว่าได้รับสัญญาณจากชุดปฏิบัติการว่า เจอผู้สูญหายทั้ง 13 ชีวิต โดยทุกคนปลอดภัย หนีน้ำอยู่บนเนินนมสาว ห่างจากหาดพัทยาภายในถ้ำหลวงประมาณ 400 เมตร 

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊กชื่อดังด้านสิ่งแวดล้อม คนอนุรักษ์ ได้โพสต์ข้อความแสดงความยินดีต่อความสำเร็จในการช่วยเหลือทีมนักฟุตบอลกลุ่มดังกล่าว แต่ขณะเดียวกันก็ขอให้ทีมช่วยเหลือให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูระบบนิเวศภายในถ้ำ ที่มีการขุดเจาะ และเปลี่ยนเส้นทางน้ำไหล ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตภายในถ้ำ

พร้อมทั้งยกตัวอย่าง ถ้ำเป็น-ถ้ำตาย โดยสังเกตจากการเจริญเติบโตของหินงอกหินย้อย โดยระบุข้อความว่า แม้เราจะยินดีที่ได้ช่วยชีวิตคนแล้ว แต่ไม่อยากเห็นถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ในวนอุทยานขุนน้ำนางนอน ต้องกลายเป็น "ถ้ำตาย" จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะบางวิธีการเช่นการเจาะใต้ดิน การเปลี่ยนทางน้ำ อาจมีผลกระทบต่อระดับน้ำในถ้ำ ทิศทางการไหล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของถ้ำ ซึ่งจะต้องมีการติดตามผลกระทบในระยะยาวต่อไป 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook