นศ.สาวร้อง ถูกหลอกเป็นตัวแทนขายกล้อง สุดท้ายโดนแจ้งความฉ้อโกง ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

นศ.สาวร้อง ถูกหลอกเป็นตัวแทนขายกล้อง สุดท้ายโดนแจ้งความฉ้อโกง ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

นศ.สาวร้อง ถูกหลอกเป็นตัวแทนขายกล้อง สุดท้ายโดนแจ้งความฉ้อโกง ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ นางอมรรัตน์ อายุ 41 ปี พร้อมนางสาวทิวากร ลูกสาว อายุ 19 ปี นำเอกสารที่เป็นหมายเรียกผู้ต้องหาจากหลายโรงพักเข้าพบ พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ เพื่อขอความเป็นธรรมและขอแนวทางในการช่วยเหลือด้านคดี

หลังนางสาวทิวากร ลูกสาว ซึ่งกำลังจะเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยถูกหลอกให้สมัครเป็นตัวแทนขายสินค้าทางอินเตอร์เน็ตผ่านทางไลน์ จนตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงหลายคดี

ซึ่งที่ผ่านมาได้พาบุตรสาวไปให้ปากคำกับตำรวจแล้วทุกแห่งแล้ว เพื่อยืนยันถึงความบริสุทธิ์ใจ แต่เกิดความไม่สบายใจ และกังวลว่าจะถูกดำเนินคดี จึงมาร้องขอความเป็นธรรม ทั้งขอร้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการสืบเสาะหาคนร้ายตัวจริงดำเนินคดี

นางสาวทิพากร กล่าวว่า เมื่อช่วงประมาณต้นเดือนเม.ย. 2561 ที่ผ่านมาตนได้รับการเชิญชวนให้เข้าสมัครเป็นตัวแทนการขายสินค้า จึงได้ส่งข้อความทางไลน์เข้าไปสมัครงานตามที่เห็นประกาศรับสมัคร โดยเป็นตัวแทนขายกล้องถ่ายรูปในอินเตอร์เน็ต เนื่องจากเห็นว่ามีการเสนอรายได้เดือนละ 12,000 บาท และเงินรางวัลอื่นๆล่อใจ

เมื่อตกลงสมัครเข้าไปแล้ว คนที่ประสานงานมาได้ให้ตนไปเปิดบัญชีธนาคาร แล้วส่งสมุดเงินฝาก บัตรเอทีเอ็ม และบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงทั้งหมดไปที่บริษัทดังกล่าวตามเงื่อนไขที่เขาแจ้งมา โดยมีการไลน์ติดต่อกับตัวแทนบริษัทดังกล่าวที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งแต่ไม่รู้จักชื่อและไม่เคยเห็นหน้าตาตลอด

กระทั่งเวลาผ่านไปมีข้อความเข้ามาสอบถามและต่อว่าทางไลน์ ว่าสั่งซื้อกล้องโดยโอนเงินเข้าบัญชีแล้ว แต่ทำไมไม่ได้รับสินค้า จึงรู้ตัวว่าถูกมิจฉาชีพหลอก โดยหลอกลูกค้าโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของตนแล้วไม่ส่งสินค้า

“ผู้เสียหายคนแรกแชตมาทวงสินค้าวันที่ 7 พ.ค. รู้สึกผิดปกติจึงไปขอดูรายการเดินบัญชีกับทางธนาคาร พบว่ามีเงินเข้าบัญชีจำนวนกว่า 170,000 บาท แต่ตนไม่ได้ใช้เงินสักบาท จึงได้สั่งอายัดบัญชีแล้ว

จากนั้นมาแจ้งความที่ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้น ต่อมาวันที่ 21 พ.ค. ได้รับหมายเรียกจาก สภ.ปทุมวัน กรุงเทพฯ ในข้อหาฉ้อโกง

วันที่ 1 มิ.ย. ได้รับหมายเรียกจาก สภ.เมืองอุบลราชธานี ข้อหาฉ้อโกง วันที่ 22 มิ.ย. ได้รับหมายเรียกจาก  สภ.เกาะกูด จ.ตราด ข้อหาฉ้อโกง และวันที่ 25 มิ.ย. ได้รับหมายเรียกจาก สภ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ข้อหาฉ้อโกง ก่อนที่จะเดินทางไปให้ปากคำที่โรงพักทั้ง 4 แห่งตามที่มีหมายแจ้งมา 

ซึ่งวันนี้ได้มาร้องขอความเป็นธรรมกับ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ เพื่อขอความเป็นธรรมในเรื่องคดี และยืนยันในความบริสุทธิ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงคนอื่นโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าว”นางสาวทิพากรกล่าว

นางสาวทิพากร กล่าวอีกว่า เรื่องทั้งหมดเกิดจากที่ตนอยากมีรายได้ เพื่อแบ่งเบาภาระพ่อกับแม่ที่รายได้ไม่มากนัก เพราะมีอาชีพรับจ้างรายวัน และไม่มีที่ดินทำกิน ซึ่งหวังจะมีรายได้เป็นทุนการศึกษาให้กับตนเอง รวมทั้งค่าที่พักและค่าครองชีพ 

เพราะขณะนี้กำลังลงทะเบียนศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งซึ่งจะเปิดภาคเรียนในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ แต่กลับมาถูกหลอก

ด้าน พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการสอบถามนางสาวทิวากรและนางอมรรัตน์ กำลังได้รับความเดือดร้อนจากการได้รับหมายแจ้งข้อหาฉ้อโกง และยืนยันในความบริสุทธิ์ของตน 

ซึ่งต้นเหตุอาจจะเกิดจากความใสซื่อตามประสาวัยรุ่นที่ชอบแชตไลน์ จึงเป็นช่องทางให้ถูกอาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ต แอบอ้างหลอกลวงประชาชนรายอื่น ที่หลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร 

“ในส่วนนางสาวทิวากร จะตกเป็นเหยื่อได้รับข้อกล่าวหาฉ้อโกง หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนร้ายอย่างไรหรือไม่นั้น ในการติดตามสืบสวนทางคดี ได้มอบหมายให้กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ได้เร่งติดตามคนร้าย ทั้งจากหลักฐานการติดต่อทางไลน์ รวมถึงช่องทางอื่นๆ

ด้านแนวทางการให้คำปรึกษา 2 แม่ลูกนั้น หากมีหมายจากโรงพักไหนมาถึงอีกต้องไปตามหมาย พยายามรวบรวมหลักฐานให้มากที่สุด เพื่อให้สาวไปถึงตัวคนร้าย และให้ปากคำตามความจริง

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ ก็จะดำเนินการ ตามแนวทางการสืบสวนสอบสวนควบคู่กันไป” พล.ต.ต.มนตรีกล่าวในที่สุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook