สนธิ แถลงวินาทีเฉียดตาย เชื่อผู้มีอำนาจร่วมมือกันส่งทหารสังหาร มั่นใจหวังขู่นายกฯ-คุมสื่อมวลชน

"สนธิ" เผยเบื้องหลังถูกสอบสังหาร ชี้"มาร์ค"ถูกตามฆ่า 2 ครั้งเพื่อเป็นมูลเหตุให้เกิดการปฏิวัติ

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดแถลงข่าวเมื่อเวลา 12.40 น. ที่บ้านพระอาทิตย์ วันที่ 3 พ.ค.ถึงกรณีถูกลอบยิง เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ว่า การลอบสังหารเมื่อ 17 เม.ย.2552 มีอยู่ 2 มิติ เป็นมิติที่สำคัญมาก คือ การลอบสังหารผมในฐานะเป็นสื่อมวลชน ตื่นมาแล้วออกไปทำหน้าที่โดยสุจริตเที่ยงตรง รักษาผลประโยชน์ส่วนรวม และการเป็นหนึ่งในแกนนำภาคประชาชน ทั้งสองอย่างเป็นมิติที่อุกอาจ โหดเหี้ยม อำมหิต กระทำโดยคนมีอำนาจและมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติ การทำร้ายของในฐานะสื่อ เป็นกระบวนการคุกคามที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ไทย เพราะไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เป็นการส่งสัญญาณให้หลายฝ่าย รวมทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีด้วยว่า ถ้านายสนธิตายได้ นายอภิสิทธิ์ก็ตายได้ และมีนัยยะเลยไปด้วยว่า ประเทศนี้ใครมีอำนาจมีปืน มีอำนาจทำอะไรก็ทำได้

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ส่วนการคุกคามในฐานะแกนนำภาคประชาชน ก็เป็นนัยยะที่ส่อให้เห็นว่าภาคประชาชน ที่ออกมาเรียกร้องความถูกต้องและความเป็นไปให้โปร่งใส เป็นอันตรายต่อกลุ่มอำนาจเก่า หรือกลุ่มอำนาจที่เข้ามาใหม่ ถ้าทำสำเร็จก็จะทำให้ผู้นำมวลชนทั้งหลายเกรงกลัว ที่สามารถล้มรูปแบบการต่อสู้ของการเปิดเผย เท่ากับยิงนกนัดเดียวได้หลายตัว ทางอ้อมขู่นายกฯ ขู่สื่อที่กล้าพอออกมาพูดความจริง และคุมให้วงการสื่อให้อยู่ใต้อำนาจของการป่าเถื่อน และสร้างความชอบธรรมความป่าเถื่อน ขู่ภาคประชาชน ไม่แค่เสื้อเหลือง รวมไปถึงเสื้อแดงด้วย ถ้าเรียกร้องมากนัก ก็เอาความตายไปแล้วกัน ฉะนั้นมิติการลอบสังหารเมื่อ 17 เม.ย.ก็มีดังนี้

"การลอบสังหารนั้นใคร ก่อนตอบคำถามนี้มาดูพฤติกรรมและรูปแบบก่อน ที่บอกว่าไม่เคยมีครั้งใด คือใช้อาวุธสงครามล้วนๆ การยิงปืนอาก้า เอ็ม76 ยิงจากคนที่ถูกฝึกมาให้ใช้อาวุธประเภทนี้โดยเฉพาะ ห่างไปไม่ถึง 20-15 ม. ท่านั่งประทับยิง เป็นท่าการฝึกยิงของทหารเห็นชัด ใช้กระบวนรถ4คัน และคนที่เข้ามาร่วมด้วยเยอะพอสมควร 10 กว่าคน เกิดกับภาวะที่กล้องวงจรปิดเสียกระทันหันถึง 5 ตัว เชื่อได้ว่าเป็นการร่วมมือกันของผู้มีอำนาจ ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ในขณะที่ยิงได้รับทราบเส้นทางเดินรถของตนตลอด เท่ากับมีการเฝ้าจ้อง และมุ่งสังหารตนมาเป็นเวลานานพอสมควร โชคดีของตนและโชคร้ายชองเค้าที่ไม่ได้ไปไหน ไม่ใช่เป็นการกระทำของมือปืนมืออาชีพ แต่ผมเรียกว่าทีมล่าสังหาร และไม่ใช่ส่วนบุคคลแต่ต้องผ่านการฝึกส่วนบุคคล"

นายสนธิ กล่าวอีกว่า ยืนยันได้ว่า การลอบสังหารเป็นฝีมือของทหารและเป็นทหารบางคน ไม่ใช่ฝีมือของกองทัพ เพราะกองทัพส่วนใหญ่เป็นทหารอาชีพไม่ทำอะไรอัปยศอดสูอย่างนี้