สธ.ตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ เหยื่อเรือล่มภูเก็ตได้ 12 ราย

สธ.ภูเก็ต เผยความคืบหน้าตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์เหยื่อเรือล่มแล้ว 12 ศพ จาก 33 ศพ ขณะที่ รอง ผบ.ทร. 3 เตรียมบินสำรวจเกาะต่างๆ เร่งค้นหาผู้สูญหาย

นายแพทย์จิระพันธ์ เต้พันธ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงผลความคืบหน้าของการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลของผู้เสียชีวิตเหตุเรือล่มภูเก็ตว่า หน่วยงานพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจและทันตแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจ มาดำเนินการจัดเก็บหลักฐานเมื่อดำเนินการเก็บหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เรียบร้อยแล้วก็จะนำศพของผู้เสียชีวิตไปเก็บ ณ โรงพยาบาลต่างๆ โดยได้นำตู้คอนเทนเนอร์มาใช้ในการจัดเก็บศพ

ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้จากศพจะนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลที่จะได้จากญาติของผู้ที่เสียชีวิตและส่งเอกสารให้คณะกรรมการปล่อยศพ เพื่อดำเนินการพิจารณา ส่งมอบศพให้แก่ญาติ โดยญาติหรือผู้มีอำนาจรับศพจะต้องได้รับการรับรองจากกงสุลจีนและจะต้องได้รับหนังสือรับรองการตายจากโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต

เมื่อญาติได้รับหนังสือจากโรงพยาบาลจะนำไปส่งต่อให้สถานกงสุล เพื่อประสานงานกับสถานทูตและรับหนังสือรับรองจากตำรวจ ทั้งนี้ จะมีอำเภอเมืองเป็นผู้ออกใบรับรองจากนั้นนำใบรับรองไปรับศพ หลักฐานการรับศพจะต้องมีสำเนาหนังสือเดินทางของผู้เสียชีวิต

นายแพทย์จิระพันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ ศพทั้ง 33 ศพ ที่ได้รับในช่วงแรกได้ดำเนินการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลเป็นที่เรียบร้อยแล้วจำนวน 12 ศพ ในส่วนของศพที่ได้รับมาและทำการตรวจแล้วแต่ยังไม่ทราบชื่อผู้เสียชีวิตจะดำเนินการเปรียบเทียบอัตลักษณ์กับญาติของผู้ที่เสียชีวิตต่อไป

โดยทางหน่วยงานจะจัดทำแผนผังลำดับขั้นตอนในการขอเอกสารเพื่อขอรับศพติดประกาศให้ญาติได้รับทราบ พร้อมกันนี้ได้เตรียมแพทย์ดูแลญาติที่มาติดต่อในกรณีอาจได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจด้วย

ขณะเดียวกัน บรรยากาศที่ วัดโฆษิตวิหาร ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ทางเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ และวางตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 2 ตู้ ไว้เก็บศพผู้ประสบภัยทางทะเล เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา เนื่องจากภายในวัดมีพื้นที่กว้างขวางและสะดวกในการบริหารจัดการ

ซึ่งภายหลังจากติดตั้งเสร็จเรียบร้อย ก็จะนำศพที่ได้พิสูจน์อัตลักษณ์เรียบร้อยแล้ว ก็จะลำเลียงมาไว้ที่นี่ เพื่อเป็นศูนย์จำหน่ายออกให้ญาติมาติดต่อขอรับศพกลับภูมิลำเนา แต่ถ้าไม่นำศพกลับจะฌาปนกิจที่วัดแห่งนี้แล้วนำกระดูกกลับก็ได้ แล้วแต่ความสมัครใจของญาติ