สู้กับธรรมชาติ! เปิดภารกิจ เบี่ยงเส้นทางน้ำไม่ให้เข้าถ้ำหลวง ช่วย 13 ชีวิตออกจากถ้ำ

นับตั้งแต่เวลา 10.00 น. ของวันนี้ ( 8 ก.ค.2561) หลังหน่วยซีลและผู้เชี่ยวชาญด้านการดำน้ำ เริ่มปฎิบัติการ นำน้องๆนักฟุตบอล และผู้ฝึกสอน ทีมหมู่ป่าอะคาเดมีออกจากถ้ำหลวง ตามคำชี้แจงนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายเด็กทั้ง 13 คน ที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ซึ่งคาดว่าผู้ประสบภัยชุดแรกจะเดินทางออกมาในช่วงเวลาประมาณ 21.00 น.

>> 3 ทุ่มวันนี้ 13 ชีวิตทยอยออกจากถ้ำหลวง ผู้ว่าฯ ยืนยันทุกคน-ทุกฝ่ายมีความพร้อมมากที่สุด

การปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทั้งหมดยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งหน่วยซีลที่ปฏิบัติงานภายในถ้ำ และอาสาสมัครทีมอื่นๆที่ทำงานเพื่อสนับสนุนภายนอกถ้ำยังคงดำเนินการอย่างไม่ลดละ โดยเฉพาะทีมเบี่ยงทางน้ำ
อุปสรรคสำคัญ ที่ทีมช่วยเหลือกังวล ก็คือการต่อสู้กับธรรมชาติอย่างเช่นสภาวะฝน ที่อาจจะตกลงมาได้ทุกเมื่อ เพราะหากมีฝนตกลงมาในพื้นที่โดยรอบถ้ำหลวง อาจทำให้ระดับน้ำภายในถ้ำเพิ่มขึ้นจากเดิม ซึ่งจะทำให้การนำ 13 ชีวิตออกจากถ้ำมีความยากลำบากมากขึ้น

เพื่อเป็นการป้องกันไม่น้ำไหลเข้าสู่พื้นที่ถ้ำหลวง การเบี่ยงเส้นทางน้ำจากภูเขาในพื้นที่ล้อมรอบจึงเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน

สมาชิกเฟสบุ๊กชื่อ "คุณธรรม ยนต์อินทร์" ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกำกับการตำรวจตระเวรชายแดน ร่วมเป็นอาสาสมัครในทีมเบี่ยงน้ำ เผยแพร่ข้อความว่า "ที่ต้องเบี่ยงทางน้ำเพราะถ้าน้ำมาหรือฝนตกหนักๆ น้ำจะได้ไม่ซึมเข้าด้านล่างและไหลไปรวมภายในถ้ำ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อชุดช่วยเหลือน้องๆภายในถ้ำครับ"

นอกจากนี้ยังเผยแพร่ชุดภาพการทำงานของอาสาสมัครทุกนาย แสดงให้เห็นถึงภารกิจในการเบี่ยงน้ำ โดยมีการใช้ก้อนหินขนาดใหญ่ปิดกั้นเส้นทางน้ำเดิมที่ไหลเข้าสู่ถ้ำ ก่อนขุดร่องน้ำใหม่ และใช้ผ้ายางรองพื้นเป็นแนวยาว เพื่อเปลี่ยนเส้นทางน้ำ
ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่ต้องต่อสู้กับธรรมชาติ เพื่อสนับสนุนให้การช่วยเหลือ 13 ชีวิตออกจากถ้ำ ให้บรรลุตามเป้าหมายในวันนี้