หลายจว.รณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทย

หลายจว.รณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทย

หลายจว.รณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อธิบดีอัยการต่างประเทศ เผยส่งหนังสือขอความร่วมมือทางอาญา ผ่านทางการทูต ร้องขอทางการ นิการากัว-ดูไบ แจ้งข้อมูลตามตัวทักษิณ เพื่อเตรียมส่งหนังสือทางการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน หลังบัวแก้ว มีหนังสือถึงอัยการยืนยันที่อยู่แม้วสองประเทศแล้ว แม่ฮ่องสอนจัดโครงการ หยุดทำร้ายประเทศไทย ชาวแม่สายนับพัน-ชาวกระบี่-กาญจนบุรีพร้อมใจจัดรณรงค์ด้วย

(4พ.ค.) นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก 2 ปี คดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก ว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมาสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ส่งหนังสือการประสานความร่วมมือต่างประเทศทางคดีอาญาด้วยวิธีการต่างตอบแทน ในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ผ่านวิถีทางการทูต ให้กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อส่งหนังสือและประสานทางการทูตไปยังทางการประเทศนิการากัว และประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือดูไบ ที่จะติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ

หลังกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีหนังสือถึงสำนักงานอัยการสูงสุด ยืนยันที่อยู่พ.ต.ท.ทักษิณ ในสองประเทศ ดังนั้นคณะทำงานอัยการ จึงได้ร่างหนังสือถึงทางการสองประเทศ เบื้องต้นระบุคำขอให้ทั้งสองประเทศ แจ้งข้อมูลหากพบตัวพ.ต.ท.ทักษิณ หลังจากนั้นทางการไทย จะได้ดำเนินการทำหนังสืออย่างเป็นทางการเพื่อขอให้ควบคุมตัวและส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมายังประเทศไทยเพื่อรับโทษต่อไป

นายศิริศักดิ์ กล่าวต่อว่า ประเทศดูไบ และนิการากัว กับประเทศไทย ไม่เคยมีสนธิสัญญาต่อกันในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ดังนั้นจึงต้องอาศัยความร่วมมือทางคดีอาญาผ่านวิถีทางการทูต ซึ่งก่อนหน้านี้ ทั้งสองประเทศ และไทย ก็ยังไม่เคยส่งผู้ร้ายข้ามแดนในคดีใดมาก่อน แต่ก็มีคดีที่ทางการดูไบ ได้ประสานความร่วมมือแต่ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา อย่างไรก็ดีเชื่อว่าการประสานความร่วมมือลักษณะนี้จะไม่มีปัญหา ซึ่งคณะทำงานอัยการ ได้สรุปพฤติการณ์แห่งคดีการทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดา ฯ ประกอบเอกสารหารออกหมายจับของศาลฎีกา พร้อมระบุข้อหาความผิดทางอาญาอย่างชัดเจนแล้ว

นายศิริศักดิ์ กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้จึงต้องเป็นภารกิจของกระทรวงการต่างประเทศที่จะเจรจากับทางการสองประเทศผ่านวิถีทางการทูต เพื่อให้ความร่วมมือต่อไป และถ้าอนาคตกระทรวงการต่างประเทศ สามารถยืนยันที่อยู่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้อีกในประเทศอื่น คณะทำงานอัยการจะได้ดำเนินการตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนในประเทศที่มีไว้กับไทย แต่ถ้าไม่มีก็จะอาศัยความร่วมมือลักษณะต่างตอบแทนกัน ส่วนการร่างสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนไทย- ฮ่องกง นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดวัน -เวลา การเจรจารอบสอง เนื่องจากคณะทำงานทั้งสองประเทศ กำลังพิจารณาแก้ในประเด็นที่สองฝ่ายยังตกลงกันไม่ได้ ซึ่งต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง

แม่ฮ่องสอนจัดโครงการ"หยุดทำร้ายประเทศไทย"

เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น.วันที่ 4 พ.ค.กลุ่มพลังมวลชนต่าง ๆ ในอ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ ไฟป่า อุทยานสาละวิน หมวดการทางแม่สะเรียง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มารวมพลังพร้อมกันที่บริเวณค่ายเทพสิงห์ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 มี พ.ต.ฤเดช เกษมรัตน์ เสนาธิการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 เป็นประธานนำกลุ่มพลังมวลชล จัดกิจกรรมรณรงค์ "หยุด! ทำร้ายประเทศไทย" ให้คนไทยทั้งประเทศ ยุติการใช้ความรุนแรงอันเนื่องมาจากความขัดแย้ง

โดยใช้ธงชาติเป็นสัญลักษณ์ แสดงทางออกร่วมกัน เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงการยุติการใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวทางการเมือง พร้อมร่วมใจกันกล่าวประกาศคำปฎิญญาประชาชน "หยุดทำร้ายประเทศไทย" ซึ่งให้ทุกฝ่ายหยุดใช้ความรุนแรง 9 ข้อ คือ 1. การหยุดร้ายประเทศไทย โดยใช้ความรุนแรง 2.การชุมนุมโดยความสงบและปราศจากอาวุธ 3.ให้คู่กรณีที่ขัดแย้งหาทางออกโดยสันติวิธี 4.ยุติการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์และการใช้สถานบันเป็นข้ออ้างทางการเมือง

5.ให้เจ้าหน้าที่รัฐทำหน้าที่ของตนเองตามกฎหมายด้วยความเสมอภาค 6. ให้สื่อมวลชนรักษาจรรยาบรรณในการนำเสนอข่าวที่ถูกต้อง 7.ให้กลุ่มผู้สนับสนุนทางการเงินยุติการใช้เงินในการสนับสนุนผู้ชุมนุม 8. ให้รัฐบาลทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา และ 9.ขอให้ประชาชนทุกคนมีความรักชาติ และ ร่วมกันเป็นพลังในการเผยแพร่คำปฏิญญาประชาชนร่วมใจหยุดทำร้ายประเทศไทย ซึ่งกลุ่มพลังมวลชนที่ร่วมกิจกรรมทุกคนถือธงชาติ เพื่อแสดงความเป็นชาติไทยที่มีสีเดียว คือสีธงชาติ

ชาวแม่สายนับพันพร้อมใจจัดรณรงค์ด้วย

นายวิศิษฐ์ สิทธิสมบัติ นายอำเภอแม่สาย จ.เชียงราย พร้อมข้าราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรภาคเอกชนและประชาชนชาว อ.แม่สาย ประมาณ 1,000 คน ได้ร่วมกันถือธงชาติ ที่บริเวณสนามกีฬากลาง โรงเรียนแม่สายประสิทธิศาสตร์ พร้อมประกาศจุดยืนจะร่วมกันปกป้องสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ พร้อมกันนี้ได้แสดงเจตนารมณ์ ไม่ทำร้ายประเทศไทย ไม่ใช้ความรุนแรง

จากนั้นได้ร่วมกันร้องเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี เพื่อแสดงออกให้เห็นว่าคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ต้องการให้คนในชาติแตกแยกความสามัคคี จนกลายเป็นความขัดแย้ง แบ่งฝัก แบ่งฝ่าย แบ่งสี นำไปสู่การใช้ความรุนแรง และเป็นการกระตุ้นเตือนให้ทุกฝ่ายที่ขัดแย้งกันอยู่ในขณะนี้ ได้ตระหนักถึงผลเสียหายที่เกิดจากความแตกแยก ความรุนแรงที่เกิดขึ้น

นายวิศิษฐ์ สิทธิสมบัติ นายอำเภอแม่สาย กล่าวว่า ที่มารวมพลังวันนี้เพื่อแสดงถึงความเป็นชาติไทยและให้ทุกฝ่ายได้ยุติความรุนแรง ลดความขัดแย้ง หันมาร่วมกันสร้างความสมานฉันท์ สามัคคี เพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เจริญรุ่งเรือง ถึงแม้จะมีความเห็นต่างบ้างในบางครั้งก็ตาม ซึ่งการรณรงค์ครั้งนี้ถือเป็นกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ได้ร่วมแสดงความรักความสามัคคีระหว่างคนในประเทศชาติ ร่วมกันแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น

กระบี่รณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทย

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 พ.ค. 2552 ที่หน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่ นายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยข้าราชการ เจ้าหน้าที่จากส่วนต่างๆประชาชน องค์กรเครือข่าย ประมาณ 1,000 คน ร่วมกิจกรรมรณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทย
นายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ตามที่สถาบันพระปกเกล้าในฐานะเครือข่ายองค์กรในเครือข่าย หยุดทำร้ายประเทศไทย ขอความร่วมมือสนับสนุนแนวทางการดำเนินการของเครือข่าย หยุดทำร้ายประเทศไทย ในการรณรงค์ให้ คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ รวมทั้ง คนเสื้อเหลือง และเสื้อแดงมาร่วมกันยุติความรุนแรง

เนื่องจากมีความขัดแข้งแตกแยกอย่างรุนแรงในหมู่ประชาชนคนไทยด้วยกันเอง ซึ่งเครือข่ายฯ จะร่วมรณรงค์ ให้ทุกฝ่ายใช้ธงชาติเป็นสัญลักษณ์ ในการเชิญชวนทุกภาคส่วนของสังคมไทย เข้าร่วมรณรงค์และแสดงออกถึงความเป็นคนไทย และการจัดกิจกรรมรณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทย นับเป็นความหวงแหนต่อแผ่นดินไทย โดยไม่นิ่งดูดายต่อความเสี่ยงหรืออันตราย ที่อาจเกิดขึ้นต่อประเทศชาติได้ การรณรงค์ให้ทุกฝ่ายร่วมพลังกันสร้างความสามัคคี ภายใต้คำกล่าว หยุดทำร้ายประเทศไทย ทุกฝ่ายหยุดใช้ความรุนแรง

กาญจนบุรีก็จัดรณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทยเช่นกัน

จังหวัดทหารบกกาญจนบุรี ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี และประชาชน ในจังหวัดกาญจนบุรี จำนวนกว่า 1,000 คน ประกาศเจตนาหยุดทำร้ายประเทศไทย โดยร่วมกันถือธงชาติเพื่อแสดงความเป็นไทย ที่มีสีเดียวกัน คือสีของธงชาติไทย และได้ขอร้องให้ทุกฝ่ายหยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ความรุนแรง ทั้งกาย วาจา ความเห็นที่แตกต่างทางการเมือง ขอเรียกร้องให้ยุติการจ้วงจามสถาบันพระมหากษัตริย์ และการใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นข้ออ้าง เพื่อประโยชน์การเมืองส่วนตน หรือส่วนกลุ่ม เพราะพระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมืองทั้งปวง

ขอยืนยันว่าการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธเป็นสิ่งที่กระทำได้ เราขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายเคารพเสรีภาพของผู้อื่นและกฎหมาย การเรียกร้องของพี่น้องชาวกาญจนบุรีทุกคน ซึ่งมีความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ร่วมกันต่อต้านการใช้ความรุนแรง และหยุดทำร้ายประเทศไทย ด้วยการสร้างความรักสามัคคี ไม่แบ่งสี แต่ทุกคนมีสีเดียวกันคือ สีธงชาติ เราเชื่อว่า เจตนารมณ์อันแน่วแน่ของประชาชนส่วนใหญ่ในสังคม ที่ไม่นิ่งดูดายเท่านั้น ที่จะระงับยับยั้งเภทภัย และความหายนะของบ้านเมืองที่กำลังคืบคลานเข้ามาได้ ในทางตรงกันข้ามถ้าประชาชนส่วนใหญ่ในสังคมยังเพิกเฉย เมื่อหายนะและความรุนแรงที่นำมาซึ่งการหลั่งเลือดและน้ำตาเกิดขึ้น ผู้ที่รับผลร้าย ก็คือ ประชาชนทั้งประเทศ ไม่เว้นแต่ผู้เดียว

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook