ฟ้องเสื้อแดงเชียงใหม่เพิ่มใช้วิทยุชุมชนปลุกชาวบ้าน

ฟ้องเสื้อแดงเชียงใหม่เพิ่มใช้วิทยุชุมชนปลุกชาวบ้าน

ฟ้องเสื้อแดงเชียงใหม่เพิ่มใช้วิทยุชุมชนปลุกชาวบ้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่สำลักหมายจับ รอง ผวจ. เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มปลุกชาวบ้านปิดบัญชีธนาคารกรุงเทพ นปช. เตรียมชุมนุมใหญ่วัดไผ่เขียว 10พ.ค.นี้  ก่อแก้ว โผล่เข้าร่วมชูธง หยุดทำร้ายประเทศไทย เพื่อไทยเสนอทำประชามติแก้-ไม่แก้ รธน. ชมรมคนพิการคลองเตยยื่นส.ว.ค้านแก้รธน.รัฐบาลเตรียมปล่อยซีดีแจงข้อเท็จจริงสลายม็อบเสื้อแดง สาทิตย์ แฉสัญญาเช่าเคเบิลใยแก้ว ดีสเตชั่น กับทีโอทีผิดปกติ

(4พ.ค.)นายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงความ เคลื่อนไหวของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ผ่านวิทยุชุมชนคนรักเชียงใหม่ 95.5 เมกกะเฮิรตซ์ ที่มีการปลุกระดมให้ถอนเงินปิดบัญชีและพักชำระหนี้ธนาคารกรุงเทพทุกสาขา ว่าขณะนี้ทางจังหวัดและตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากถือว่าการออกอากาศผิดเงื่อนไขตามที่ตกลงกับทางจังหวัดและฝ่ายความมั่นคงไว้เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมา

เบื้องต้นจะมีการแจ้งข้อหา "ใช้อุปกรณ์หรือทรัพย์สินที่พนักงาน สอบสวนอายัดไว้" เพิ่มเติมจากข้อหาความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราช อาณาจักร ซึ่งมีแกนนำหลายคนตกเป็นผู้ต้องหาก่อนหน้านี้ ส่วนจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้เมื่อไหร่นั้น ต้องแล้วแต่ทางตำรวจ ส่วนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดต่อความมั่นคงเพิ่มเติมด้วยหรือไม่นั้นกำลังมีการพิจารณาอยู่

สำหรับเงื่อนไขดังกล่าว ระบุไม่ให้ใช้สื่อกระจายเสียงไปในทางผิด กฏหมายหรือขัดต่อศีลธรรมอันดีและทำลายความสงบของบ้านเมือง , ห้ามมิให้ออก อากาศที่มีเนื้อหาสาระก่อให้เกิดการล้มล้างการปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขหรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐขัดต่อ ความสงบรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี , ต้องไม่ยุยงปลุกระดมประชาชนให้แตกแยก หรือกระทำการใด ๆอันก่อให้เกิดความเกลียดชังต่อผู้หนึ่งผู้ใดรวมทั้งไม่ทำให้เกิด ความวุ่นวายหรือเกิดผลกระทบต่อสังคมโดยรวม ,

ไม่เชื่อมโยงสัญญาณของสถานี วิทยุชุมชนกับสถานีวิทยุโทรทัศน์อื่น ๆ ยกเว้นการนำเสนอข่าวและสารคดี , ไม่ออก อากาศโจมตีโต้ตอบระหว่างสถานีวิทยุชุมชนด้วยกันเอง , ไม่กระทำการใดๆในทางดู หมิ่นหรือหมิ่นประมาทให้ได้รับความเสียหายทั้งต่อร่างกายและจิตใจของผู้อื่น และ ผู้ดำเนินรายการจะต้องงดออกอากาศวิทยุการเมือง ยั่วยุทางการเมืองสร้างความ แตกแยก ถ้ามีการแสดงความเห็นเข้ามาผู้ดำเนินรายการจะต้องตัดสัญยาณการออก อากาศทันที หากวิทยุชุมชนไม่ปฏิบัติตามนี้ก็จะต้องถูกดำเนินคดีสั่งให้ยุติสถานีทันที

นปช.เตรียมชุมนุมใหญ่วัดไผ่เขียว10พ.ค.นี้

ที่บริษัทเพื่อนพ้องน้องพี่ ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 3 แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือนปช. กลุ่มความจริงวันนี้ ร่วมแถลงข่าวประกาศนัดชุมนุมครั้งใหม่ของกลุ่มความจริงวันนี้ ว่า วันที่ 10 พฤษภาคม ที่วัดไผ่เขียว เขตดอนเมือง ตั้งแต่เวลา 16.00 - 24.00 น. จะมีการจัดงานพบปะสังสรรค์กลุ่มคนเสื้อแดง โดย เน้นเนื้อหาตามล่าหาความจริง และนำเสนอข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.จนถึงวันที่ 14 เม.ย. ที่ผ่านมา

รวมทั้งจะมีการเปิดโปงว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าเป็นจอมลวงโลก สร้างสถานการณ์ให้คนเสื้อแดงทุบรถที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อใช้เป็นเงื่อนไขในการนำทหารออกมาสลายการชุมนุมสอดคล้องกับการประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมกับยืนยันว่า การชุมนุมครั้งนี้จะไม่มีการเคลื่อนขบวน จะเป็นการชุมนุมโดยสงบ และเชื่อว่าจะไม่กระทบเงื่อนไขประกันตัวชั้นศาล

"ก่อแก้ว"โผล่เข้าร่วมชูธง"หยุดทำร้ายประเทศไทย"

ในการจัดงานในโครงการ "หยุดทำร้ายประเทศไทย" จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ ซึ่งมีประชาชนในสาขาอาชีพต่างๆ ต่างเข้าร่วมแสดงพลัง โดยคนในกลุ่มนั้นมีนายก่อแก้ว พิกุลทอง หนึ่งในแกนนำนปช. ได้สวมเสื้อขาวสัญลักษณ์ "หยุดทำร้ายประเทศไทย"และถือธงชาติ เดินทางไปร่วมงานรณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทย ยุติความรุนแรง จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ที่บริเวณอนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีการเดินขบวนรณรงค์ไปตามถ.สีลม

ทั้งนี้ นายก่อแก้ว เปิดเผยว่า การมาร่วมกิจกรรม"หยุดทำร้ายประเทศไทย" นี้ เป็นการมาโดยส่วนตัว ที่อยากเห็นความสุขสงบสันติในบ้านเมือง เป็นหน้าที่ที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันผลักดันให้เกิดผลสำเร็จโดยเร็ว ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่ต่อสู้ความความสงบสันติมาโดยตลอด เพียงแต่เหตุการณ์วันสงกรานต์เลือดนั้น เกิดจากสถานการณ์พาไป มีกลุ่มคนหลายฝ่ายหลายกลุ่มเข้ามาสร้างสถานการณ์จนบานปลายเกินที่จะควบคุมได้ อย่างไรก็ตามการรณรงค์ "หยุดทำร้ายประเทศไทย" จะสำเร็จได้ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาล ทหาร และผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะจริงใจในการแก้ไขปัญหาหรือไม่

พท.เดินหน้าฟ้องยูเอ็นรัฐสลายม็อบรุนแรง

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงเหตุการณ์การสลายการุมนุมเมื่อวันที่ 13 เม.ย. ที่มีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นประธานนั้น ขณะนี้ได้รวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆเสร็จสิ้นแล้ว ดังนั้นในช่วงบ่ายของวันที่ 6 พ.ค.พรรคเพื่อไทยจะเดินทางไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อนายกรัฐมนตรีและครม.รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อปปช. ส่วนช่วงเช้าวันที่ 7 พ.ค.จะยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และวันที่ 8 พ.ค.จะยื่นหนังสือต่อองค์การสหประชาชาติ ซึ่งมีทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมทั้งหลักฐานเป็นภาพนิ่งและซีดี เนื่องจากพบว่ามีการใช้อาวุธและอำนาจเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ขัดต่อหลักมนุษยธรรม กฎหมาย และรัฐธรรมนูญ

พท.เสนอ ทำประชามติแก้-ไม่แก้ รธน.

นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย แถลงถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า วันนี้มีแต่ความเห็นของประธานรัฐสภา นายกรัฐมนตรี และส.ส.ว่าสมควรที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและภาคประชาชนบางส่วนที่ออกมาแสดงความเห็น แต่กลับไม่มีข้อสรุปใดๆออกมาให้เห็นเลย จึงอยากให้รัฐบาลหรือสภาทำประชามติเพื่อสอบถามประชาชนว่า จะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าแก้จะแก้ประเด็นไหนบ้าง และควรเอารัฐธรรมนูญฉบับไหนเป็นตัวตั้ง คณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง และศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ตั้งขึ้นมานั้น จะได้ทำงานได้ และเป็นการทำงานแบบครั้งเดียวจบ

"การถามความเห็นคนไทยทั้งประเทศนั้นทำให้สามารถหาข้อยุติได้และไม่เกิดความขัดแย้งกัน ส่วนเรื่องระยะเวลานั้นก็ถามประชามติไปเลยว่า ภายในกี่วัน 30 หรือ 45 วัน เมื่อลงประชามติเสร็จแล้วการนำมาดำเนินงานจะง่าย และทิศทางก็จะชัดเจน แต่วันนี้กลับยังไม่มีใครถามประชาชนเลยว่าอยากจะให้แก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ " นายวิชาญ กล่าว

"ชมรมคนพิการคลองเตย"ยื่นส.ว.ค้านแก้รธน.

ที่รัฐสภา ตัวแทนชมรมคนพิการพัฒนาตนเองคลองเตย นำโดย นายอภิเดช เดชวัฒระสกุล ประธานชมรมฯ ได้เข้ายื่นหนังสือไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อนายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหาร ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.)การพัฒนา การเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา เพื่อส่งไปให้กับประธานวุฒิสภา และคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

นายอภิเดช กล่าวว่า ทางชมรมฯไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในเวลานี้ เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งของประเทศไม่ได้มาจากรัฐธรรมนูญ แต่มาจากนักการเมืองผู้ใช้รัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ กระบวรการยุติธรรมต่างๆ อีกทั้งไม่เห็นด้วยที่จะให้ฝ่ายการเมือง เป็นแกนนำในการปฏิรูปการเมือง แต่ควรจะให้เป็นหน้าที่ของสภาพัฒนาการเมือง ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียทางการเมือง ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนสังคมองค์กรประชาชนทุกภาคส่วน นอกจากนี้ทางชมรมฯยังมีข้อเสนอให้รัฐบาลและนักการเมือง จำนวน 5 ข้อ ดังนี้ 1. แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน มาตรา 57 ค่าครองชีพ การว่างงาน ราคาสินค้า ระบบการศึกษา ซึ่งควรยกเลิกระบบแอดมิชชั่น เพราะเกิดความเสียหายและละเมิดสิทธิเด็ก เป็นต้น 2. ปฏิรูปสื่อ ด้วยการเสนอข้อมูล เท่าเทียมกัน 3. ปฏิวัติการศึกษา ให้มีคุณภาพ กระจายทั่วประเทศ 4. แก้ไขเกณฑ์การเลือกตั้ง เพื่อป้องกันกลไกการโกงต่างๆ และ 5. ในอนาคตควรมีรัฐบาลเงา จากภาคประชาชนที่สนใจ ร่วมกันติดตามนโยบาย การบริหารงาน

นายวรินทร์ กล่าวว่า กมธ. เปิดรับฟังความเห็นจากประชาชน ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญวันนี้ ประชาชนระดับรากหญ้ามองว่าไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่ควรเร่งแก้ปัญหาปากท้องมากว่า ทั้งนี้กมธ. ได้รับการติดต่อจากประชาชนในภาคส่วนต่างๆที่จะยื่น ข้อเสนอเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามาค่อนข้างมาก โดยจะนำส่งต่อให้กับประธานวุฒิสภาและคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ต่อไป

รัฐบาลเตรียมปล่อยซีดีแจงข้อเท็จจริงสลายม็อบเสื้อแดง

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดทำซีดีที่เกี่ยวเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อช่วงสงกรานต์ โดยใช้ชื่อว่า "รวมพลังคนไทยก้าวข้ามสงครามกลางเมือง"เสร็จแล้วบางส่วน และได้มอบให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้แจกจ่าย และดำเนินการไปแล้วบางส่วน ส่วนประชาชนที่ประสงค์จะรับซีดีชุดนี้สามารถขอรับได้ที่สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์แห่งชาติ สำนักนายกฯ

ทั้งนี้จะดำเนินการทำซีดีเพิ่มอีก 2 ชุด ซึ่งจะเกี่ยวกับเรื่องที่มีความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทำงานของฝ่ายทหาร รวมทั้งเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ก็ได้เปิดตัวเว็บไซต์ www.factreport.got.h สามารถเข้าชมได้แล้ว เพื่อติดตามข้อเท็จจริง ซึ่งบางภาพเป็นภาพจากฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐไม่เคยปรากฏในสื่อสารมวลชนมาก่อน และมีภาพที่ประชาชนส่งมาให้

"สาทิตย์"แฉสัญญาเช่าเคเบิลใยแก้ว"ดีสเตชั่น"กับทีโอทีผิดปกติ

นายสาทิตย์ แถลงว่า ได้ตั้งข้อสังเกตว่าการทำสัญญาเช่าเส้นใยแก้วนำแสงของสถานีโทรทัศน์ดีสเตชันกับบริษัททีโอทีมีสิ่งที่ผิดปกติ เนื่องจากโดยปกติการเช่าสายส่งสัญญาณต้องทำสัญญา แต่กรณีนี้ไม่มีการทำสัญญา จึงตั้งข้อสังเกตว่าเนื่องจากในสัญญาข้อ 3 ที่เขียนว่าผู้เช่า หรือผู้ใช้บริการต้องได้รับใบอนุญาตการประกอบอาชีพวิทยุชุมชนหรือสถานีโทรทัศน์จากกรมประชาสัมพันธ์ หรือหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง แต่ดีสเตชั่นไม่มีใบอนุญาต เพราะไม่มีหลักฐานการไปขอใดๆ จากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ดังนั้นจึงน่าสงสัยว่าการเช่าเส้นใยแก้วนำแสงเพื่อส่งสัญญาณดำเนินการโดยถูกต้องหรือไม่ ซึ่งจะต้องติดตามหาความจริงต่อไป

นายสาทิตย์ กล่าวว่า ทั้งนี้ดีสเตชั่นทำหนังสือถึงทีโอทีลงวันที่ 22 ธ.ค. 2551 ขอเช่าสายส่งสัญญาณ ทีโอทีตอบตกลงวันที่ 24 ธ.ค. 2551 ตกลงให้เช่าสัญญาณได้ และวันเดียวกันนี้ดีสเตชั่นทำหนังสือยืนยันกลับไป ทีโอทีจึงสั่งการให้ติดเส้นใยแก้วนำแสง เพื่อนำไป Uplink สัญญาณขึ้นดาวเทียมไทยคม ส่วนกรณีที่แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวหาว่าการดำเนินการของรัฐต่อสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และดีสเตชั่นมีลักษณะ 2 มาตรฐาน ตนขอชี้แจงว่าเอเอสทีวีกับดีสเตชั่นแตกต่างกัน ทั้งที่มา ข้อกฎหมาย และวิธีการแพร่ภาพส่งสัญญาณ วิธีปฏิบัติของเจ้าหน้าที่จึงแตกต่างกัน ดีสเตชั่นเปิดดำเนินการตั้งแต่มี.ค. 2551 และเปิดอีกครั้งในเดือนม.ค. 2552 จึงอยู่ภายใต้การบังคับของพ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ 2551 ซึ่งให้อำนาจกทช.กำกับดูแล แต่เอเอสทีวีก่อตั้งเดือนมี.ค.2547 อำนาจการกำกับดูแล จึงยังคงอยู่ที่กรมประชาสัมพันธ์ ดังนั้นถ้าดีสเตชั่นจะทำให้ถูกต้องตั้งแต่ต้นต้องขออนุญาตกับกทช.ก่อน

นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า ส่วนวิธีการแพร่ภาพออกอากาศก็แตกต่างกัน เอเอสทีวีใช้วิธีส่งสัญญาณจากรถกระจายเสียงและห้องส่งผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยใช้ Gateway ของบริษัท กสท โทรคมนาคม และส่งไป Uplink สัญญาณที่ฮ่องกง ใช้ดาวเทียม NSS6 ซึ่งเป็นดาวเทียมของต่างประเทศ ขณะที่ดีสเตชัน ออกอากาศจากห้องส่งผ่านทางคลื่นไมโครเวพของบริษัททีโอที โดยเช่าสัญญาณเส้นใยแก้วนำแสง ส่งสัญญาณจากทีโอทีไปยังสถานีดาวเทียมภาคพื้นดินของไทยคมที่อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี จากนั้นจึง Uplink สัญญาณไปที่ดาวเทียมไทยคม 5

"ทั้งนี้กฎหมายไทยควบคุมเฉพาะการ Uplink สัญญาณเฉพาะดาวเทียมของไทย เทมาเซคได้สัมปทานดาวเทียมไทยคมจากไทย จึงอยู่ภายใต้กฎหมายไทย ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 63 เขียนชัดว่ากรณีเกิดเหตุฉุกเฉินและจำเป็นรัฐสามารถเข้าดำเนินการส่งสัญญาณภาพใดๆ ได้ จึงเป็นที่มาของช่วงที่ดาวเทียมไทยคมงดแพร่ภาพจากสถานีดีสเตชั่น ช่วงการประกาศพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน"นายสาทิตย์ กล่าว

นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้เหตุการณ์ไม่สงบช่วงเดือนเม.ย. มีหลักฐานปรากฏชัดเรื่องการแพร่ภาพออกอากาศของดีสเตชั่น ว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ที่ระบุว่าผู้ใดกระทำให้ปรากฏเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนถึงขนาดจะก่อความไม่สงบ ตำรวจและกทช.จึงเข้าดำเนินการกับดีสตชั่น ส่วนที่นปช.ถามว่าทำไมไม่จัดการเอเอสทีวีด้วย ประเด็นคือเอเอสทีวีไม่ปรากฏการทำผิดตามมาตรา 116 ในเหตุการณ์ช่วงสงกรานต์ รัฐจึงดำเนินการไม่ได้

นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า ส่วนการจะเปิดดีสเตชั่นใหม่ยังทำได้ แต่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข 3 ข้อ คือ 1. ใครเปิด เพราะผู้ถูกดำเนินคดีก็ไม่สามารถขออำนาจดำเนินการได้ 2. จะเปิดอย่างไร โดยต้องเลือกว่าจะเป็นวิทยุชุมชน โทรทัศน์ดาวเทียม หรืออะไร ซึ่งก็มีระเบียบวิธีปฏิบัติต่างกัน และ 3. ด้วยวิธีการอะไร ซึ่งขณะนี้มีระเบียบโดยกทช. ดำเนินการอยู่แล้ว การขออนุญาตจึงต้องไปที่กทช. ดังนั้นการจะเคลื่อนไหวใหญ่วันที่ 6 พ.ค. เพื่อเรียกร้องให้รัฐคืนดีสเตชั่น คำตอบคือรัฐบาลไม่ได้เก็บ แต่ตำรวจกับกทช.ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งหากสถานีใดทำผิดกฎหมาย รัฐจะต้องไปดำเนินการในลักษณะเดียวกับดีสเตชั่น อย่างไรก็ตามในต้นเดือนมิ.ย. ระเบียบของกทช.จะเสร็จเรียบร้อย ถึงตอนนั้นทุกสถานีดาวเทียมจะต้องไปขออนุญาตใหม่อีกครั้ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook