ชาวบ้านเขาค้อร้องศูนย์ดำรงธรรม หลังถูกยัดหนี้กองทุนกว่าสิบล้าน!
วันที่ 9 กรกฎาคม 2561 ชาวบ้านบ้านดงหลง อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ จำนวนกว่า 10 คน เดินทางมายื่นหนังสือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ เนื่องจากได้รับความเดือดร้อน
จากการที่ได้มีเจ้าหน้าที่ของกองทุนฟื้นฟูมาบอกกับพวกตนเองว่า ให้ยอมรับหนี้สินรวมแล้วกว่า 10 ล้านบาท ทั้งๆที่ชาวบ้านกู้เพียงรายละ 5,000 บาทเท่านั้น นอกจากนั้นบางรายเสียชีวิตไปแล้วหลายปี แต่กลับมีหนี้กว่า 2 แสนบาท
โดยชาวบ้านรายหนึ่งกล่าวว่า ในช่วงประมาณปี 2553 ได้มีเจ้าหน้าที่กองทุนฟื้นฟูเกษตรกรชักชวนให้ตนเองไปร่วมประชุม โดยผู้เข้าร่วมประชุมจะได้รับเงินกู้คนละ 5,000 บาท
แต่ตนได้ให้ภรรยาไปประชุมแทน และได้รับเงินกู้มา 5,000 บาท ผ่อนชำระพร้อมดอกเบี้ย 5 ปีๆละ 1,100 บาท ซึ่งตนก็ได้ผ่อนชำระเรื่อยมา
กระทั่งเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กองทุนฟื้นฟูได้มาบอกกับตนเองว่า จะมีฝ่ายตรวจสอบมาสอบถาม และให้ตนเองยอมรับว่าได้กู้เงินจากกองทุนมาล้านกว่าบาท ซึ่งตนก็ตกใจ อยู่ดีๆจะมาให้ยอมรับหนี้เป็นล้านทั้งๆ ที่ไม่ได้ลงลายมือชื่อกู้เงินจากกองทุนใดๆ
และจากการสอบถามเพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดียวกัน ก็ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้ไปบอกว่าให้ยอมรับว่าเป็นหนี้กองทุนฟื้นฟูเหมือนกัน จำนวนแตกต่างกันไป 2 แสนบ้าง 5 แสนบ้าง 8 แสนบ้าง
ทั้งๆที่ชาวบ้านไม่ได้กู้เงินจากกองทุนดังกล่าวเป็นจำนวนมากขนาดนั้น กู้เพียงรายละ 5,000 บาทเท่านั้น บางรายไม่ได้กู้เลย เพียงแต่ไปร่วมประชุมก็กลับกลายว่ามีหนี้เป็นแสน
ในเบื้องต้นมีผู้ที่ถูกให้ยอมรับเป็นหนี้กองทุนฟื้นฟูจำนวน 15 ราย รวมเงินกว่า 10 ล้านบาท ตนจึงรวมตัวกันมาร้องขอความเป็นธรรมจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ และศูนย์ดำรงธรรมกองพลทหารม้าที่ 1 เพื่อช่วยตรวจสอบการทำงานของกองทุนดังกล่าว
และนอกจากนั้น ยังมีชาวบ้านบางรายที่เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว กลับมีหนังสือแจ้งว่าเป็นหนี้กว่า 250,000 บาท ทำให้ญาติๆมีความสงสัยว่า คนตายไปแล้วไปลงลายมือชื่อกู้เงินได้อย่างไร เชื่อว่าน่าจะมีการปลอมแปลงลายมือชื่ออย่างแน่นอน
ด้านนายยุพราช บัวอินทร์ อดีตส.ส.จังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่าตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน และขอให้เป็นที่ปรึกษาในการยืนหนังสือเพื่อขอให้ตรวจสอบกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
เหตุการณ์เกิดขึ้นในปี 2553 กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ได้เรียกประชุมเกษตรกรเพื่อเสนอเงินกู้ให้แก่เกษตรกรคนละ 5,000 บาท ส่งชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 5 ปีๆละ 1,100 บาท
และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีใบแจ้งหนี้ให้ชาวบ้านรับสภาพหนี้คนละหลายแสนบาท บางรายล้านกว่าบาท ซึ่งชาวบ้านก็ไม่รู้ว่ายอดหนี้นี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ทั้งๆที่บางรายรับเงินมาเพียง 5,000 บาท บางรายก็ไม่ได้รับเงินเลย
ซึ่งในส่วนนี้ตนก็ไม่ทราบว่าจะมีการปลอมแปลงลายมือชื่อของชาวบ้านเพื่อนำไปกู้เงินหรือไม่ หรือมีการนำเอกสารของชาวบ้านไปทำเรื่องกู้โดยที่ชาวบ้านไม่รู้เรื่องเลย ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย
จึงอยากจะให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ เร่งตรวจสอบกรณีดังกล่าว เพราะขณะนี้ชาวบ้านมีความทุกข์ใจกันเป็นอย่างมาก