สวญ.ลาดหญ้า เผยผลตรวจกระสุน อาร์ทีเอ ไม่เกี่ยวยิงสนธิ
สุเทพ ปัดบีบตำรวจเร่งสางคดีถล่ม สนธิ มั่นใจคลี่คลายได้แน่ สวญ.ลาดหญ้า เผยผลตรวจกระสุนปืนเอ็ม 16 อาร์ทีเอ ไม่เกี่ยวยิงแกนนำพธม. โฆษกกลาโหมคดีระบุเป็นหน้าที่ตร. ยันอาวุธกองทัพอยู่ครบ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึง การติดตามจับกุมคนร้ายคดีลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) หลังนายสนธิระบุว่าภายใน 2 สัปดาห์ตำรวจจะแถลงความคืบหน้า ว่าไม่ทราบสิ่งที่นายสนธิพูด ต้องไปถามนายสนธิเอง แต่ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ยังไม่ได้รายงานความคืบหน้ามาให้ทราบ และตนไม่ได้ไปคาดคั้นเรื่องเวลา เพราะต้องการให้ตำรวจได้ทำงานอย่างเต็มที่ เชื่อว่าในที่สุดตำรวจจะคลี่คลายคดีได้
ด้าน พล.ต.จิตตสักก์ เจริญสมบัติ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีนายสนธิ ระบุว่ามีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษให้ตรวจสอบ เพราะ พล.อ.ประวิตร ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งเป็นคนละหน้าที่กับกองทัพ สำหรับการตรวจสอบอาวุธสงครามและกระสุนของกองทัพที่ตั้งข้อสังเกตว่าอาจรั่วไหลมาก่อเหตุร้ายนั้น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก สั่งการให้เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงและเจ้ากรมสรรพาวุธตรวจสอบแล้ว ทั้งนี้อาวุธสงครามที่ใช้ในกองทัพจะตรวจสอบเป็นประจำทุกปีตามวงรอบ โดยมีจเรทหารเข้าไปตรวจสอบคลังอาวุธทุกปี รวมทั้งแต่ละหน่วยจะตรวจสอบอาวุธของตนเองว่ามีจำนวนยอดเท่าไหร่ ดังนั้นอาวุธสงครามของกองทัพไม่น่าจะเล็ดลอดออกมาได้ แต่อาวุธสงครามมีการซื้อขายในตลาดมืด อาจเป็นไปได้ว่าจะจัดหามากระทำการก่อเหตุร้ายที่ผ่านมา ซึ่งสามารถตรวจสอบได้
เมื่อถามว่า กองทัพได้รายงานข้อเท็จจริงประเด็นที่มีกระสุนของกองทัพรั่วไหลมาใช้ก่อเหตุร้ายหรือไม่ พล.ต.จิตตสักก์ กล่าวว่า กระสุนของกองทัพในแต่ละหน่วยจะตรวจสอบอยู่เป็นประจำ ซึ่งกระสุนในอัตราเป็นเรื่องยากที่จะหลุดรั่วออกมาได้ แต่อาจจะมีกระสุนที่ใช้ในการฝึกซ้อมที่สามารถหลุดมาได้บ้าง ทั้งนี้กองทัพยังไม่มีการรายงานเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบ แต่เป็นหน้าที่ในระดับกองทัพที่ต้องตรวจสอบอยู่แล้ว
ขณะที่ พ.ต.ท.เชาวลิต สุขสุวรรณ์ สารวัตรใหญ่ (สวญ.) สภ.ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี เปิดเผยถึงกรณีตำรวจบุกเข้าจับกุม นายสุรเชษฐ์ เหมือนจิตต์ อายุ 31 ปี อยู่ที่ 37/1 หมู่ 1 ต.วังด้ง อ.เมือง กาญจนบุรี ยึดอาวุธปืนหลายกระบอก รวมทั้งกระสุนปืนเอ็ม-16 จำนวน 168 นัด ท้ายกระสุนระบุตัวอักษรภาษาอังกฤษอาร์ทีเอ( RTA) (มีการระบุว่าใช้ยิงนายสนธิ) แต่ไม่พบปืนเอ็ม-16 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมว่า นายสุรเชษฐ์ไม่ยอมให้การใดๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเท่าที่ควร บอกแต่เพียงว่าเป็นเพียงคนเฝ้าของกลางและของกลางทั้งหมดเป็นของ 3 พ่อลูก คือ นายนเรศ ไกรทอง นายกฤษฎาและนายมาโนช ไกรทอง ไม่รู้ที่มาที่ไปของอาวุธดังกล่าว และจากการให้ปากคำเพียงบางส่วน ประกอบกับพยานหลักฐาน ในเบื้องต้นจึงยังไม่สามารถที่จะออกหมายจับผู้ต้องหาอีก 3 คนได้ เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ จะต้องใช้เวลาสืบสวนสอบสวนอีกสักระยะ
"แก๊งดังกล่าวทำกันเป็นขบวนการ ซึ่งผู้ต้องหามีประวัติค้าสิ่งผิดกฎหมาย ทั้งอาวุธเถื่อน ยาเสพติด และซุ้มมือปืนรับจ้าง ทำกันมานานหลายปี และพยายามปรับเปลี่ยนวิธีการในการลักลอบค้า เพื่อไม่ให้เป็นที่ต้องสงสัยของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งที่ซ่อนตัวจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานที่ต่างๆ อยู่เรื่อยๆ เพื่อหลบเลี่ยงการจับกุมด้วย" สวญ.สภ.ลาดหญ้า กล่าว
พ.ต.ท.เชาวลิต กล่าวถึงผลการตรวจ กระสุนปืนเอ็ม-16 ที่ส่งให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่าเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ยิงถล่มนายสนธิ หรือไม่ว่า ผลตรวจยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดียิงนายสนธิ แต่ในส่วนของปลอกกระสุนปืนที่พบ 4 ปลอก คาดว่าจะเป็นปลอกกระสุนปืนที่ใช้ก่อเหตุคดียิงกันบริเวณถนนริมน้ำ หน้าเมืองกาญจนบุรี ซึ่งต้องตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง