“ดิว อริสรา” โผล่เข้าไกล่เกลี่ย “ซีแนม” เปิดใจครั้งแรกแบบหมดเปลือก เหมือนหนังคนละม้วน

“ดิว อริสรา” โผล่เข้าไกล่เกลี่ย “ซีแนม” เปิดใจครั้งแรกแบบหมดเปลือก เหมือนหนังคนละม้วน

“ดิว อริสรา” โผล่เข้าไกล่เกลี่ย “ซีแนม” เปิดใจครั้งแรกแบบหมดเปลือก เหมือนหนังคนละม้วน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 กลายเป็นเรื่องราวปริศนาทำให้หลายคนต่างเดากันไปต่างๆ นานาว่านางร้ายที่เพิกเฉยและยังไม่คืนเงินหุ้นส่วนที่เหลือให้กับ ซีแนม สุนทร หรือ ซีแนม เอเอฟ หลังจากยกเลิกกิจการร้านทำเล็บ คือใครกันแน่

ล่าสุดในวันนี้ 16 กรกฎาคม ดิว-อริสรา ทองบริสุทธิ์ ได้เดินทางมาที่ศาลแพ่ง กรุงเทพฯใต้ ถ. เจริญกรุง พร้อมทนาย สาคร ศิริชัย เข้าไกล่เกลี่ยกับทางฝั่งซีแนมเป็นครั้งแรก แต่ต้องขอเลื่อนไกล่เกลี่ยไปเป็นวันที่ 24 สิงหาคม เนื่องจากตนยังไม่พร้อม อีกทั้งยังได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกถึงเรื่องราวดังกล่าวให้ฟังว่า

ดิว - “จริงๆ วันนี้ดิวไม่มีความจำเป็นต้องมาด้วยซ้ำ เพราะนัดครั้งแรกสามารถให้ทนายมาได้ แต่ด้วยหนึ่งดิวก็ต้องให้เกียรติศาล สองคือเพื่อความบริสุทธิ์ใจ เนื่องจากอึดอัดมานานแล้วไม่ได้พูด สาเหตุที่ไม่เคยออกมาพูดใดๆ ทั้งสิ้นเพราะว่าถ้าพูดไปบางทีมันอาจจะมีกรณีโดนฟ้องหมิ่นประมาทได้ เลยให้มันเข้าสู่กระบวนการศาลก่อน แล้วค่อยออกมาพูด ฉะนั้นบอกเลยว่าที่มาวันนี้เพื่อต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจจริงๆ ส่วนที่ดิวยังไม่ได้คืนเงินเขา เป็นเพราะมันยังมีอีกคดีหนึ่งที่คั่งค้างกันอยู่ ซึ่งจะให้ทนายเป็นคนให้พูดดีกว่าค่ะ”

ทนายสาคร - “คดีนี้เริ่มต้นจากการที่หุ้นส่วนมาทำธุรกิจร่วมกัน 5 คน คุณดิวกับทางหุ้นส่วนที่เป็นคู่กรณีกันได้ไปทำสัญญาเช่าตึก แต่เกิดมีปัญหาเกี่ยวกับสถานที่คือเจ้าของสถานที่ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ให้ได้ ธุรกิจจึงยังเกิดขึ้นไม่ได้ ในขณะนี้มีกรณีที่ฟ้องร้องกันอยู่ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ตอนนี้คุณดิวรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่ว่าไม่คืนแต่มันมีปัญหาของมันอยู่ นอกจากนี้หุ้นส่วนอย่างคุณ หนูนา-หนึ่งธิดา โสภณ ก็ไม่ได้ติดใจเรียกร้องหรือมีปัญหาใดๆ”

ทนายสาคร - “แต่ถามว่าในเรื่องเงินเจตนาของคุณดิวต้องการจะคืนไหม ตามที่เป็นข่าวเสมือนหนึ่งว่าทางเราหลบเลี่ยง คือมันมีปัญหามากกว่านั้นเมื่อหุ้นส่วนมีความเข้าใจผิดกันจะเอาเงินคืนอย่างเดียว แล้วก็ปัญหาที่มันเกิดเช่นไปฟ้องร้องกับบุคคลภายนอกซึ่งเป็นเจ้าของตึก สิ่งเหล่านี้ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ มิใช่จะไปยอมให้ภาระตกอยู่กับหุ้นส่วนเพียงคนเดียว ซึ่งคุณดิวเขาสู้ด้วยตัวเองอยู่ขณะนี้แต่ไม่อยากออกมาพูดตรงนี้ แล้วก็การทวงถามอะไรต่างๆ ถ้าคนที่เป็นหุ้นส่วนร่วมธุรกิจกันควรจะทำด้วยความสุภาพ ไม่ใช่ไปป่าวประกาศผ่านสื่อหรือออนไลน์ต่างๆ ซึ่งต่อให้ทางเราจะไม่ดำเนินคดีอยู่แล้วเพราะเป็นเพื่อนกัน แต่มันสร้างความรู้สึกที่ไม่ดี สร้างความกระทบกระเทือนจิตใจระหว่างคนที่เป็นหุ้นส่วน ในขณะนี้เราก็ต้องให้ข่าวด้วยความระมัดระวังเพราะคดีจะมีการไกล่เกลี่ยในวันที่ 24 สิงหาคม 2561 ซึ่งเราจะนำเรื่องอื่นคือคดีที่เราฟ้องร้องเจ้าของตึกซึ่งฟ้องร้องอยู่สองล้านบาท รวมถึงมีการเสียค่าทนายไปเป็นหลักแสนบาทแล้ว อันนี้ก็ต้องมารับผิดชอบร่วมกัน”

ทางหุ้นส่วนที่เป็นคู่กรณีบอกว่าการฟ้องร้องเจ้าของตึกจะต้องได้รับความยินยอมจากหุ้นส่วนก่อน ทำไมดิวถึงตัดสินใจไปฟ้องเองคนเดียว ?
ดิว - “ต้องบอกก่อนว่าตอนแรกเรามีการคุยกันเรียบร้อยแล้วว่าจะฟ้องร้อง สุดท้ายพอเขารู้ว่าเรามีเหตุผลแบบนี้ที่เรายังไม่ได้คืนเงินเขา เขาก็เลยบอกว่าโอเคงั้นเขาไม่ฟ้อง ซึ่งก็ต้องมานั่งคุยกันก่อนว่าหุ้นส่วนเรามีทั้งหมด 5 คนก็จริง แต่หุ้นที่ดิวถึงคือ 60 เปอร์เซ็นต์ เงินสองล้านกว่าบาทสำหรับเขา 10 เปอร์เซ็นต์ มันคือแค่สองแสน แต่ของดิวมันคือล้านกว่าบาทเลยนะคะ ซึ่งเงินของดิวก็ไปจมอยู่ตรงนั้น ถ้าดิวเป็นคนถือหุ้นแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ก็คงไม่เป็นคนโหวตจะไม่ฟ้องร้องเหมือนกันเพราะไม่อยากมานั่งเสียเวลา แต่ทุกคนก็ต้องเห็นใจดิวด้วยว่าดิวเป็นหุ้นที่เยอะที่สุด และชื่อคนฟ้องร้องก็เป็นชื่อดิวอีกต่างหาก ในขณะเดียวกันสัญญาที่เซ็นไปต้องบอกก่อนว่ามันเป็นสัญญาที่เขาสามารถฟ้องเรากลับได้ด้วยเพราะเราทำผิดสัญญาที่ไม่จ่ายค่าเช่า ฉะนั้นดิวก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อเป็นการป้องกันตัวเองเหมือนกัน”

ดิว - “ในขณะที่วันแรกเราทำธุรกิจกันแบบครอบครัวพี่น้อง ดิวเพิ่งรู้เหมือนกันค่ะว่าการทำธุรกิจที่ถูกต้องมันคือเราออกเสียงกันตามจำนวนคนใช่ไหม ไม่ได้ตามจำนวนเงินหรือหุ้นที่ลงเหรอ ความจริงเราทำธุรกิจกันมันต้องออกเสียงกันตามจำนวนหุ้นหรือเปล่า ในจำนวนเงินหกล้านบาท ดิวลงเงินไปสามล้านหกแสนบาทนะคะ เขาลงไป 10 เปอร์เซ็นต์ คือแค่หกแสนบาทเอง ถ้าจะเจ็บมันต้องเจ็บที่ดิวหรือเปล่า ซึ่งเรื่องทุกอย่างพวกนี้คุยกันหมดแล้ว จริงๆ ดิวเป็นคนนัดเองด้วยซ้ำว่าจะคืนเงินให้กับทุกคน แต่วันนั้นมันมีปัญหา เขาชี้หน้าด่าและขู่ดิวว่าจะทำลายชื่อเสียง ซึ่งดิวไม่ได้แปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นถึงได้มีทนายความพร้อม หลังจากวันนั้นก็ตั้งหลักเพราะเริ่มน่ากลัว เลยไปปรึกษาพี่ไผ่ วันพอยท์”

ทางฝั่งโน้นยืนยันว่าไม่ได้มีการคุยเรื่องการคืนเงินเลย ?
ดิว - “ไม่จริง ดิวมั่นใจว่าไม่จริง เรานัดคุยกันวันนั้นแล้วที่สถานที่หนึ่ง แล้วก็มีการชี้หน้าด่าดิวตรงนั้น รวมถึงเขาท้าบางสิ่งบางอย่างที่เป็นไปด้วยอารมณ์ทั้งสิ้น ซึ่งดิวไม่ได้ท้าเขานะ เขาท้าดิวนะ“

ทนายสาคร - “นับตั้งแต่บัดนี้ไปคดีมันขึ้นสู่ศาล ว่าคดีนี้โดยภาพรวมแล้วเป็นเพื่อนกันทำธุรกิจ แล้วคดีก็สู่ระบบไกล่เกลี่ย เจตนาเราคือคืนเงินแน่แต่ต้องมาคุยกันให้เข้าใจในระหว่างคนทำหุ้นส่วน จบด้วยกัน รับผิดด้วยกัน กำไรด้วยกัน เมื่อมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบ ไม่ใช่มาทิ้งภาระให้บุคคลอื่น ทีนี้คดีนี้มันมีทางจบ เรายินดีคือถ้ารับเงื่อนไขหนึ่ง...สอง...สามได้ โดยให้ศาลเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยเพราะว่าไปคุยกันเองรู้สึกจะมีปัญหา น่าจะจบ วันที่ 24 สิงหาคม 10.00 น.”

ตอนที่คุยกัน เราตกลงจะคืนเงินเขาเมื่อไหร่ ตอนนัดคุย ?
ดิว - “คุยเสร็จปุ๊บจะไปโอนคืนทันทีทุกคนเลย วันนั้นเลย แต่วันนั้นคือมีปากเสียงกันไง แล้วเขาก็ขู่ดิวด้วย แล้วอีกกรณีหนึ่งคือ เงินที่ลงทุนไปแล้วบางส่วน เขาบอกให้ดิวรับจบไปเลยคนเดียว หมายความว่าเงินซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ทำไมดิวไม่รับจบไป ใส่ของแพงทำไมไม่รับจบไป ซึ่งอ้าว...ทำไมดิวต้องรับจบ เขาก็บอกว่าก็ดิวมีความฝันอยากทำร้านเล็บอยู่แล้วหนิ ซึ่งเราก็อ้าว...แล้วความฝันของดิวคือยังไงอะ มันเกี่ยวไหม บอกมันคุยกันไม่รู้เรื่อง แล้วจริงๆ ดิวก็ไม่ได้เป็นคนระงับอารมณ์ได้ขนาดนั้น คุยไม่รู้เรื่องมันก็ต้องพึ่งทนาย”

สิ่งที่เขาเขียนมาว่าดิวเอาเงินไปใช่ส่วนตัว เรารู้สึกอย่างไรบ้าง ?
ดิว - “ดิวก็เป็นคนใช้เงินเก่งอะ แต่ดิวก็เป็นคนหาเงินมา แล้วทั้งนี้ทั้งนั้นดิวก็ไม่ได้เอาส่วนนั้นไปใช้ ลองคิดกันดูดีๆ ลองคำนวณกันดูดีๆมันพอไหมล่ะ ที่เราใช้ไป มันมองกันง่ายๆ อะ มันไม่ใช่หรอกค่ะ”

ที่บอกว่าเงินของเขามันจำนวนหลักแสน ทำไมเราไม่ตัดสินใจจ่ายให้จบๆ ไป จะได้ไม่ต้องมีข่าว ?
ดิว - “ไม่ใช่หรอกเพราะไปว่ามันกรณีอีกคดีนี้อยู่ด้วยไง แล้วเรากับเขาคุยกันไม่รู้เรื่อง เราก็ไม่รู้ว่าจะทิ้งหุ้นเราไหม หรือจะยังไงเราหรือเปล่า คือถ้าคุยกันรู้เรื่องอย่างในกรณีบางคน ยกตัวอย่างน้องหนูนา หนึ่งธิดา หนูนาพร้อมให้พี่ทุกคนไปสัมภาษณ์ได้เลย หนูนาไม่มีปัญหาเลย”

ทนายสาคร - “เดี๋ยวครั้งหน้าเราจะเชิญเขามาด้วย ว่าหุ้นส่วนคนอื่นที่ว่ายังไม่ได้รีบเงินคืน เขามาความรู้สึกยังไง”

ดิว - “แต่จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ อยากไปแถลงมาก หนูนาบอกพี่เดี๋ยวหนูไปด้วย เพราะเราก็บอกว่าหนูนาเอาคืนไปเลย เขาก็บอกไม่เอาพี่ดิว พี่ฟ้องร้องอยู่แบบนี้หนูจะเอาคืนได้ยังไง หนูนาเขาไม่อยากทำให้ดิวรู้สึกว่าเขาทิ้งดิว แต่อย่างอีกกรณีบางคนที่ดิวคืนไป คือหนึ่งเขาเดือดร้อน เขามาคุยกับดิวแบบดีๆ แล้วเราคุยกันเข้าใจ คนเดือดร้อน ดิวไม่ได้อยากเก็บเงินใครไว้สักบาทอยู่แล้ว พอเดือดร้อนปุ๊บดิวก็ให้เขา ดิวไม่ได้อีดออดในการให้เขาเลย และทุกๆ เงื่อนไขในด้านคดีความ ดิวเสนอเขาว่างั้นเซ็นเป็นสัญญากู้เงินได้ไหม เพราะดิวก็กลัวเหมือนกันว่าเดี๋ยวคนที่ไม่ประสงค์ดีจะมาเล่นดิวเรื่องนี้ นึกออกไหมค่ะ ดิวก็บอกงั้นเซ็นเป็นสัญญากู้ยืมเงินได้ไหม เขาก็ยินดี คือยินดีทุกอย่างเลย อย่างนี้คือคุยรู้เรื่อง”

หุ้นส่วนอีกสองคนเขาเข้าใจไหม ถ้าไม่นับของฝั่งโน้นสองคน ?
ดิว - “สองคนเข้าใจ หนูนาเข้าใจเลย ให้เงินยังไม่เอาเลย ส่วนอีกคนอันนั้นเราก็คืนกันส่วนตัว เพราะเขาเดือดร้อน ดิวก็กะว่าโอเคถ้าคุยกันเรื่องธุรกิจไม่ลง ก็กลายเป็นยืมเงินดิวไปละกัน เดี๋ยวดิวเอาเงินดิวมาโป๊ะตรงนี้ก็ได้”

เราจะรอให้คดีเช่าที่จบก่อน ถึงจะคืนเงินทุกคนครบ ใช่ไหม ?
ทนายสาคร - “คือไม่ถึงขนาดนั้น คือในนัดหน้าถ้าคุยกันบรรลุข้อตกลง ซึ่งฟ้องนัดคดี 1 ตุลาคม อาจจะได้บรรลุข้อตกลงว่ายอมรับค่าใช้จ่ายที่มันจะเกิดขึ้น แล้วก็ยอมรับเงื่อนไขที่เราเสนอบ้าง ไม่ใช่ฝั่งเขาเสนออย่างเดียว แล้วเราอาจจะให้หนูนามาด้วยในนัดหน้านี้ แล้วก็รอฟังความคืบหน้าในเดือนหน้าแล้วกันนะครับ”

มีไกล่เกลี่ยอะไรบ้างที่อยากยื่นข้อเสนอไปให้เขา ?
ดิว - “โอ๊ย...ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ เดี๋ยวต้องไปคุยกัน วันนี้จริงๆอยากมาเพราะอยากให้เกียรติศาลด้วย แล้วก็อยากมาโชว์ความบริสุทธิ์ใจด้วย แล้วดิวรู่ว่าทุกคนรอคำพูดจากดิว”

ทำไมเราถึงปล่อยให้เวลามันผ่านมาขนาดนี้ จนทุกคนว่าเรา ?
ดิว - “ไม่ใช่หรอก ถ้าดิวพูดอะไรไป เดี๋ยวจะมาฟ้องดิวไง เพราะเขาพูดอะไรไปทุกอย่างครอบคลุม คือคิดมาแล้วอะ บอกตรงๆ ว่าคิดมาแล้ว ทุกอย่างที่ทำ ดิวรู้สึกว่าโดยดิสเครดิตอย่างหนักมาก เพราะฉะนั้นถ้าดิวออกมาแก้ตัวอะไร หรือออกมาพาดพิงถึงเขา ถ้าดิวพลาดนิดเดียวบางสิ่งบางอย่างจากที่ดิวไม่ผิด จะกลายเป็นดิวผิดไง”

ตอนที่เจอหน้ากันเมื่อกี้ ทำไมเราถึงไม่เข้าไปคุยกัน ถ้าเย็นลงอาจจะไกล่เกลี่ยง่ายขึ้นไหม ?
ดิว - “โอ๊ย...ไม่มีใครมาเจอภาพสุดท้ายที่ดิวเจอเขาหนิ คือภาพสุดท้ายที่เจอเขา อีกนิดหนึ่งเขาก็จะถึงตัวดิวอยู่แล้วนะ อีกนิดหนึ่งแก้วกาแฟดิวก็จะไปอยู่แล้วนะ คือตอนนั้นเราโดนห้ามแล้วอะ เพราะฉะนั้นเราเลยจุดนั้นมาแล้ว”

ทนายสาคร - “เอาล่ะ ให้บรรยากาศมันดีนะ เดี๋ยวรอศาลไกล่เกลี่ย ให้มันมีการไกล่เกลี่ยเกิดขึ้นแล้วเรามาดูความคืบหน้ากัน”

ที่เขาบอกว่านางร้ายได้ส่งคนมาข่มขู่เขา เราทำจริงไหม ?
ดิว - “เรื่องจริงมันไม่มี แล้วดิวก็เห็นเขาออกรายการแล้วหนิ เขาก็บอกว่ามันไม่มี แต่ดิวก็ไม่รู้ว่าเขากำลังใช้สื่อเป็นเครื่องมือ หรือมันเกิดอะไรขึ้น แต่ดิวว่าตัวเขารู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นยังไง ดิวไม่ใช่คนโง่นะ”

อยากบอกอะไรกับสังคมไหม ตอนนี้คนมองว่าเราโกงเงินเพื่อน เราเสียใจไหม ?
ทนายสาคร - “ก็เราพูดความจริงวันนี้นะครับ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ว่าอยู่ๆ เขาเอาเงินมาให้เรา แล้วเราไม่คืน แต่มันมีคดีอื่นๆ ซึ่งสังคมยังไม่เคยทราบเลย ว่าเราไปฟ้อง เราเสียค่าทนายไปกี่แสน เราฟ้องเจ้าของสถานที่ยังไง เบื้องลึกเบื้องหลังในการทำสัญญาธุรกิจมันเกิดขึ้นไม่ได้เพราะอะไร หนึ่งเพราะสัญญาเช่ามันมีปัญหา สองหุ้นส่วนทะเลาะกัน จะได้อย่างเดียวมันไม่ได้ การลงทุนมีความเสี่ยง ถ้าไม่เข้าใจตรงนี้มันก็ไปกันไม่ได้ อันนี้คือปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วที่ผ่านมายังไม่ได้พูด ทีนี้คดีมันขึ้นสู่ศาลแล้ว เราก็ยินดีพูดบนศาล เงินคืนได้ แต่ต้องคุยกันให้เข้าใจก่อนนะครับ”

ณ วันนี้ดิวยังลำบากใจเรื่องอะไรอยู่บ้าง หรืออยากบอกอะไรกับสังคมบ้าง ?
ดิว - “ไม่หรอกค่ะ ดิวว่าทุกคนต้องเข้าใจอยู่แล้วว่าการทำธุรกิจมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก แล้วมันก็มีดีเทลเยอะ ที่ผ่านมาดิวไม่มีโอกาสมาพูดอะไร เพราะดิวไม่ได้เลือกที่จะพูดเองด้วย วันนี้ก็ลองฟังในมุมนี้ดู แล้วก็ดิวไม่โกรธนะถ้าใครจะว่าดิว หรือว่าอยากจะมาคอมเมนต์อะไร เพราะว่าต่างคนมันบังคับใครไม่ได้อยู่แล้ว ก็แล้วแต่”

ยังจะเปิดอยู่ไหม ธุรกิจนี้ ?
ดิว - “ขอเรื่องนี้จบก่อน จริงๆ หนูนาบอกพี่ดิวเราทำต่อกันเลยไหม แต่ก็บอกว่าพักก่อนเพราะว่าเหนื่อยมากจริงๆ ต้องสารภาพเลยว่าประสบการณ์ครั้งนี้คือทำให้รู้ว่าบางทีดิวคิดน้อยเกินไป หมายความว่าไปเซ็นได้ยังไงคนเดียว ชื่อเราคนเดียว บางทีดิวคงคิดน้อยไปจริงๆ ค่ะ”

>>"ดิว อริสรา" ตอบกลับยาวๆ หลังถูกพาดพิงด้วยประโยค "เอาเงินแต่งตัวไปใช้หนี้เขาดีกว่า"

>>"ซีแนม" เผยจุดแตกหัก "นางร้าย" ชี้หน้าด่ากันไฟแลบ แฉมี "นางเอก" เป็นหุ้นส่วนด้วย

>>"ซีแนม" จัดหนักแฉน้องนางร้ายคนดัง ติดเงินเป็นล้าน ยังใช้ชีวิตหรูหราไม่ละอาย

อัลบั้มภาพ 13 ภาพ

อัลบั้มภาพ 13 ภาพ ของ “ดิว อริสรา” โผล่เข้าไกล่เกลี่ย “ซีแนม” เปิดใจครั้งแรกแบบหมดเปลือก เหมือนหนังคนละม้วน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook