จับได้แล้ว อดีตพระทำน้ำมนต์ให้สาว 18 กินแล้วตาย หนีไปอยู่กลางทะเล 3 เดือน
วันนี้ (17 ก.ค.61) พันตำรวจเอกสรวิศ มาอินทร์ ผู้กำกับสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ พร้อมตำรวจสืบสวนชุดจับกุม ได้นำตัว นายโอภาษ อายุ 43 ปี ชาวจังหวัดชัยภูมิ ผู้ต้องหากระทำความผิดโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมาสอบสวนเพิ่มเติม ที่กองกำกับสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ
คดีนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา เมื่อครั้งนายโอภาษได้บวชเป็นพระอยู่วัดร้างในหมู่บ้านท่าเว่อใน ต.เก่าย่าดี อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ได้ร่วมกับพระสงฆ์อื่นและฆราวาส มาทักว่า นางสาวสุพัก อายุ 18 ปี โดนคุณไสย์มนต์ดำ ถ้าอยากหายต้องกินน้ำมนต์ 2 ถัง หรือ 2 บาตรพระถึงจะหาย ซึ่งตอนนั้นนางสาวสุพัก ไม่ได้มีอาการอะไรปกติดีทุกอย่าง แต่ก็ได้หลงเชื่อยอมกินน้ำมนต์ เมื่อพระสงฆ์ใช้แก้วตักน้ำมนต์ให้กินเพียงแค่แก้วแรกนางสาวสุพัก ได้อาเจียนออกมา แต่พระสงฆ์ยังบังคับให้กินต่ออีกหลายแก้ว และทุกแก้วที่ดื่มเข้าไปได้อาเจียนออกมาทุกครั้ง เกิดมีการชักดิ้นชักงอมือเท้าเกร็ง ชาวบ้านได้ช่วยกันนำส่งอนามัยใกล้บ้าน และถูกส่งตัวไปยัง รพ.แก้งคร้อ มีอาการหนักมากถูกนำตัวส่งต่อไปรักษาต่อที่ รพ.ชัยภูมิ และก็สิ้นใจในเวลาต่อมา แพทย์ได้ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าชักจนสมองขาดออกซิเจน
>> เปิดหลักฐาน "บาตรน้ำมนต์มรณะ" ทำสาว 18 ดับ ส่วนผสมทั้งขี้ตา-น้ำลาย
หลังจากนั้นญาติได้นำศพนางสาวสุพักมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านในตำบลเก่าย่าดี อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ และได้ทำการฌาปนกิจศพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายขาน อายุ 48 ปี นางดวงจิต อายุ 38 ปี พร้อมด้วยญาติๆ ได้เข้าแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรแก้งคร้อ ตำรวจมีการติดตามจับกุมกลุ่มพระที่ได้ร่วมกันทำน้ำมนต์อย่างต่อเนื่อง และมีผู้ที่ร่วมทำน้ำมนต์ได้เข้ามอบตัวครั้งแรก 4 ราย คือ พระภิกษุบุญปัน อายุ 66 ปี , นางสาวกรรณิการ์ อายุ 37 ปี , นางสาวบุญหลาย อายุ 36 ปี และ นายมงคล อายุ 33 ปี ได้เข้ามอบตัวที่ สภ. แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ
ตำรวจได้ตั้งข้อหา ร่วมกันกระทำการโดยประมาท จนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เบื้องต้นผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด ขอให้การปฏิเสธ และขอยื่นประกันตัว ในวงเงินคนละ 400,000 บาท และให้การว่าพระโอภาส เป็นผู้ทำน้ำมนต์ที่ยังไม่ยอมมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชัยภูมิ ได้เร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง
จนล่าสุดทราบว่าพระโอภาษ วัย 43 ปี ได้สึกจากการเป็นพระที่จังหวัดหนองบัวลำภู และได้หลบหนีไปที่จังหวัดกระบี่ ลงเรือไปทำงานกลางทะเล 3 เดือน จนเรือได้กลับเข้าฝั่งเพื่อหลบมรสุมที่จ.ภูเก็ต จากนั้นนายโอภาษ ได้เดินทางกลับบ้านที่หมู่ 10 ตำบลท่ามะไฟหวาน อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ จนถูกตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดชัยภูมิ จับกุมตัวได้เมื่อคืนที่ผ่านมาและนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม
นายโอภาษ ยอมรับว่าเป็นผู้ทำน้ำมนต์จริง มีเพียงน้ำเปล่าและหยดเทียนลงในน้ำ และไม่มีการใส่สารอะไรเข้าไปในน้ำมนต์ ไม่ได้ตั้งใจทำให้หญิงสาวเสียชีวิต และไม่ทราบหญิงสาวเสียชีวิตเพราะเหตุใด เบื้องต้นตำรวจได้ตั้งข้อหาผู้ต้องหา กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแต่ความตาย