ชาวบ้านผวา-คลื่นซัดชายฝั่งรุนแรงทำแนวป้องกันพังทลาย เหลือเพียงต้นสน 3 ต้น
( 19 ก.ค. 61 ) สภาพพื้นที่หลังน้ำลด เผยให้เห็นความเสียหายของบริเวณแนวชายฝั่งชายหาดหัวหิน และตลอดแนวชายฝั่งระยะทางยาวกว่า 250 เมตร ในพื้นที่หมู่ 6 ตำบลบ่อหิน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ต้องเผชิญกับปัญหาคลื่นกัดเซาะชายฝั่งมายาวนานหลายปี
โดยทั้งชาวบ้านและทาง อบต.บ่อหิน เคยทำหนังสือร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะทางจังหวัด รวมทั้งร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดหางบประมาณมาดำเนินการป้องกันติดต่อกันมาหลายปีแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ปัญหาดังกล่าวก็ยังคงอยู่และรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำชายหาดหายไปปีละประมาณ 3 – 5 เมตร และขยายลึกเข้าไปเรื่อยๆ
โดยเฉพาะกันชนสำคัญที่ช่วยสกัดความรุนแรงของคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง คือ แนวต้นสนขนาดใหญ่จำนวนมาก แต่ถูกคลื่นซัดล้มลงในทะเลต้นแล้วต้นเล่า ซึ่งหลักฐานคือ ตอไม้สีดำที่หลงเหลืออยู่ในทะเล เป็นสิ่งที่บ่งชี้ถึงความรุนแรงของคลื่นกัดเซาะชายฝั่งที่รุนแรงและล้มลงต่อเนื่องทุกปี และความเสียหายของลานกีฬาถูกคลื่นซัดเข้าไปใต้พื้นผิวคอนกรีต จนเห็นตอม่ออยู่ในทะเล, อิฐทางเดินทางเท้าพังเสียหาย , ศาลาพักผ่อน และห้องน้ำ ที่เหลือเพียงซาก
ล่าสุด ขณะนี้แม้จะเป็นแค่ช่วงต้นฤดูมรสุมของปีนี้เท่านั้น แต่ถึงคิวแนวต้นสนขนาดใหญ่แนวสุดท้ายได้ล้มต้นเพิ่มอีกจำนวน6 ต้น และส่อล้มเพิ่มอีกจำนวนมาก ซึ่งทำให้ผืนดินหายไปในทะเลนับตั้งแต่ปี 2549 ไปแล้วประมาณ 30 – 40 เมตร ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ยังไม่มีมาตรการใดๆ ในการป้องกันไม่ให้เกิดการกัดเซาะเพิ่ม ทั้งการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และระยะยาว แม้ว่าชาวบ้านและ ทาง อบต.บ่อหิน ได้พยายามส่งหนังสือขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขมายาวนานแล้วก็ตาม
นายจอมรวย เกลี้ยงช่วย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ่อหิน อ.สิเกา กล่าวว่า ในระยะเวลาแค่ 3 เดือนนี้ คลื่นกัดเซาะทำชายหาดหายเพิ่มไปอีกประมาณ 8 – 10 เมตร ซึ่งปีที่ผ่านมา ได้มีนักวิชาการจากหลายฝ่ายเดินทางมาดูพื้นที่ เสนอว่าจะทำแนวกันคลื่นแบบแข็งบ้าง แบบโครงสร้างอ่อนบ้าง แต่หลังจากนั้นก็หายไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ล่าสุดต้นสนแนวสุดท้ายที่อยู่ติดทางเท้า ล้มต้นลงทั้งแถวรวม 6 ต้น เหลือเพียง 3 ต้น ก็กำลังจะล้มตาม
ซึ่งหากไม่มีต้นไม้หรือรากไม้ยึดหน้าดินแนวชายหาดที่เหลือ ก็เชื่อว่าในไม่นานนี้พื้นที่ทั้งหมดที่เหลือ ทั้งสวนสน ลานกีฬา รวมทั้งป่าชายเลนแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำวัยอ่อน โดยเฉพาะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปูดำที่สำคัญของชาวบ้านในพื้นที่จะหายไปทั้งหมด จะกระทบกับวิถีชีวิตชุมชนบ้านบ่อหินทั้งหมดอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบ้านบ่อหินคลื่นลมจะรุนแรง แต่มีแนวต้นสนพอจะสามารถบังคลื่นลมไว้ โดยชาวบ้านรู้สึกเป็นห่วงกังวลอย่างมาก หากช่วงมรสุมลูกใหญ่ในวันข้างหน้า ถ้าไม่มีการสกัดกั้นหรือดำเนินการสร้างแนวพนังป้องกันรักษาส่วนที่เหลือไว้จะกระทบวิถีชีวิตชุมชนแหล่งผลิตปูดำที่สมบูรณ์ที่สุดในตำบลบ่อหินแน่นอน
ก่อนหน้านี้ได้เคยสอบถามความคืบหน้าการแก้ปัญหาไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้รับคำตอบว่า ขณะนี้กำลังติดตามให้อยู่แต่ก็เงียบหาย ล่าสุด เจ้าหน้าที่สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองได้เข้ามาตรวจสอบพื้นที่ บอกให้ อบต. ทำหนังสือเสนอของบประมาณในการซ่อมแซมผนังกันคลื่นตลอดแนวที่เสียหายรุนแรง เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเร่งด่วนไปเป็นระยะทาง 2 กม. ซึ่งเป็นบริเวณส่วนที่เป็นลานกีฬานี้ก่อน จากพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 3.50 กม. แต่ทราบว่าจะมีการเข้าแผนงบประมาณให้ใน ปี พ.ศ. 2562
ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้วหลายหน่วยงานลงพื้นที่มาตรวจสอบความเสียหาย ก็รับปากว่า จะเร่งดำเนินการให้ แต่ก็เงียบหายไม่ได้มีความคืบหน้าในการดำเนินการใดๆ ทั้งเฉพาะหน้าและระยะยาว โดยเฉพาะลานกีฬาปีนี้เริ่มต้นฤดูมรสุมถูกกัดเซาะเข้าไปใต้พื้นลานกีฬาแล้วประมาณ 3 เมตร ทำเสาตอม่ออยู่ในทะเลแล้ว ทำให้ขณะนี้ชาวบ้านไม่กล้ามาออกกำลังกายแล้ว เพราะไม่มั่นใจใสความปลอดภัย เชื่อว่าไม่นานก็จะพังทั้งหมด
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ