ชาวนา อ.ภูเขียว ป่วยระนาว "โรคประหลาดกัดกินเนื้อ" คาดพิษยาฆ่าหญ้า

ชาวนา อ.ภูเขียว ป่วยระนาว "โรคประหลาดกัดกินเนื้อ" คาดพิษยาฆ่าหญ้า

ชาวนา อ.ภูเขียว ป่วยระนาว "โรคประหลาดกัดกินเนื้อ" คาดพิษยาฆ่าหญ้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พบชาวนาอำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ป่วยเป็นโรคประหลาดกัดกินเนื้อที่บริเวณต้นแขนขาเน่าเปื่อยเกือบถึงกระดูกแล้วกว่า 5 คน แพทย์วินิจฉัยป่วยเป็นโรคหนังเน่า เนื้อตายหรือที่เรียกว่าโรคแบคทีเรียกินเนื้อคน ซึ่งเป็นเชื้อโรคร้ายแรง คาดว่าจะมาจากพิษของยาฆ่าแมลงและยาฆ่าหญ้า

วันที่ 24 ก.ค. 61 ที่โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติอำเภอภูเขียว ผู้สื่อข่าวได้ขออนุญาตเข้าไปทำข่าว หลังทราบข่าวว่ามีชาวบ้านทั้ง 2 อำเภอ ทั้งอำเภอเกษตรสมบูรณ์ และอำเภอภูเขียว ป่วยเป็นโรคประหลาดกัดกินเนื้อที่บริเวณต้นแขนขาเน่าเปื่อยเกือบถึงกระดูกเข้ารักษาตัวแล้วกว่า 5 คน

ภายในห้องผู้ป่วย โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติอำเภอภูเขียว พบผู้ป่วยนอนรักษาตัว 5 ราย ทั้งหมดเป็นชาวอำเภอภูเขียว โดยผู้ป่วยทั้งหมดบอกว่ามีอาชีพเป็นเกษตรกร ชาวนา ชาวไร่ ก่อนป่วยได้ลงแช่น้ำในนาข้าวเพื่อทำนาแล้วเกิดติดเชื้อมีอาการเหมือนกันหมด

เริ่มจากอาการปวดแสบปวดร้อนที่บริเวณขา แขน มีผื่นแดง และเริ่มเป็นแผลมีหนองไหลออกจากแผล จนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งนายแพทย์สุภาพ สำราญวงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติอำเภอภูเขียว บอกว่าจากการวินิจฉัยพบว่าผู้ป่วยเป็นโรคหนังเน่า เนื้อตาย หรือที่เรียกว่าโรคแบคทีเรียกินเนื้อคน

ซึ่งในช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝน เกษตรกรส่วนใหญ่จะลงทำไร่นา และมีเกษตรกรอีกจำนวนหนึ่งทำไร่อ้อย และมีการใช้ยาฆ่าแมลงและยาฆ่าแมลงจำนวนมาก จึงขอเตือนเกษตรกรหากมีแผลไม่ควรลงแช่น้ำในนาข้าวที่มีพื้นที่รอบๆ เป็นไร่อ้อยโดยเด็ดขาด เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่าย หากรักษาไม่ทันจะทำให้เสียชีวิตได้

ในขณะที่นายภิรมณ์ ได้เล่าว่าตนทำไร่อ้อยจำนวน 10 ไร่ ทุกอย่างได้ลงมือทำเองทั้งหมด ตั้งแต่ฉีดยาฆ่าแมลงฉีดยาฆ่าหญ้า ช่วงนี้เป็นหน้าฝนตนเองได้เดินลุยน้ำที่บริเวณไร่อ้อยเพื่อฉีดพ่นสารเคมี โดยไม่ได้ป้องกันทำให้เกิดอาการเจ็บปวดแสบร้อน และมีผื่นบวมแดงบริเวณขาขวา

ประมาณ 3-4 วัน แผลเริ่มมีหนอง จนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล หมอได้ผ่าตัดบริเวณเนื้อตายออก รักษาตัวมาแล้วกว่า 2 เดือน ขณะนี้อาการเริ่มดีขึ้น คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการรักษาอีก 2 เดือน ซึ่งหากมารักษาตัวช้ากว่านี้คงเสียชีวิตแน่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook