9 เดือนยังเงียบ-สองตายายตัดพ้อผ่านสื่อ คดีคนร้ายฉกบัตรเอทีเอ็มกดเงินร่วมแสนหนีลอยนวล

9 เดือนยังเงียบ-สองตายายตัดพ้อผ่านสื่อ คดีคนร้ายฉกบัตรเอทีเอ็มกดเงินร่วมแสนหนีลอยนวล

9 เดือนยังเงียบ-สองตายายตัดพ้อผ่านสื่อ คดีคนร้ายฉกบัตรเอทีเอ็มกดเงินร่วมแสนหนีลอยนวล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

( 25 ก.ค. 61 )  จากกรณีที่  ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ ได้เคยนำเสนอข่าว  2 ตายายซึ่งเป็นสามีภรรยา กัน คือ นายบุญเลิศ  อายุ 66 ปี และนางทำ  อายุ 61 ปี  ชาวบ้าน บ้านเลิศอรุณ ต.ทับทัน อ.สังขะ จ.สุรินทร์   ถูกคนร้ายเข้าไปขโมยเงินสดและบัตรเอทีเอ็ม ของ 2 ตายาย

โดยภายในกระเป๋ามีรหัสบัตรเอทีเอ็มที่เขียนไว้กันลืมอยู่ด้วย ก่อนที่คนร้ายจะไปกดเงินออกจากบัญชีจนเกือบหมด เหลือเงินในบัญชีไว้ให้ดูต่างหน้าเพียง 518 บาท รวมสูญเงินไปกว่า 109,000 กว่าบาท เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2560 ที่ผ่านมา โดยเงินดังกล่าวเป็นเงินจากน้ำพักน้ำแรงที่สองตายาย ได้ร่วมกันเก็บสะสมด้วยการทำสวนและทำนาและเพิ่งจะขายข้าวเปลือกไป เพื่อนำเงินไปชำระหนี้ ธ.ก.ส.

ซึ่งคนร้ายได้ย่องเข้าไปขโมยเงิน 2 ตายายที่เก็บไว้ในกระเป๋าสะพายภายในห้องนอน ในช่วงกลางวันแสกๆ ขณะที่สองตายายกำลังทำสวนผักอยู่หลังบ้าน   พร้อมกันนี้ทั้ง 2 สามีภรรยา ได้เข้าไปแจ้งความกับ ร.ต.อ.ปรีชาชนะ  ไหมทอง รองสารวัตรสอบสวน สภ.สังขะ ขณะนั้น ซึ่งปัจจุบันได้ย้ายออกจาก สภ.สังขะ ไปแล้ว  เพื่อให้ช่วยติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด

ขณะเดียวกันทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวนสอบสวน  สภ.สังขะ ได้เร่งลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี และพบหลักฐานสำคัญ เป็นภาพด้านข้างของคนร้าย จากกล้องวงจรปิด ขณะที่คนร้ายกำลังนำบัตรเอทีเอ็มไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพ สาขาอำเภอลำดวน จังหวัดสุรินทร์

โดยกดเงินออกอย่างใจเย็น กดทั้งสิ้น 3 ครั้ง ครั้งละ 2 หมื่นกว่าบาท โดยคนร้ายสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำเงิน และกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน  และยังพบว่า คนร้ายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซุปเปอร์คัพ สีน้ำเงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาจอดที่หน้าร้านค้าฝั่งตรงข้ามธนาคารกรุงเทพสาขาลำดวน  ก่อนจะเดินข้ามถนนไปกดเงินดังกล่าว

ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานและได้ทำการทำหนังสือขอความร่วมมือ ประสานขอภาพวงจรปิดหน้าตรง ที่ติดอยู่ภายในตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพสาขาลำดวน  ไปยังธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ได้ทำหนังสือส่งไป แล้วหลายครั้ง แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่ได้รับความร่วมมือจากธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่แต่อย่างใด เป็นเวลากว่า 9 เดือนแล้ว ซึ่งถ้าหากได้ภาพหน้าตรงของคนร้าย ดังกล่าว คาดว่าจะสามารถติดตามจับกุมตัวได้อย่างแน่นอน

ล่าสุด วันนี้ ( 25 ก.ค. 61 )   สองตายายได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนอีกครั้ง ว่าคดีดังกล่าวไม่มีความคืบหน้า พร้อมกับวิงวอนให้ธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่ เห็นใจชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อน ช่วยส่งภาพวงจรปิดหน้าตรงคนร้ายมาให้ จนท.ตำรวจด้วย จะได้จับกุมคนร้ายได้เสียที กลัวจะไปก่อเหตุกับคนอื่นๆ อีก

นายบุญเลิศ ผู้เสียหาย กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 60  ปีที่แล้ว คนร้ายได้ทรัพย์สินไปประมาณหนึ่งแสนสองหมื่นบาท ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็บอกว่า กำลังติดตามให้อยู่ แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า

โดยทางตำรวจบอกว่า กำลังประสานขอรูปภาพคนร้ายจากทางธนาคารอยู่ และตนก็ได้ไปประสานกับธนาคารกรุงเทพ สาขาลำดวน เขาว่าได้ประสานกับทางธนาคารสาขาใหญ่ที่กรุงเทพฯ ให้อยู่ แต่ก็นานมาแล้ว เลยมอบให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาดำเนินการให้

ซึ่งทางตำรวจก็ได้ทำหนังสือขอภาพกับทางธนาคารไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ภาพหน้าตรงจากกล้องวงจรที่ติดอยู่ตู้เอทีเอ็ม ตนเลยอยากวิงวอนให้ทางธนาคารกรุงเทพสาขาใหญ่ ช่วยรีบจัดการให้ด้วย เพราะตนฝากความหวังไว้กับท่าน หวังว่าท่านจะช่วยให้ได้ภาพคนร้ายโดยเร็ว อยากให้มองเห็นความสำคัญของชาวบ้านด้วย เพราะว่าคนที่ฝากเงินก็ต้องพึ่งธนาคาร และตนขอฝากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ให้ท่านช่วยเร่งให้ตนด้วย อยากให้จับตัวคนร้ายได้ไวๆ เขาจะได้ไม่ไปทำกับคนอื่นอีก เงินส่วนนั้นตนก็หวังที่จะนำไปใช้หนี้กับทาง ธ.ก.ส.ต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.ทวีพงษ์ โพธิ์จิ๋ว ผกก.สภ.สังขะ เปิดเผยถึงความคืบหน้า ว่า   เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ตนได้กำชับให้เจ้าของคดีเร่งประสานขอภาพวงจรปิดหน้าตรงคนร้ายจากธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่อีกครั้ง เพราะล่วงเลยมาหลายเดือนแล้ว  ซึ่งหากได้ภาพหน้าตรงคนร้ายชัดเจน จะสามารถออกหมายจับและสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้ไม่ยาก  จึงขอความร่วมมือจากธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่ด้วย

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ 9 เดือนยังเงียบ-สองตายายตัดพ้อผ่านสื่อ คดีคนร้ายฉกบัตรเอทีเอ็มกดเงินร่วมแสนหนีลอยนวล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook