"หมอแฮร์ริส" เผยกลางเวทีแพทย์ วินาทีวางยาสลบทีมหมูป่า ก่อนพาออกถ้ำหลวง

"หมอแฮร์ริส" เผยกลางเวทีแพทย์ วินาทีวางยาสลบทีมหมูป่า ก่อนพาออกถ้ำหลวง

"หมอแฮร์ริส" เผยกลางเวทีแพทย์ วินาทีวางยาสลบทีมหมูป่า ก่อนพาออกถ้ำหลวง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดร.ริชาร์ด แฮร์ริส วิสัญญีแพทย์ (แพทย์วางยาสลบ) ชาวออสเตรเลีย ได้ขึ้นเวทีการประชุมการแพทย์ Swan Trauma Conference ประจำปีนี้ เพื่อบอกเล่ารายละเอียดการนำสมาชิกทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมี่ 13 ชีวิต ออกมาจากถ้ำหลวง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่ง ดร.แฮร์ริส เผยว่า ก่อนนำตัวออกมา ได้ให้เด็กๆ และโค้ช กินยาอัลปราโซแลม จากนั้นฉีดสารเคตามีน หรือที่เรียกกันติดปากว่า ยาเค เข้ากล้ามเนื้อ เพื่อให้สงบลง โดยให้ยาเหล่านี้ตามน้ำหนักตัวของแต่ละคน

อย่างไรก็ตาม ฤทธิ์ยาสลบอยู่ได้นานเพียง 1 ชั่วโมง ดร.แฮร์ริส เผยว่า ได้ตัดสินใจแจกจ่ายสารเคตามีน ให้กับนักดำน้ำที่ไม่ใช่แพทย์ เพื่อฉีดให้กับเด็กๆ และโค้ช เมื่ออยู่ระหว่างทาง นอกจากนี้ ยังฉีดยาอะโทรปีน ไม่ให้น้ำลายออกมามากเกินไปด้วย

นอกจากนี้ นายแพทย์จอห์น โครเซียร์ ศัลยแพทย์ที่ไปร่วมงานนี้ ได้บันทึกคลิปขณะ ดร.แฮร์ริส กล่าวบนเวทีเอาไว้ด้วย โดย ดร.แฮร์ริส พูดว่าได้ให้เด็กๆ ทดสอบหน้ากากดำน้ำว่าพอดีหรือไม่ ด้วยการกดศีรษะเด็กๆ ลงไปในน้ำ ขั้นตอนนี้ทำให้ตัวเองรู้สึกผิด เพราะเป็นครั้งแรกที่ทำ

"หลังจากที่ทดสอบกับเด็ก 2-3 คนแรก ผมก็คุยกับนักดำน้ำอังกฤษว่า ถ้าคนหยุดหายใจเป็นหน่วยซีลล่ะ นักดำน้ำอังกฤษเลยตอบมาว่า หมอ คุณเป็นบ้าอะไรเนี่ย" ดร.แฮร์ริส กล่าวติดตลก จนทำให้คนในห้องประชุมหัวเราะออกมา

คลิปนี้ ดร.แฮร์ริสกล่าวอีกว่า เด็กคนสุดท้ายที่นำตัวออกมาในวันแรก (8 ก.ค.) ติดเชื้อที่ปอด และมีอาการไม่ค่อยสงบนัก เพราะให้ยามากเกินไป จนต้องนำตัวมานอนบนตักตัวเองนานครึ่งชั่วโมง แล้วจึงให้ยาอีกครั้ง เพื่อให้นิ่ง แล้วนำลงน้ำออกมา

จากนั้นมีผู้ถามถึงวิธีการฉีดยาเด็กว่า ทำต่อหน้าเด็กคนอื่นๆ หรือแยกออกมาทำต่างหาก ซึ่ง ดร.แฮร์ริสเล่าว่า หน่วยซีลคนหนึ่งให้เด็กๆ นั่งรออยู่บนเนินนมสาว เพื่อไม่ให้เด็กๆ เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง และระหว่างที่ทำก็ให้แพทย์ชาวไทย (หมอภาคย์) อธิบายให้เด็กฟังว่า จะต้องทานยาเม็ด เพื่อให้รู้สึกสงบลง จากนั้นให้มานั่งบนตักตัวเอง เพื่อฉีดยาเข้าที่ขา 2 ข้างเพื่อให้สลบ

ดร.แฮร์ริส กล่าวต่อไปว่า "พอหน่วยซีลอ่าน(ขั้นตอน)ให้เด็กๆ ฟัง ผมมองหน้าพวกเขา พวกเขาเอาแต่พยักหน้า" ซึ่ง ดร.แฮร์ริส มองว่า การที่ไม่รู้นี่แหละดีแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook