"หลานสุดโหด" จ่อยิงน้าแท้ๆ 12 นัด คว้าอีโต้ฟันซ้ำ ดับอนาถข้างสระน้ำ

วันที่ 28 ก.ค. 61 เมื่อ 16.00 น. พ.ต.ท.สุรชัย จงวัชรสถิตย์ รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรีรับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.บ่อพลอยฯ ว่าเกิดเหตุฆ่ากันตายที่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.ช่องด่าน อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี

หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ พ.ต.อ.สรวัช ศรีบุตตะ ผกก.สภ.บ่อพลอย ทราบเรื่อง จากนั้นจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.เกียรติพงษ์ ดำรงชัยวงศ์ รอง ผกก.สส.ฯ พ.ต.ท.ประวิตร เที่ยงน่วม รอง ผกก.ผู้ชำนาญการ หน.พงส.สบ. 4 พร้อมประสานแพทย์เวร รพ.บ่อพลอย และมูลนิธิกู้ภัยบ่อพลอย

พบที่เกิดเหตุต้องใช้การเดินทางลำบาก ใช้เวลากว่า 2 ชม. จากการตรวจสอบที่บริเวณเล้าไก่เรือนไม้ชั้นเดียวด้านหลังบ้านข้างสระน้ำขนาดใหญ่ พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชายนอนหงายจมกองเลือดอยู่กับพื้นดิน

สภาพศพจากการชันสูตรพลิกศพของแพทย์เบื้องต้นพบว่า มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่ศีรษะด้านหลัง 1 นัด กระสุนฝังใน เข้าที่บริเวณท้ายทอยด้านหลัง 1 นัด เข้าที่โคนขาด้านหลัง ข้างละ 1 นัด และที่ก้นอีก 4 นัด บริเวณหัวไหล่ทั้ง 2 ข้าง

และตามลำตัวยังมีบาดแผลถูกฟันด้วยของมีคมอีกหลายแห่ง โดยเฉพาะที่บริเวณลำคอด้านขวาฉีกขาดเป็นบาดแผลฉกรรจ์จนลำคอหวิดขาด จึงมอบศพให้มูลนิธิฯ นำศพไปเก็บรักษาไว้ที่ รพ. ก่อนจะนำศพส่งสถาบันนิติเวชฯ เพื่อให้แพทย์ทำการผ่าพิสูจน์ต่อไป

หลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ พ.ต.อ.สรวัช ศรีบุตตะ ผกก.สภ.บ่อพลอย จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.สุรชัย จงวัชรสถิตย์ ทำการประสานไปยังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้เดินทางมาตรวจเก็บหาหลักฐานในบริเวณที่เกิดเหตุ

พบว่าภายในกระเป๋ากางเกงที่ผู้ตายสวมใส่พบแม็กกาซีนบรรจุลูกกระสุนปืนขนาด 9 มม. เต็มแม็ก 1 อัน บริเวณจุดเกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่รวม 12 ปลอก มีดอีโต้เปื้อนเลือดตกอยู่ใต้ต้นมะพร้าว ห่างจากจุดที่พบศพไปประมาณ 50 เมตร จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนปากคำญาติๆ ของผู้ตายทราบว่า ผู้ตายรายนี้ชื่อนายเฉลา อายุ 47 ปี มีอาชีพทำการเกษตรกรรม ทำไร่อ้อย เลี้ยงวัว เลี้ยงไก่ และยังมีอาชีพเสริมเป็นช่างทำโต๊ะเก้าอี้ไม้อยู่กับบ้าน

เบื้องต้นจากการสอบสวนปากคำเพื่อนบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งมาว่าจ้างให้นายเฉลาผู้ตายทำโต๊ะเก้าอี้ให้ ทราบว่าก่อนเกิดเหตุเพื่อนบ้านรายนี้กับนายเฉลา ผู้ตายกำลังยืนหันหลังพูดคุยกันเพื่อนบ้าน เพื่อว่าจ้างให้นายเฉลา ผู้ตายทำโต๊ะเก้าอี้ไม้ให้

ต่อมานายชัยณรงค์ หรือเอก อายุ 29 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานชายแท้ๆ ของนายเฉลา ผู้ตาย ได้เดินมาทางด้านหลังของผู้ตายที่กำลังยืนคุยอยู่กับเพื่อนบ้าน พอมาถึงนายขวัญชัย หรือเอก ก็ไม่ได้พูดพร่ำทำเพลงอะไร ชักอาวุธปืนสั้นขนาด 9 มม. ออกมายิงใส่นายเฉลาผู้ตายทันที

โดยที่ผู้ตายไม่รู้เนื้อรู้ตัว หรือไม่ทันระวังตัวเมื่อเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดแรก ทำให้เพื่อนบ้านที่มายืนคุยด้วย ถึงกลับตกใจขวัญหนีดีฝ่อ เมื่อหันไปดูก็พบว่า นายขวัญชัย หรือเอก หลานชายนายเฉลา ผู้ตาย ยืนถืออาวุธปืนสาดกระสุนใส่มาที่ร่างของนายเฉลา ที่ยืนห่างประมาณ 2 เมตร

เพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าต่อไปพอหายตกใจจึงรีบวิ่งหนีตายหลบห่ากระสุนปืนแบบไม่คิดชีวิต ท่ามกลางเสียงปืนที่ดังถี่ยิบขึ้นอีกหลายนัด จากนั้นจึงรีบวิ่งไปบอกพ่อและญาติๆ ของนายขวัญชัย ว่านายขวัญชัย ใช้อาวุธปืนยิงนายเฉลา เหตุเกิดที่ข้างเล้าไก่ด้านหลังบ้าน ยังไม่รู้ว่า สถานการณ์จะเป็นอย่างไรบ้าง

หลังเกิดเหตุพ่อของนายขวัญชัยและญาติๆ ทราบเรื่องจึงรีบเดินทางไปดู ก็พบว่า นายเฉลา ผู้ตายนอนหงายจมกองเลือดอยู่ข้างเล้าไก่ในสภาพที่มีบาดแผลทั้งถูกยิง ถูกฟันอย่างน่าสยดสยอง และแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบเรื่อง

จากนั้นเวลา 17.00 น. ผู้ใหญ่บ้านจึงเดินทางติดตามค้นหาตัวนายขวัญชัย พบนั่งหลบซ่อนตัวอยู่ข้างบ้านในสภาพเหม่อลอยคล้ายคนมีอาการทางประสาท และโทรศัพท์แจ้งตำรวจให้มาควบคุมตัวนายขวัญขัย หรือเอก ไปทำการสอบปากคำ

เบื้องต้นจากการสอบสวนปากคำนายขวัญขัย หรือเอก ซึ่งยอมรับสารภาพว่า ได้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. จ่อยิงนายเฉลา และใช้มีดอีโต้ในครัวมาฟันซ้ำไปที่ร่างของน้าชายอีกหลายครั้ง จนเห็นว่าน้าชายเสียชีวิตแล้ว จึงนำอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุไปซ่อนไว้ในบ้าน ส่วนมีดอีโต้ที่ใช้ก่อเหตุได้นำไปขว้างทิ้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าตกอยู่ใต้ต้นมะพร้าว

แต่เมื่อสอบถามถึงสาเหตุอะไร ทำไมถึงต้องฆ่าน้าชายตัวเอง นายขวัญชัยกลับมีท่าทางเหม่อลอย ไม่ยอมพูดจาอะไร คล้ายมีอาการทางจิต แต่รับว่าถูกคนตายข่มเหงกดดันโดยบางครั้งยิงปืนข่มขู่ จึงก่อเหตุในครั้งนี้

สอบถามบรรดาญาติก็ได้รับความตอบว่า นายขวัญชัย หรือเอก ที่ผ่านมาเป็นคนที่มีอาการทางประสาท แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้นายขวัญชัยก่อเหตุฆ่าน้าตัวเอง ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีปากเสียงทะเลาะกัน

ต่อมาตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และควบคุมตัวส่งดำเนินการตามกฎหมายต่อไป