"แม่น้ำโขง" น้ำขึ้นสูง-เชี่ยว "ปลากระชัง" ตายเกลื่อน ต้องทำปลาร้าขาย ขาดทุนถ้วนหน้า

"แม่น้ำโขง" น้ำขึ้นสูง-เชี่ยว "ปลากระชัง" ตายเกลื่อน ต้องทำปลาร้าขาย ขาดทุนถ้วนหน้า

"แม่น้ำโขง" น้ำขึ้นสูง-เชี่ยว "ปลากระชัง" ตายเกลื่อน ต้องทำปลาร้าขาย ขาดทุนถ้วนหน้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันที่ 31 กรกฎาคม 2561 จากการที่มีฝนตกทางตอนเหนือของแม่น้ำโขง และในพื้นที่จังหวัดหนองคายติดต่อกันหลายวัน ทำให้มีน้ำไหลลงในแม่น้ำโขง ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำโขง มีระดับน้ำขึ้น-ลงอย่างรวดเร็วสลับกันไป และมีกระแสน้ำเชี่ยวและขุ่นมากขึ้น

ล่าสุดระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านจังหวัดหนองคาย วัดที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคาย กรมทรัพยากรน้ำ อยู่ที่ระดับ 10.55 เมตร เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของเมื่อวานนี้ถึง 93 ซม. ต่ำกว่าตลิ่งเพียง 1.65 ม. และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่ทะลุ 11 เมตร

เนื่องจากวันนี้ระดับน้ำโขงทางตอนเหนือคือที่สถานีเชียงคาน จังหวัดเลย สูงขึ้น 78 ซม. ซึ่งจะไหลมาถึงหนองคายภายใน 20 ชั่วโมงนี้ อีกทั้งยังมีฝนตกทั้งในพื้นที่ทางตอนเหนือของไทยและ สปป.ลาว ที่จะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงสูงขึ้นอีก

ระดับน้ำโขงที่ขึ้น-ลงอย่างรวดเร็วสลับกัน อีกทั้งยังเชี่ยวและขุ่นข้น ได้ส่งผลกระทบต่อเนื่องกับเกษตรกรที่เลี้ยงปลากระชังในแม่น้ำโขง โดยเฉพาะที่บ้านพร้าวใต้และบ้านเจริญสุข ตำบลหินโงม ที่มีเกษตรกรที่เลี้ยงปลาประมาณ 80 ราย กระชังปลารวมกว่า 2,000 กระชัง

ช่วงนี้ปลาถูกกระแสน้ำพัดไปชนกระชังจนเกล็ดถลอก ป่วยและตายเป็นจำนวนมาก จากปกติ 1 กระชังจะตายไม่เกิน 2 – 3 ตัว/วัน แต่ตอนนี้ 1 กระชังมากกว่า 10 ตัว/วัน

ปลาที่เริ่มป่วยก็จะขายในราคากิโลกรัมละ 30 - 40 บาท ส่วนปลาที่ตายก็จะนำมาทำปลาร้าขาย 12 กิโลกรัมต่อ 200-250 บาท แล้วแต่ขนาดของปลาที่ทำปลาร้า ตัวเล็กก็จะขายได้ถูก ตัวใหญ่ก็จะแพงขึ้น

จากการที่ปลาป่วยและตายเป็นจำนวนมาก ทำให้เกษตรกรหลายรายต้องรีบขายปลาที่ยังไม่โตเต็มที่ก่อนจะตายหมด แล้วหยุดพักการเลี้ยงชั่วคราว และจากการที่เกษตรกรเร่งขายปลากัน ประกอบกับมีปลาตามธรรมชาติเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ได้ส่งผลให้ราคาปลากระชังมีราคาถูกลง

จากเดิมกิโลกรัมละ 60 บาท เหลือเพียงกิโลกรัมละ 50 บาทเท่านั้น สวนทางกับราคาอาหารปลาที่แพงขึ้น ปีนี้คาดว่าเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังต้องขาดทุนการถ้วนหน้า

นายประเสริฐ ลุนรินทร์ อายุ 59 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังบ้านพร้าวใต้ ต.หินโงม อ.เมือง จ.หนองคาย บอกว่า ช่วงนี้น้ำโขงสูง ขุ่นและเชี่ยว ทำให้พัดปลาชนกับกระชัง เกล็ดถลอกและตาย โดยเฉพาะปลาที่มีขนาดใหญ่ตัวละ 8 ขีดขึ้นไป ส่วนปลาขนาดเล็กไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนัก

ขณะนี้พบว่ามีปลาตายมากกว่า 10 ตัว/กระชัง ขนาดปลาที่ตายตั้งแต่ 8 ขีดจนถึง 1 กก. ปลาที่ตนเลี้ยงครบกำหนดที่จะจับขายในวันที่ 5 สิงหาคม 61 ที่จะถึงนี้ ตนเลี้ยงทั้งหมด 10 กระชัง แต่ละกระชังจะเลี้ยงปลา 2,500 ตัว

ตั้งแต่น้ำโขงเริ่มขึ้นสูงและเชี่ยวมาประมาณ 1 สัปดาห์ ปลาที่ตนเลี้ยงตายไปแล้วกว่า 2 ตัน (2,000 กก.) ปลาที่ตายจะไปแล่เอาเครื่องในออก ตัดหัว ตัดหาง และครีบออก แล้วนำไปหมักทำปลาร้าอย่างเดียว เพราะไม่มีใครมาซื้อปลาที่ตาย ทำปลาร้าก็ยังขายยาก

ซึ่งปลาร้าจะขาย 12 กก. ต่อ 200–250 บาทแล้วแต่ขนาดปลา ปลาร้าตัวใหญ่ก็จะได้ราคาสูง ส่วนปลาร้าที่ตัวเล็กก็จะราคาถูกลง ส่วนปลาที่เกล็ดถลอกลอยขึ้นมาเหนือน้ำกำลังจะตายก็จะขายได้ในราคา 3 กิโลกรัมต่อ 100 บาท

จากการที่ปลาป่วยและตายเป็นจำนวนมาก ปีนี้ต้องขาดทุนอย่างแน่นอน เกษตรกรผู้ที่เลี้ยงปลากระชังด้วยกันขาดทุนกันถ้วนหน้า คนละ 1 แสนบาทขึ้นไป คนที่เลี้ยงมากขาดทุนถึง 8 แสนบาท

ซึ่งปกติปลา 1 กระชังเลี้ยง 2,500 ตัว จะจับขายได้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท ในส่วนของตนเลี้ยง 10 กระชัง คาดว่าจะขาดทุนไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท

ส่วนการแก้ปัญหาปลาป่วยและตายนั้น นายประเสริฐ บอกว่าแก้ได้ยาก เนื่องจากสาเหตุเกิดจากน้ำและกระแสน้ำที่ขุ่นและไหลแรงมาพัดปลาในกระชัง โดยเฉพาะกระชังที่นอกสุด จะถูกกระแสน้ำพัดปลาไปชนกระชังจนถลอกและตายเป็นจำนวนมาก ยิ่งช่วงแรกๆ นั้นมีทั้งลมและฝน ยิ่งส่งผลให้ปลาป่วยและตายมากขึ้นจากเดิมอีก



อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ "แม่น้ำโขง" น้ำขึ้นสูง-เชี่ยว "ปลากระชัง" ตายเกลื่อน ต้องทำปลาร้าขาย ขาดทุนถ้วนหน้า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook