“จุ๊บแจง วิมลพันธ์” ปิดฉากรัก 21 ปี สามีนอกใจย่องกินสาวประเภทสอง เสียสองแสนแลกใบหย่า

“จุ๊บแจง วิมลพันธ์” ปิดฉากรัก 21 ปี สามีนอกใจย่องกินสาวประเภทสอง เสียสองแสนแลกใบหย่า

“จุ๊บแจง วิมลพันธ์” ปิดฉากรัก 21 ปี สามีนอกใจย่องกินสาวประเภทสอง เสียสองแสนแลกใบหย่า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลายเป็นประเด็นให้หลายคนได้คาดเดาถึง นักแสดงรุ่นใหญ่ที่เข้าวงการมาตั้งแต่วัยรุ่นคือใคร เพราะมีกระแสข่าวออกมาหนาหูว่า เจ้าตัวได้ย่องเงียบหย่าขาดกับสามีนอกวงการ ยุติความสัมพันธ์ 21 ปีที่คบกันมา เพราะจับได้ว่าฝ่ายชายพาสาวประเภทสองย่องไปกินตับไกลถึงฮ่องกง

โดยหนึ่งในนักแสดงที่ถูกพุ่งเป้าไปหาก็คือ จุ๊บแจง-วิมลพันธ์ ชาลีจังหาญ หรือ นังจวง บ่าวจากละครดัง บุพเพสันนิวาส

ซึ่งล่าสุด จุ๊บแจง วิมลพันธ์ ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า...

ทำไมเราถึงตัดสินใจออกมาพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ?

“จริงๆ แล้วอยากเป็นอีกหนึ่งกำลังใจ บางทียังมีสังคมที่ผู้หญิงถูกกระทำแบบนี้ แล้วอยู่ในมุมมืด อยู่ในหลืบที่คิดว่าถ้าเกิดบอกแล้วสังคมจะรับได้ไหม คนข้างนอกจะรับได้หรือเปล่า เพราะผู้หญิงบางคนอาจจะโดนกระทำแบบนี้ แต่เดี๋ยวนี้ยุคสมัยต่างๆ อาจจะรับได้ ไม่ว่าจะเป็นสาววาย หนุ่มวาย หรือสาวประเภทสอง แต่เราก็อยากเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับผู้หญิงที่โดนแบบนี้ ชีวิตของเราต้องอยู่ได้ ต้องก้าวต่อไป เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือกำลังใจและครอบครัว เพื่อน คนรอบข้าง เพื่อนร่วมงาน”

“เหมือนพี่ช่วงหนึ่งก่อนที่จะจับได้ พอจับได้เดือนพฤษภาคมมันเหมือนโลกนี้ทั้งใบพี่อยู่คนเดียว มันรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง อยากจะหลับไปโดยไม่ตื่น เราเคยคิดว่าเราจะฆ่าตัวตาย แต่พอเราหันไปมองมีครอบครัว มีคนรอบข้าง มีเพื่อน มีทุกสิ่งทุกอย่างเข้ามาเป็นกำลังใจ มันเลยทำให้เราฮึดสู้ค่ะ”

เราจับได้ว่าสามีนอกใจ เพราะอะไร ?
“อดีตแฟนบอกว่าจะไปดูโลเคชั่นถ่ายที่เขาใหญ่ ถ้าดูเสร็จเขาจะกลับมา เขาก็ส่งข้อความมาบอกเราว่ากำลังจะขึ้นรถแล้ว เดี๋ยวพอถึงที่หมายจะส่งข้อความบอก ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่เราขึ้นรับรางวัลบุพเพสันนิวาส นักแสดงหญิงสมทบ และคนรอบล้อมเราเต็มเลย พอเวลาผ่านมาถึงบ่าย 3 แล้ว ทำไมอดีตแฟนถึงยังไม่โทรหา เราก็เลยโทรไป ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้ จนถึงเกือบเที่ยงคืน เราเลยพูดกับแม่ว่าคนหายไปเกือบจะ 24 ชม. ไปแจ้งความเถอะ”

“หลังจากที่เตรียมตัวจะออกออกจากบ้าน มีข้อความส่งมาจากเขาว่า พี่ขอไม่กลับบ้าน 2-3 วันนะ พี่มีเรื่องเครียดเกี่ยวกับเรื่องงาน พี่ขอไปทบทวนอะไรบางอย่าง ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องตามหา ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องร้องไห้ กลับมาพี่จะบอกทุกสิ่งทุกอย่าง และจำไว้ว่าพี่เป็นห่วงเรามาก นี่คือข้อความเดียวที่ได้”

“และคนที่รอ 4-5-6 มันก็เริ่มสับสนว่าเกิดอะไรกับชีวิต เราทำอะไรผิดเหรอ หรือมีปัญหาเรื่องงาน เราก็ร้องไห้ ส่งข้อความไปหาเขาก็ไม่ตอบ ติดต่อไม่ได้เลย จนวันอาทิตย์ประมาณช่วงบ่ายๆ น้องชายถามว่านี่ใช่โน๊ตบุ๊คของพี่เขาหรือเปล่า เราก็บอกใช่ น้องก็เลยเปิดและไปคุ้ยในถังขยะที่เขาลบไปแล้ว”

“ปรากฏว่าเขาจองตั๋วไปฮ่องกง เราก็เอะใจเพราะชื่อไปกับผู้ชาย Mister แต่ชื่อเป็นผู้หญิง และไปพักโรงแรมที่เราเคยพัก เป็นเตียงเดี่ยวด้วย เราเปิดหาดูรูปก็ไม่มีในนั้น แต่อยู่ในโครงงานจึงทำให้เรารู้ว่าน้องคนนี้เป็นสาวประเภทสองที่เป็นน้องฝึกงานที่ช่องนิ ซึ่งตอนแรกๆ น้องคนนี้ยังมาทักทายเรา ช่วงละครบุพเพดัง มาขอถ่ายรูป แล้วเขาจะบอกได้ยังไงว่าเราไม่รู้ว่าเราเป็นแฟนกับอดีตแฟนของเรา มันเป็นไปไม่ได้ มันไม่ใช่สิ่งที่เขาพูดอ่ะ”

วันนั้นพอรู้ว่าแฟนเราไปกับสาวประเภทสอง ความรู้สึกคือยังไง ?

“โอ้โห สิ่งแรกที่คิดเลยคือเราโทษตัวเองว่า เราบกพร่องในหน้าที่หรือเปล่า เราทำหน้าที่ของภรรยาหรือแฟนไม่ดีหรือเปล่า เราบ้าทำงานมากเกินไปหรือเปล่า เราก็ร้องไห้ เราไปเปิดดูในโน๊ตบุ๊คเห็นรูปเขาที่ไปแปะในไฟล์โครงงานต่างๆ ไปกินข้าว ไปเดินเล่น ไปนู่นไปนี่ แอบถ่ายในห้องเอ็มซีอาร์ตอนเขาฝึกงานทุกช็อตไว้ และที่สำคัญเขียนไดอารี่ที่มีการพรรณนาถึงกันไว้ว่า เจอกันตั้งวันที่ 9 ม.ค. เห็นครั้งแรกชวนมาทำรายการก็ไม่มา พอวันที่ 11 ทนไม่ไหว ส่งสติ๊กเกอร์วันพระไปให้ วันนี้เด็กโทรมาลาป่วยเลยเอาช็อคโกแลตไปให้ กินข้าวด้วยกันวันแรกรู้สึกเขินสุดๆ ซึ่งมันไม่ใช่แฟนเราเลย ผู้ชายอายุ 50 กับเราไม่เคยเป็นเลย เราเลยรู้สึกว่ามันใช่เหรอ ดูแล้วมันมือสั่น ร้องไห้ ทรุดลงไปเลย”

“วันนั้นเรารู้ไฟลท์กลับของเขา เราตามไปที่สนามบินได้นะ แต่เราให้เกียรติเขา ซึ่งวันนั้นเขาก็ไม่กลับบ้าน เช้ามาเราก็สามารถตามไปที่ออฟฟิศที่ทำงานได้ เพราะเราเป็นพิธีกรช่องนั้น แต่เราก็ให้เกียรติที่ทำงาน เจ้านาย และตัวเขา”

“พอเขากลับมาก็เหมือนไม่พูดอะไร แม่ก็ถามเขาว่าไปไหนมา จุ๊บไม่สบายเข้าโรงพยาบาลเป็นห่วงมาก เขาก็ไม่พูดอะไร กินข้าวเสร็จก็ขึ้นห้องไป เราก็ถามเขาว่ามีปัญหาอะไรที่ทำงานหรือเปล่า ถ้ามันไม่ดีก็ออก หรือมีปัญหาอะไรกับเราหรือเปล่า ยื้อกันเกือบครึ่งชั่วโมง เราเลยตัดสินใจบอกไปว่า ฉันรู้แล้วว่าเธอหนีไปฮ่องกงกับน้องคนนั้น เธอทำอย่างนี้ได้ยังไง เธอแอบไปคบกับสาวประเภทสอง หลอกฉันทำไม เธอเป็นแบบนี้ได้ยังไง เธอทำผิดไปแล้วนะ 20 ปี เธอปล่อยเวลาให้มันยาวไป อีกอย่าง 20 ปี ฉันมีคนในชีวิตเข้ามาเยอะแยะมากมาย ไม่เคยนอกใจเธอ แต่ตลอดเวลา เธอนอกใจฉัน”

“ครั้งแรกและครั้งที่สองเป็นผู้หญิง เราไปกราบเขา กอดเขา ขอกลับมาเป็นครอบครัว และมีครั้งสองต่อมา แต่ครั้งสามมันหนักสุดไง เป็นสาวประเภทสอง เราเลยรับไม่ได้ และถามไปว่าแล้วเธอจะเอายังไงกับชีวิตคู่ของเรา เขาก็บอกว่า เขาขอออกไปอยู่ข้างนอกแล้วกัน ขอไปใช้ชีวิตที่เขาเหลืออยู่”

“แรกๆ เราก็เสียใจนะ ร้องไห้ คิดว่าคนที่เพิ่งเคยเจอกันแค่ 2-3 เดือน กับคนที่อยู่กันมา 20 ปี มันไม่มีความหมาย ความผูกพันอะไรเลยเหรอ ความทุกข์ยากลำบากที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมามันไม่มีความหมายเลยเหรอ เขาบอกว่าเขาคลิกกัน คนนี้ถูกใจ เขาชอบ เขารู้แต่ว่าเขาขอโทษ เขาชอบเด็กคนนี้มาก เขาบอกเราว่าเขายังถามเด็กคนนี้เลยว่าทำของใส่เขาหรือเปล่า ตลกป่ะ”

“เราก็บอกเขาไปว่าอยากไปฮ่องกงทำไมไม่บอกฉัน เพราะเดี๋ยวฉันจะต้องไปถ่ายรายการและเธอก็ต้องไปด้วยอยู่แล้ว เขาตอบมาว่า น้องเขาอยากไหว้พระ พูดทำร้ายจิตใจเรามาก”

เราได้ถามเขาไหมว่า มีอะไรเกินเลยกับน้องคนนั้นหรือยัง ?

“ถามค่ะ เขาบอกไม่ได้มีอะไรกัน ณ ปัจจุบันนี้ วินาที เขาก็บอกว่ายังไม่ได้มีอะไรกัน”

แล้วเราเชื่อไหม ?

“ไม่ใช่ มันคงเสร็จตั้งแต่แรก อุ๊ย! ไม่ใช่ (หัวเราะ)”

ตลอดระยะเวลาที่คบมา 21 ปี เขามีความเบี่ยงเบนชอบไปในทางนี้ไหม เพราะเราพูดเหมือนว่าเขาเบี่ยงเบนทางเพศ ?

“ใช่ ก็คือว่าตอนแรกเราก็ไม่คิด ตอนแรกเราก็สับสนว่าหรือว่าเขาลองแล้วติดใจ แต่ปรากฏว่าเรามองย้อนกลับไปต่อจิ๊กซอว์ต่างๆ ก่อนที่เราจะคบกัน เขาก็เคยมาสารภาพกับเรา ว่าสมัยก่อนเขาอยู่กับเพื่อนที่เป็นเก้ง อยู่ห้องเดียวกันแล้วคนนี้ก็กวนเขาทั้งคืน เขาก็เลยบอกอยากจะทำอะไรก็ทำ จะได้นอนสักที เราก็คิดว่านั้นคือเรื่องอดีต เพราะว่าปัจจุบันนี้เราโอเค แล้วก่อนที่เราจะคบกันอีก ตอนที่ศึกษากัน ก็มีพี่ๆ ในวงการบันเทิงที่เป็นสาวประเภทสอง เขาก็เตือนว่าเขามีกลิ่นนะ แล้วก็บอกว่าคนนี้มีคนเลี้ยงเขานะ เขาเป็นผัวของสาวประเภทสองนะ เราก็มาถามเขา ว่าเธอเคยเป็นผัวของสาวประเภทสองไหม มีสาวประเภทสองเลี้ยงใช่ไหม มีคนบอกฉัน อดีตแฟนเราเขาก็บอกว่าฉันเดินกับพี่ๆ สองประเภทสองเยอะ คนก็เลยมองเขาไปแบบนี้ เราก็โอเคอาจจะเป็นการเม้าท์กัน เวลาพิสูจน์คน เราก็คิดแบบนั้น แล้วมันก็พิสูจน์มาเรื่อยว่าครั้งแรกก็คือนอกใจไปหาผู้หญิง ครั้งที่สองก็ผู้หญิง แต่ครั้งที่สามเป็นสาวประเภทสอง แรกๆ เราก็สับสน คิดว่าถ้าเป็นผู้หญิงเราก็คงจะกลับไปคืนดี เพราะว่าครั้งที่หนึ่งครั้งที่สองเราก็ไปกราบ ขอให้กลับมาเป็นครอบครัว”

ทำไมถึงจะยอมกลับไป ในเมื่อโดนนอกใจมาหลายครั้งแล้ว ?

“ความรักไง ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามนะ ทุกวันนี้ก็ยังพูดแบบนี้ ถึงเราจะเจ็บมาเยอะ คือทุกคนมีความรัก เพราะเราเป็นผู้หญิงทำงาน เราโหยหาความรักมาเติมเต็ม พ่อเราเสียไปตั้งแต่ ม.4 เขาเป็นฮีโร่ของเรา มาดูแลเหมือนเป็นพี่ชายคนโตของที่บ้าน เพราะยิ่งเราเป็นพี่สาวคนโต เราจะรู้สึกว่าเราต้องการคนมาช่วยเรา มาเป็นกำลังใจให้เรา เราก็เลยรู้สึกว่าพอจะเสียเขาไป เราเหมือนคนที่ล้มทั้งยืน”

เคยคิดฆ่าตัวตายด้วย เพราะอะไร ?

“ใช่ค่ะ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่มันท้อแท้ ไปทำงานก็เหมือนไม่มีจิตวิญญาณ แต่ว่าพอ 5 4 3 2 ความเป็นนักแสดงมันห้ามป่วย ห้ามเจ็บ ห้ามตาย เราต้องทำได้ เพราะกองนัดแล้ว คิวอีเวนต์รับแล้ว แต่เหมือนกับเราไม่มีกำลังใจ วันนี้อยู่ดีๆบ้าร้องไห้ๆ อีกวันรู้สึกเข้มแข็งแล้ว อีกวันรู้สึกเหงาเหลือเกิน ช่วงแรกๆ สถานที่ต่างๆ ที่เคยไปด้วยกันไม่กล้าไปเลยนะ กลัวว่าเจอไหม กลัวเขามาด้วยกันแล้วเราจะทำใจได้หรือเปล่า แต่เขาพยายามเปิดตัวกับสาวประเภทสอง ร้านไหนที่เราไปกินข้าว ไปเดินเล่น เขาก็พาไป ซึ่งทุกคนก็กลับมาบอกเราหมด”

เรายังทำรายการอยู่ที่ช่องกับเขาไหม ?

“เขาเขี่ยเราออกจากรายการนั้นแล้ว โดยให้เหตุผลกับผู้ใหญ่ว่า พี่จุ๊บแจงมีงานเยอะแล้ว พี่ครับไหวไหมครับไหวไหม หมายถึงพี่ที่ทำพิธีกรด้วยกันอะ ที่เป็นผู้บริหาร พี่ไหวไหม ถ้าพี่ไม่ไหวไม่เป็นไร ก็คือว่าจุ๊บแจงเขามีงานเยอะอยู่แล้ว เดี๋ยวเขาจะทำรายการกับเจ้าของช่องอีกคนหนึ่ง แล้วก็บอกว่าเดี๋ยวเขาก็มีรายการ แล้วเราก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นจะได้ไม่ต้องทำ แล้วปรากฎว่าผ่านมาเดือนหนึ่งผู้ใหญ่ก็บอกว่าไม่เคยเห็นจุ๊บแจงเลย มาถ่ายหรือเปล่า อดีตแฟนเขาก็บอกว่ามาอัดแล้ว 2-3 เทป แต่จริงๆ คือเราไม่เคยได้ไปอัด เขาพยายามเขี่ยเราออกไป”

เราเทิดทูนเขามาตลอด แต่เขากลับมาเขี่ยเราทิ้ง ?

“ใช่ มันเจ็บทุกอย่าง เจ็บด้วยคำพูด ด้วยความรู้สึก ด้วยการกระทำ ด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง เจ็บมาก ตอนแรกไม่กล้าบอกเพื่อนๆ รอบข้าง กว่าทุกคนจะรู้เขาก็ออกจากบ้านไปแล้วนะ เขาออกไปเช่าห้องอยู่ข้างนอก คือไม่กล้าบอกใครมันเป็นเรื่องที่น่าอายนะ เพราะสิ่งแรกของผู้หญิงคือบกพร่องในหน้าที่หรือเปล่า ยุคสมัยนี้ 4.0 แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับชีวิตคู่ เราก็คิดว่าเราบกพร่องไหม เราบ้าทำงานไปหรือเปล่า”

เรื่องบนเตียงเราเต็มที่กับเขาไหม ?

“เป็นปกติ แล้วตอนที่เขาออกจากบ้านไป เราไปตรวจเลือดเลยนะ เราปกป้องตัวเองไง เราก็กลัวเพราะเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ จากเมื่อก่อนเขาไม่พกถุงยาง แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์เขามีถุงยาง เราก็ถามว่าเธอพกถุงยางอนามัยไปทำงานด้วยเหรอ เขาก็บอกว่ามันอยู่มานานแล้ว ซึ่งเมื่อก่อนไม่มี”

เราเป็นผู้หญิงเราคิดว่าเป็นการหยามไหม ?

“จริงๆ แล้วเราคิดว่า เราบกพร่องหรือเปล่า เราอาจจะสู้สาวประเภทสองไม่ได้หรอกเรื่องอย่างนั้น แล้วด้วยความที่เขามีอาชีพ ทำงานอยู่แถวสุขุมวิท นานา เลิกเรียนเขาก็ไปทำงานตรงนั้น เขาก็อาจจะมีความชำนาญตรงนั้น แล้วที่สำคัญเขามีคนเลี้ยงดู แล้วสามีเราก็อาจจะไปเป็นผัวน้อย”

ทำไมเราถึงข้อมูลแน่นขนาดนี้ ?

“เรารู้มาตั้งนานแล้ว รู้มาก่อนที่เขาจะคบกัน เพราะเขานั้นแหละมาพูดให้เราฟัง ว่าเด็กคนนี้เวลาฝึกงานต้องออกเร็ว 5 โมง เขาขยันนะ เขาไปทำงานรับนั่งดริ้งค์พิเศษอยู่แถวซอยนานา สุขุมวิท เราก็บอกก็ดีแล้วน้องเขาขยันทำมาหากิน เราไม่ได้คิดอะไรไง เขาก็บอกว่าน้องเขามีแฟนมีคนเลี้ยงนู้นนี่ เราก็บอกเธอไปเป็นผัวน้อยเขาเหรอ ดีเนอะ เธอก็อยู่ของเธอ เขาก็อยู่ของเขา แล้วต่างคนต่างรับได้ แฟนเรารับได้ที่น้องเขามีคนเลี้ยง แล้วน้องคนนี้ก็รับได้ที่มีเรา อ้าวแล้วคนที่เสียเปรียบคือใคร เราไม่สามารถใช้สามีคนเดียวกับสาวประเภทสองได้ ที่สำคัญไม่ต้องมาดูดเงินฉันไปให้เขา”

เห็นบอกว่าถ้ามีลูกอาจจะไม่เกิดปัญหานี้ ?

“มีคนพูด แต่ว่าปัจจุบันนี้คิดว่าอย่ามีเลย จะเป็นปัญหา ถ้าเกิดแต่งงานไปก่อน 28 ธันวาคม แล้วเขาเปิดเผยทีหลังไม่หนักกว่าอีกเหรอ เพราะว่าพูดได้เลยว่าถ้าแต่งงาน เราก็ต้องเป็นคนออกเงิน เพราะเขาก็ไม่มาออกให้เราอยู่แล้ว”

แสดงว่า 21 ปีเราเต็มใจที่จะให้เงินเขา?

“ถูก เพราะเราหาเงินได้มากกว่า แล้วการเป็นครอบครัว มันไม่ได้แบ่งแยก ใช้เงินกระเป๋าเดียวกัน เขาอยากได้อะไรเราเต็มที่ ถือว่าเงินของเธอ เธอก็ไปบริหารจัดการเองแล้วกัน แต่ที่เสียใจที่สุดก็คือว่า เขาเอาเงินเขาที่ไม่เคยเลี้ยงข้าวเรา เอาไปเลี้ยงสาวประเภทสอง เราก็เลยรู้สึกเจ็บใจ และของที่เราซื้อให้ก็เอาไปขายเพื่อเอาเงินไปหนุนตรงนั้น เราก็เลยรู้สึกแย่ไง”

หลายคนสงสัยผู้ชายคนนี้มีอะไรดี ทำไมเราถึงยอมเลี้ยงดู ปูเสื่ออย่างดี ?

“ต้องบอกว่าสิ่งแรกเลยคือเขาดูแลครอบครัวเราดี เขาเหมือนเป็นพี่ชายคนโต เป็นพ่อบ้านดูแลทุกอย่าง คือพี่เป็นผู้หญิงทำงาน เป็นลูกคนโต พอมีคนมาช่วยตรงนี้ ไม่ใช่เขาไม่ดี ความเสมอต้นเสมอปลายกับครอบครัวหรือกับเรา เขามีอยู่แล้ว แต่ความเจ้าชู้หรือความที่เขาเปลี่ยนเพศไปแล้ว เราก็เพิ่งเซอร์ไพรส์ไง แต่หลังจากที่เราเลิกกับเขา ก็มีคนนู้นคนนี้มาบอกว่าเขาเป็นแบบนี้มานานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่เขาเรียนมัธยม เขาเรียนโรงเรียนชายล้วน เพื่อนเขาสมัยนั้นก็บอกว่าเขามีแฟนเป็นผู้ชาย เราก็บอกบอก จริงเหรอ! ตอนที่เขาเรียนมหาวิทยาลัยเขาก็มีแฟนเป็นทั้งผู้หญิงและผู้ชายด้วย ตอนเขามาทำงานอยู่อีกที่หนึ่ง เพื่อนในวงการที่เคยทำงานกับเขาด้วยก็มาบอกว่าเขาก็กินสองประเภทสองมาตั้งแต่แรกแล้ว”

รู้สึกว่าเราโดนหลอกมาตั้งแต่แรกเลยไหม ?

“ใช่ เราก็ไม่รู้ไง ไม่ได้คิด คนเราหลายๆ คนที่เป็นเขาก็เปลี่ยนกลับมามีครอบครัวได้”

แสดงว่าก่อนหน้านี้เราคิดว่าเราสามารถเปลี่ยนเขาได้ ?
“เราคิดว่าในชีวิตคนเราอาจจะมีผิดพลาดได้ด้วยหน้าที่การงาน หรือช่วงระยะคับขัน ความรักมันไม่จำเป็นจะต้องไปขุดคุ้ย เราไม่รู้อดีตเขาก็จะทำให้ชีวิตคู่ประคับประคอง แต่ที่เสียใจทุกวันนี้คืออย่างที่บอก เราอยู่ในวงการมา 27 ปี เรามีทั้งแม่ เพื่อน น้อง ลูกสาวที่เป็นสาวประเภทสอง เราได้รับความรัก ความอบอุ่นจากสาวประเภทสองเยอะมาก เรารักเขา แต่ที่เรามองอีกมุมคือความซื่อสัตย์ของแฟนเรามากกว่า”

ทำไมเราไม่ฟ้องหย่าไปเลย ?

“ฟ้องหย่าไปเขาก็ไม่มีเงินให้หรอกค่ะ จริง! เราจะไปฟ้องทำไม ตอนแรกที่เขาไม่เซ็นใบหย่าเพราะเขาคิดว่าเดี๋ยวเขาก็กลับมา วันหนึ่งฉันอาจจะมาขอคุกเข่าขอร้องเธอให้อยู่ด้วยก็ได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้วอ่ะ มันเปลี่ยนไปแล้ว”

ตอนนี้ถึงขั้นใช้คำว่า เกลียด ไปเลยได้ไหม ?

“ตอนแรกๆ เกลียดมากเลยนะ ไม่อยากมองหน้าเลย แต่พอหลังๆ เราได้ทำบุญ และได้กรวดน้ำ อโหสิกรรม อุทิศส่วนกุศลให้เขา เราก็โอเคขึ้น ในเมื่อเขาตัดสินใจจะไปใช้ชีวิตของเขา เราเคารพการตัดสินใจของเขา เขาก็ต้องเคารพเราด้วย นั่นคือคุณออกไป ชีวิตเราก็คือชีวิตเรา ชีวิตเขาก็คือชีวิตเขา”

ของทุกอย่างที่เป็นทรัพย์สินคือชื่อเราใช่ไหม ?

“ใช่ คือพี่ขายหมดอ่ะ (หัวเราะ) เราเคยซื้อรถจักรยานยนต์ฮาเล่ย์ให้เขา เขาก็เอาไปซ้อนกับสาวประเภทสอง ซื้อมา 5 ปี พี่ซ้อนแค่ 2 ครั้ง และบทสำรองพี่ก็ไปอยู่ที่ห้องสาวประเภทสอง เขาซ้อนกันบ่อยมาก น้องคงเห็นว่าขับฮาเล่ย์แล้วเท่ เราก็ขายสิคะ”

“เขาบอกว่าถ้าเกิดเธอขาย ฉันขอสองแสนไปซื้อรถรอยัล เอนฟิลด์ เราก็บอกได้ ฉันให้เธอสองแสน แต่เธอต้องไปเซ็นใบหย่าให้ฉัน”

เท่ากับว่าเราจ้างด้วยเงินสองแสนเพื่อที่จะได้ใบหย่ามา ?

“ใช่ เขาก็บอกว่าเธอแน่ใจเหรอว่าจะทำตาม เราก็บอกไปว่า ถ้าเธอเซ็นใบหย่าให้ฉัน ฉันจะให้เธอสองแสน ขอให้เธอเซ็น เขาก็บอกว่าแล้วฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่าถ้าเซ็นใบหย่าแล้วเธอจะไม่โกงฉัน มีต่อรอง เราก็เลยบอกไปว่า ทันทีที่เธอเซ็นใบหย่า ฉันให้เธอแน่”

ตอนนี้กระแสละคร เมีย 2018 กำลังมา เราถือว่าเป็นตัวอย่างของผู้หญิงยุคใหม่ไปเลย ?

“เฮ้อ (ยิ้ม) ก็ถึงบอกไงว่าอย่างน้อยเราก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแรงใจแรงเชียร์ อรุณานะคะก็คือจุ๊บแจงนี่แหละค่ะ แต่อาจจะผิดจากผู้หญิงเป็นสาวประเภทสอง เราก็อยากจะให้ผู้หญิงหลายๆ คนที่อาจจะอยู่ในมุมมืด ไม่กล้าเปิดเผยตัว อาจจะโดนกระทำจากสามีหรือแฟนที่เป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นจากผู้หญิงหรือสาวประเภทสอง เราก็อยากให้มีกำลังใจ คือผู้หญิงเรามันอยู่ได้ด้วยตัวเอง เพราะผู้หญิงมีความอดทน เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเก่งจะตายยุค 4.0 ผู้หญิงเก่ง ดูแลตัวเองได้ แต่ช่วงแรกๆ ทำแบบจุ๊บ มันจะเจ็บก็ให้มันเจ็บไปถึงที่สุด จะร้องไห้ก็ให้มันร้องไปถึงที่สุดและมันจะคิดได้เอง คือเราแค่อยู่กับเพื่อน ทำบุญเยอะๆ”

จากนี้จะมีไปบวชหรือปฏิบัติธรรมเพื่อสะเดาะเคราะห์ ล้างซวยไหม ?

“(หัวเราะ) จริงๆ ก็คิดอยู่ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นี้มาก็ทำบุญทุกวัน ทำบ่อยมาก จนเขาก็มาแซวเรานะว่าเธอทำบุญบ่อยเนอะ เดี๋ยวอีกหน่อยจะให้เธอกับน้องสาวประเภทสองไปปฏิบัติธรรมร่วมกัน ดู! คำพูด คือยังไม่รู้ตัว”

ตอนนี้เราบล็อคการติดต่อทุกช่องทางเลยไหม ?

“เคยบล็อคเขา เพราะเขาเคยด่าเราเป็นดอกไม้ เราฝากงานให้เขาทำ และเขาทำตัวไม่ดี คือไปทำงานเสร็จก็รีบออกเร็ว เพื่อไปกับสาวประเภทสอง ซึ่งที่ออฟฟิศก็โทรมาฟ้องเรา เราก็บอกเธอทำตัวให้ดีๆ หน่อย เข้าออกงานให้ตรงเวลา เพราะฉันเป็นคนฝากงานให้เธอ ฉันไม่อยากฟังคนอื่นเขามาพูด เขาก็ด่าเราเป็นดอกไม้ มึงเป็นคนฝากงานให้กูเหรอ เท่านั้นแหละค่ะเลยบล็อคทุกอย่าง”

ตอนนี้ชีวิตโสดแล้ว เราวางแผนกับตัวเองยังไงบ้าง ?

“แรกๆ ก็ยังเป๋อยู่นะ เพราะเราจัดการเอกสารทุกอย่าง เรามีบริษัททำนู้นทำนี่อยู่ใช่ไหมคะ ก็เป๋ทำอะไรไม่ถูก ต้องทำเองทุกอย่าง ค่อยๆ เริ่ม ค่อยๆ เรียนรู้เป็นสเตป แต่ถ้าถามว่าตอนนี้คือชอบชีวิตโสดแล้ว มีความรู้สึกว่ามันอิสระ เมื่อก่อนครอบครัวจะเป็นที่หนึ่ง ไปไหนมาไหนจะห่วงแฟน ช่วงที่เขานอกใจเราเขาจะโทรมาเช็คเราตลอดว่าอยู่ไหน ถึงไป ถามทุกวัน ถ้าติดต่อเราไม่ได้ก็จะโทรถามแม่ว่าจุ๊บกลับบ้านหรือยัง เขาไม่ได้เป็นห่วงหรอก กลัวไปเจอ”

ถ้าเขาดูอยู่ อยากฝากบอกอะไร ?

“อย่างที่บอก เขาอยากจะออกไปใช้ชีวิตของเขาที่เหลืออยู่ ตอนนี้เราไม่เป็นไรแล้วและคงไม่มีทางได้กลับมาหรอก เพราะพี่ก็มีชีวิตที่ดีแล้ว พี่อยากฝากถึงน้องสาวประเภทสองเนอะ ว่าได้ไปแล้วก็อย่าเอามาคืนพี่เลย เอากลับไปเถอะ และขอให้ชีวิตคู่ของเขารักกันยาวนาน อวยพรให้เขา เพราะตอนนี้เราก็แฮปปี้กับชีวิตของเราแล้ว ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำงาน ไม่ต้องให้เขากลับมาหาพี่นะ เพราะมาคุกเข่ายังไงพี่ก็ไม่เอาแล้ว”

เข็ดกับความรักไปเลยไหม ?

“ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม ตอนนี้เราก็ประคับประคองความรักของเรา สิ่งแรกเลยคือเราต้องสวย ต้องดูแลตัวเอง ถ้ามีคนใหม่เข้ามาก็ต้องดู เราต้องไม่เลี้ยงเขาค่ะ คราวนี้ต้องให้เขาเลี้ยงเรา (หัวเราะ) ก็พร้อมเปิดรับค่ะ ถ้าสมมติใครจะรับผู้หญิงอายุ 40 กว่าไปเป็นแฟน (หัวเราะ) แต่ทำงานเก่งนะ และรักเดียวใจเดียวด้วย (ยิ้ม)”

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ “จุ๊บแจง วิมลพันธ์” ปิดฉากรัก 21 ปี สามีนอกใจย่องกินสาวประเภทสอง เสียสองแสนแลกใบหย่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook