หมอพรทิพย์ ลุยพิสูจน์ตู้คอนเทนเนอร์ปริศนา

หมอพรทิพย์ ลุยพิสูจน์ตู้คอนเทนเนอร์ปริศนา

หมอพรทิพย์ ลุยพิสูจน์ตู้คอนเทนเนอร์ปริศนา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หมอพรทิพย์ ลุยพิสูจน์ตู้คอนเทนเนอร์กลางทะเลปริศนา เพื่อคลี่ปมสงสัย ผู้บัญชาการทหารเรือ สั่งการทัพเรือภาคที่ 1 สนับสนุนยุท โธปกรณ์อากาศยานเรือรบ-เรือช่วยรบ ในภารกิจค้นหา และยกตู้คอนเทเนอร์พิสูจน์หาความจริง

จากกรณีที่ได้มีข่าวลือมานานตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2536 ว่า ได้มีเรือประมงลากอวนติดตู้คอนเทรนเนอร์ จำนวนหลายตู้ และในบริเวณทะเลอ่าวสัตหีบ อีกทั้งได้มีเรือประมงประเภทอวนลากเดี่ยว อวนลากคู่ ลากติดหัวกะโหลกมนุษย์ขึ้นมาแล้วจำนวนมากในระยะเวลาตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2536 เป็นต้นมา

ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ นายปราโมทย์ โถวสกุล กำนันตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และนายแดงระ (นามสมมุติ)นักดำน้ำอาวุโส ที่สามารถดำน้ำลึกได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ดำน้ำ ว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวแพร่สะพัดในหมู่เรือประมง และมีมานานตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 ว่า มีชาวประมงพบสุสานกะโหลกมนุษย์ในทะเลอ่าวไทย และ พบตู้คอนเทรนเนอร์ จำนวน 8 ตู้ ถูกปิดสนิทจมอยู่ในทะเลหลายจุด ในระดับน้ำลึก 25 ,30 และ 50 เมตร

โดยจุดแรกในร่องน้ำทะเลเส้นทางเดินเรือสินค้าระหว่างเกาะไผ่ กับเกาะคราม จุดที่ 2 ห่างจากเกาะจวงไปทางด้านทิศใต้ประมาณ 30 ไมล์ทะเล และ จุดที่ 3 ทางด้านทิศตะวันออกของเกาะจาน อ่าวแสมสาร พิกัด แลตติจูด 29 องศา 04 ลิปดา และพิกัด แลตติจูด 30 องศา 05 ลิปดา

ซึ่งบริเวณใกล้เคียงแต่ละจุดเคยมีเรือประมงอวนลากพบหัวกะโหลกติดอวนมาแล้วจำนวนมาก เมื่อการประมวลเหตุการณ์ ระยะเวลา ทำให้ทุกฝ่ายวิเคราะห์ และตั้งข้อสงสัยกันว่า หัวกะโหลกที่พบ อาจมีที่มาจากผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ แล้วบรรจุใส่ตู้คอนเทเนอร์มาทิ้งในทะเล

แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ กล่าวว่า ได้รับการประสานจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสนใจ พร้อมกับให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกองทัพเรือ ตำรวจน้ำ สนับสนุนอำนวยความสะดวกให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีพบตู้คอนเทเนอร์ ปริศนาในทะเล จำนวนหลายตู้ หัวกะโหลกที่เรือลากอวนได้ เพื่อให้เกิดความกระจ่างกับกลุ่มญาติพฤษภาทมิฬ และประชาชนทั้งในและต่างประเทศ

เพราะขณะนี้มีกระแสข่าวแรงมาก มีการพูดกันทุกหย่อมหญ้า จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรีบเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งในวันนี้ได้เดินทางมาที่สัตหีบ ชลบุรี ประสานกับ พลเรือโท ชัยวัฒน์ พุกกะรัตน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และ ได้ร่วมกันประชุมวางแผนร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งหมด

เช่น ทัพเรือภาคที่ 1 หมวดประดาน้ำ และจู่โจม กรมสรรพาวุธทหารเรือ กรมอุทกศาสตร์ กรมวิทยาศาสตร์ มูลนิธิต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพบโครงกระดูก หัวกะโหลก ผลสรุปได้ว่า ทัพเรือภาคที่ 1 ให้การสนับสนุน อากาศยานชนิดซีฮอร์คและซุบเปอร์ลิงค์ เรือรบ เรือช่วยรบ เรือเครน ยกวัตถุหนักในทะเล ห้องแชม เบอร์ปรับอากาศแรงดันสูง

โดยใช้เรือหลวงวังนอก เป็นฐานปฎิบัติการตรวจพิสูจน์ตู้คอนเทเนอร์ เรือตรวจการหมายเลข 93 เป็นเรือสนับสนุนการค้นหา และเรือตรวจการณ์ หมายเลข 224 ร่วมการพิสูจน์

ด้าน พลเรือโทชัยวัฒน์ พุกกะรัตน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เปิดเผยว่า พลเรือเอก กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ให้นโยบายในการสนับสนุนยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่ของทัพเรือภาคที่ 1 ให้กับคณะทำงานของ แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ อย่างเต็มความสามารถ

ในเบื้องต้นได้หารือกันในแนวทางกาคค้นหาตู้คอนเทเนอร์ตามพิกัด จำนวน 5 จุด จุดแรกเป็นจุดที่ใกล้ที่สุด ห่างจากชายฝั่งประมาณ 18 ไมล์ ความลึกไม่มากนักง่ายต่อการปฎิบัติ เพราะตอนนี้ทัศนวิสัยทางอากาศ และ ทางทะเลไม่อำนวยการบินสำรวจ ดำน้ำและเดินทาง แต่จะดำเนินการอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจว่า กองทัพเรือมิได้นิ่งดูดายในการตรวจสอบ

ต่อเมื่อมีหน่วยงานขอรับการสนับสนุน และรัฐบาลเห็นชอบ ก็จะดำเนินการให้เร็วที่สุด สามารถบอกประชาชนได้ว่า ภายในตู้คอนเทเนอร์มีอะไร ซึ่งต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ และขนยกขึ้นมาบนเรือขนาดใหญ่ ต้องมีการเตรียมการทั้งหมดไม่แน่อาจจะเป็นสารเคมีอันตรายอยู่ภายในก็เป็นได้ ในวันที่ 14 พ.ค.52 ทัพเรือภาคที่ 1 จัดเรือจำนวน 3 ลำในการสนับสนุนคณะของหมอพรทิพย์

และต่อมาทางด้าน แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ พร้อมคณะจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดี.เอส.ไอ ได้เดินทางมายังหน่วยกู้ภัย มูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ เพื่อตรวจสอบเบื้องต้นหัวกะโหลก โดยมี นายบรัศ บุญบรรเจิดศรี รองประธานมูลนิธิให้การต้อนรับ พบว่า หัวกะโหลกมีหอยเกราะเป็นจำนวนมาก ยากต่อการตรวจสอบ เพราะไม่มีเยื่อเนื้อ เส้นผม

โดยเบื้องต้นกะโหลก น่าจะมีอายุ ประมาณ 30-40 ปี ยังไม่สามารถระบุเพศได้และจะเดินทางไปสำรวจที่สุสานเก็บศพไร้ญาติ และวัดช่องแสมสารเพราะทราบว่า มีลูกเรือประมงได้นำหัวกะโหลกมาถวายวัดไว้จำนวนมาก ถ้าวัดยังไม่เผา ก็จะได้เก็บไว้ตรวจพิสูจน์ต่อไป

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook