อดีตพิธีกรดังร้องกองปราบฯ ถูกแฮกบัตรเครดิตสูญเงินหลายหมื่น

อดีตพิธีกรดังร้องกองปราบฯ ถูกแฮกบัตรเครดิตสูญเงินหลายหมื่น

อดีตพิธีกรดังร้องกองปราบฯ ถูกแฮกบัตรเครดิตสูญเงินหลายหมื่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อิ๋งอิ๋ง-สิทธิณี กิตติสิทโธ อดีตพิธีกรรายการทีวี เดินทางเข้าแจ้งความที่กองปราบปราม หลังได้รับแจ้งจากธนาคารว่า บัญชีบัตรเครดิตของตนเองมีการรูดใช้เงินภายในวันที่ 23-24 มิถุนายนที่ผ่านมา กว่า 30 รายการ รวมมูลค่ากว่าหมื่นบาท โดยเบื้องต้น นางสิทธิณี ได้ประสานกับทางสายสืบ เพื่อให้ช่วยติดตามเรื่องราว ทำให้ทราบว่า ตนเองเองถูกแฮกเลขหน้าและเลขหลังบัตรเครดิต โดยที่บัตรยังอยู่กับตัวเอง จึงไม่ทราบว่าถูกขโมยเลขบัตรไปได้อย่างไร

ซึ่งจากการตรวจสอบการใช้บัญชีพบว่า เป็นเด็กชายอายุเพียง 10 ขวบ และพ่อที่เป็นข้าราชการได้นำเลขบัตรเครดิตของนางสิทธิณี ไปใช้ซื้อของในเกมคีบตุ๊กตาจากประเทศญี่ปุ่น ในระยะเวลา 2 วัน กว่า 30 รายการ รวมมูลค่ากว่าหมื่นบาท

ขณะที่ทางตำรวจแจ้งว่า จากกรณีดังกล่าวผู้กระทำผิดจะได้รับโทษจำคุก 7 ปี ต่อ 1 รายการ ซึ่งจากกรณีนี้มีทั้งหมดเกือบ 30 รายการ ทำให้มีโทษจำคุกกว่า 140 ปี นางสิทธิณีจึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความและปรึกษาเกี่ยวกับโทษของคดีดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม นางสิทธิณี ต้องการให้ทางธนาคารออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องการให้ธนาคารมีมาตรการหรือมีระบบรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมมากกว่านี้ เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ เพราะเหตุการณ์แบบนี้ได้เกิดขึ้นกับตนเองเป็นครั้งที่สองแล้ว

ด้าน พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า กรณีของคุณอิ๋งอิ๋ง เบื้องต้นจากการตรวจสอบ ทราบแล้วว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร เพราะก่อนหน้านี้เคยมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามแล้วหลายราย โดยมีพฤติกรรมการก่อเหตุคล้ายกันแต่จำนวนเงินที่มีการแฮกน้อยกว่า อีกทั้งยังพบว่าผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มบุคคลเดียวกัน หรือเป็นครอบครัวเดียวกัน โดยจะสลับกันก่อเหตุ บางรายโดนสามีเป็นคนแฮกและนำให้ลูกไปซื้อของ ขณะที่บางรายเป็นภรรยาแฮกและนำไปให้ลูกซื้อของ แต่จากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นพบว่า ครอบครัวนี้ไม่ได้มีความสามารถด้านไอทีมากจนถึงขนาดที่จะสามารถแฮกข้อมูลได้ จึงคาดว่าน่าจะตกเป็นเหยื่อถูกนำมาใช้เป็นฉากบังหน้าอีกทีหนึ่ง

โดยขณะนี้ ตำรวจได้ออกหมายเรียกให้ครอบครัวดังกล่าวมาทำการสอบสวนโดยละเอียด จึงฝากเตือนไปถึงประชาชนให้ระมัดระวังข้อมูลเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจากการสอบถามธนาคารเจ้าของบัตรดังกล่าว ทราบว่ามีวิธีการที่สามารถป้องกันได้ คือ ให้ขูดเลขรหัสยืนยัน 3 ตัวที่อยู่ด้านหลังบัตรเครดิตออก และให้ใช้วิธีการจดจำหรือถ่ายรูปไว้แทน ซึ่งการนำบัตรเครดิตไปซื้อสินค้าต่างๆ ไม่จำเป็นต้องใช้เลข 3 หลักด้านหลังบัตร และขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบการดูแลรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลและทรัพย์สินของทุกธนาคาร

สำหรับเกมที่ถูกนำข้อมูลในบัตรไปใช้นั้น เป็นเกมตู้คีบตุ๊กตาออนไลน์ ซึ่งเป็นเกมของประเทศญี่ปุ่น โดยผู้เล่นจะต้องทำการเติมเงินก่อนที่จะเล่นตู้คีบตุ๊กตาตามที่ตนเองต้องการ ซึ่งจะต้องเสียเงินครั้งละตั้งแต่ 60 ถึง 70 บาท โดยผู้เล่นจะซื้อเหรียญที่ใช้ในการหยอดตู้จำนวนเท่าไหร่ก็ได้ ซึ่งบางรายอาจซื้อเหรียญไว้ได้ถึงครั้งละ 9,000 บาทเลยทีเดียว

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook