ไฟไหม้กุฏิวัด หลวงตาวิ่งหนีกองเพลิงได้ทัน แต่มาเป็นลมเข่าทรุดสิ้นใจแทน
เกิดเหตุไฟไหม้วัดเจ้าเจ็ดใน วอดกุฏิพระทั้งหลัง หลวงตาวิ่งหนีกองเพลิงออกมาได้ทัน แต่หลังเพลิงสงบหาตัวไม่เจอ ไปพบอยู่ด้านหลังวัด นอนเป็นลมมรณภาพน่าเศร้าใจ
(4 ส.ค.) พ.ต.ต.อดิศร พันธุมาส สว.สอบสวน สภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งมีเกิดเพลิงไหม้กุฏิพระ ภายในวัดเจ้าเจ็ดใน ม.3 ต.เจ้าเจ็ด อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย นายอนุกูล เรือนแก้ว นายอำเภอเสนา พ.ต.ท.ธีทัต สีดารักษ์ รองผกก.ป. สภ.เสนา ประสานรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลเจ้าเจ็ด และ อบต.ใกล้เคียงกว่า 10 คัน สมาคมอยุธยารวมใจ ร่วมไปควบคุมเพลิง
ที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังลุกไหม้ที่กุฏิไม้ชั้นเดียว ปลูกติดกันหลายหลัง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปติดกับกุฏิหลังอื่นๆ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ พบว่าเพลิงทำให้กุฏิเสียหายไป 1 หลัง กุฏิหลังดังกล่าวมี พระอำไพ เลี้ยงรักษา อายุ 69 ปี จำวัดอยู่ แต่ยังไม่พบตัว
กระทั่งออกตามหามาที่ริมกำแพงวัด ใกล้จุดที่ดังเจดีย์เก็บอัฐิ พบร่าง พระอำไพร นอนมรณภาพอยู่ สภาพนอนตะแคงคว่ำหน้า มีน้ำกรดในร่างกายสีเขียวออกที่ช่องปาก ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือถูกทำร้าย ใกล้กันยังพบสุนัขพันธุ์ไทย เพศผู้ สีน้ำตาล นอนเฝ้าศพอยู่
จากการสอบถาม พระสมหมาย อายุ 35 ปี เล่าว่า ช่วงระหว่างเกิดเพลิงไหม้ พระในวัดทั้งหมดอยู่ที่ศาลาการเปรียญ เนื่องจากวันนี้เป็นวันพระ มีญาติโยมมาทำบุญ ส่วน พระอำไพร ไม่ได้ลงจากศาลามา เนื่องจากสุขภาพไม่ค่อยดีและอายุมาก ระหว่างที่พระกำลังสวดมนต์ให้ศีลให้พรชาวบ้านที่มาทำบุญ มีชาวบ้านตะโกนบอกว่าไฟไหม้กุฏิพระ จึงต่างพากันมามาช่วยกันดับไฟ พร้อมกับแจ้งเจ้าหน้าที่
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ขณะที่ไฟไหม้กุฏินั้น พระอำไพร น่าจะวิ่งหนีออกมาจากกองเพลิงได้ทัน แต่เพราะอายุมากและมีโรคประจำตัว ทำให้มาเป็นลมหน้ามืดมาเสียชีวิตที่จุดดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้นำศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตอีกครั้งใน
ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ น่าจะเกิดจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งจะต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียดพร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักพระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้อีกครั้งต่อไป