เชิด3ล้านลอยนวล! สาวเจ้าของอู่แท็กซี่
สาวใหญ่เจ้าของอู่แท็กซี่โร่แจ้งตร.โดนเชิด เงินสดๆ 3 ล้าน เผยรู้จักคนร้ายตอนไปร่วมชุมนุมกับนปช.พร้อมสามีเป็นหนุ่มอายุประมาณ 35 ปี พูดคุยกันจนถูกคอ ต่อมาประสบปัญหาธุรกิจ ฝ่ายคนร้ายอาสาช่วยพูดกับเจ้านายให้จนยอมให้กู้เงิน 50 ล้าน ก่อนเกิดเหตุคนร้ายขับรถมารับออกอุบายให้ลงไปซื้อของ ก่อนขับรถเชิดเงินสด 3 ล้านที่เตรียมไปค้ำประกันหลบหนีลอยนวล
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 14 พ.ค. ร.ต.ท.สุรพงศ์ สาขากร ร้อยเวร สน.โชคชัย รับแจ้งเหตุคนร้ายลักทรัพย์ บริเวณด้านหน้าเต็นท์รถมือสอง "ออล์อินวัน" ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาประดิษฐ์มนูธรรม แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. จึงราย งานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบน.ส.อริยาภรณ์ ทิมนาค อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 198/122 หมู่ 5 แขวงคลองสามประเวศ เขตลาดกระบัง กทม. ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ด้วยอาการตกใจ
น.ส.อริยาภรณ์กล่าวว่า มีอาชีพเปิดอู่รถแท็ก ซี่กับนายสมพงษ์ พันปกรณ์ อายุ 59 ปี สามี อยู่ที่ย่านร่มเกล้า ก่อนเกิดเหตุการณ์ ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มนปช.และรู้จักกับนายอ๊อฟ ไม่ทราบนามสกุล อายุประมาณ 35 ปี ภายในกลุ่มผู้ชุมนุม นายอ๊อฟอ้างว่าทำธุรกิจก่อสร้างและมีท่าทราย รับจ้างถมที่ ซึ่งสามีตนก็ประกอบธุรกิจก่อสร้างเช่นเดียวกันจึงพูดคุยกันอย่างสนิทสนม และแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์กัน จากนั้นพูดคุยติดต่อกันทางโทรศัพท์อยู่บ่อยครั้ง โดยบางครั้งมีการนัดกินข้าวกัน มีครั้งหนึ่งนายอ๊อฟพาไปดูที่บริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่งข้างห้างสรรพ สินค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ บอกว่าเป็นของตัวเอง โดยให้ตนนั่งรออยู่ในรถ จากนั้นนายอ๊อฟเดินเข้าไปภายในคนเดียว ก่อนจะออกมาด้วยอาการไม่พอใจและบ่นให้ฟังว่าลูกน้องทำงานไม่ได้เรื่อง จากนั้นก็ทำทีโทรศัพท์ไปหาลูกน้องแล้วบอกว่าทำไมไม่เอาของไปส่งสักทีก่อนจะ วางสาย
น.ส.อริยาภรณ์ กล่าวต่อว่า ระหว่างนั้นธุรกิจของสามีตนก็เริ่มมีปัญหา จึงเล่าเรื่องดังกล่าวพร้อมขอคำปรึกษาจากนายอ๊อฟ จากนั้นนายอ๊อฟก็บอกว่าเจ้านายของเขาสามารถปล่อยกู้ได้ จึงตอบกลับไปว่าต้องการเงินจำนวน 50 ล้านบาท เพื่อนำมาพยุงธุรกิจก่อสร้าง จากนั้นนายอ๊อฟก็บอกว่าจะคุยกับเจ้านายให้ ก่อนจะโทร ศัพท์กลับมาหาตน พร้อมบอกว่าเจ้านายตอบตกลงที่จะปล่อยกู้เงินให้ แต่ต้องขอเงินค้ำประกัน 10 เปอร์เซ็นต์ของเงินกู้จำนวน 50 ล้านบาท เป็นเงินจำนวน 5 ล้านบาท
น. ส.อริยาภรณ์ กล่าวต่อไปว่า ตนจึงไปกู้เงินจำนวน 2,450,000 บาท ที่ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ส่วนเงินอีกจำนวน 550,000 บาท นั้น ตนได้ไปหยิบยืมมาจากคนรู้จัก จากนั้นตนจึงโทรศัพท์กลับไปหานายอ๊อฟและบอกว่า ตอนนี้มีเงินอยู่ 3 ล้านบาท นายอ๊อฟจึงบอกว่าที่เหลืออีก 2 ล้านบาท จะเป็นคนออกให้ เนื่องจากที่ตัวเองมีเงินอยู่ 1.5 ล้านบาท และมีเพื่อนจะให้ยืมอีก 5 แสนบาท
น.ส.อริยาภรณ์ กล่าวต่ออีกว่า กระทั่งเวลา 10.00 น. วันเดียวกันนี้ นายอ๊อฟขับรถเก๋งโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน จง 446 กทม. มารับตนที่บ้านย่านลาดกระบัง เพื่อเดินทางไปหาเจ้านายของนายอ๊อฟ โดยระหว่างทางนายอ๊อฟแจ้งว่าต้องแวะไปเอาเงินจำนวน 500,000 บาท ที่เพื่อนที่เปิดเต็นท์รถมือสองออล์อินวัน อยู่ตรงข้ามห้างโลตัส สาขาประดิษฐ์มนูธรรมก่อน เมื่อมาถึงนายอ๊อฟได้จอดรถที่หน้าห้างโลตัส แล้ววานให้ตนลงไปซื้อซุปไก่สกัดภายในห้าง เพื่อไปฝากเจ้านายที่ไม่สบายอยู่ ส่วนตัวเองจะขับรถข้ามไปที่เต็นท์รถฝั่งตรงข้ามเพื่อเอาเงิน หากซื้อเสร็จแล้วให้โทร.บอกจะขับรถวนมารับจึงลงเดินไปซื้อให้ โดยวางเงินจำนวน 3 ล้านบาทไว้ที่เบาะหลังรถ ระหว่างนั้นนายอ๊อฟโทรศัพท์ไปบอกว่าให้ซื้อหมูแฮมมาด้วย
"หลังออก มาจากห้าง ก็โทร.กลับไปหานาย อ๊อฟ ก็พบว่าโทร.ไม่ติด จึงเดินข้ามถนนมาหา นายอ๊อฟที่ร้านเต็นท์รถมือสอง ปรากฏว่านาย อ๊อฟได้หายไปพร้อมเงินแล้ว สอบถามรปภ.ที่เต็นท์รถทราบว่า นายอ๊อฟไม่ได้ขับรถเข้ามา และที่เต็นท์ก็ไม่มีใครรู้จักนายอ๊อฟด้วย จึงรู้ตัว ว่าถูกหลอก จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังสอบ สวนเจ้าหน้าที่ได้วิทยุสกัดจับ แต่ไม่พบรถคันดังกล่าว" น.ส.อริยาภรณ์ กล่าว
จากการตรวจสอบทะเบียนรถ คนร้ายพบว่าเป็นทะเบียนปลอม จึงนำตัวผู้เสียหายมาสอบปากคำที่สน.โชคชัย พร้อมทั้งจะเชิญตัวพยานในที่เกิดเหตุและพยานแวดล้อมมาสอบปากคำอย่างละเอียด ก่อนให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ลงพื้นที่หาข่าวเพื่อใช้เป็นเบาะแสในการติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้มา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป