มโหฬาร! ตำรวจ-ทหารเชียงรายสนธิกำลังจับพ่อค้ายาบ้า ของกลางเกือบ 5 ล้านเม็ด
วันที่ 4 ส.ค. 61 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง พลตรีฉลองชัย ชัยยะคำ รองแม่ทัพภาคที่ 3/รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วย
นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, พันเอกธรรมรัตน์ เหรียญทอง เสนาธิการกองกำลังผาเมือง, พันเอกกิดากร จันทรา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3, พันเอกไมตรี ศรีสันเทียะ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารทหารพรานที่ 31, พันเอกพศิน แสงคำ เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 37
พันตำรวจเอกมานพ เสนากูล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย, พันเอกพงศ์มิตร ปิ่นปันคง เสนาธิการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ, พันเอกพักตร์พงษ์ เงสั้นเที๊ยะ หัวหน้ากลุ่มงานนโยบายแผนและการข่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเชียงราย
พันตำรวจเอกทันชัย ยศชูสกุล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเทิง, นายนิวัฒน์ งามธุระ นายอำเภอเทิง, นายเชษชัย ชมภูงาม เจ้าพนักงานการข่าวชำนาญการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จำนวน 4,800,000 เม็ด และยาไอซ์ จำนวน 978 กิโลกรัม
โดยการจับกุมในครั้งนี้ ทางกองทัพภาคที่ 3 โดย กองร้อยทหารพรานที่ 3102 หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 31 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเทิง จังหวัดเชียงราย จับกุมขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด
สามารถจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 1 คน พบของกลางยาบ้าจำนวน 4,800,000 เม็ด และยาไอซ์จำนวน 978 กิโลกรัม ณ บริเวณบ้านรักแผ่นดิน ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย
โดยเวลาประมาณ 02.30 น. กองร้อยทหารพรานที่ 3102 หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 31 จัดกำลัง จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ทำการตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดกั้น บริเวณ บ้านทรายกาด ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ตรวจพบรถยนต์กระบะต้องสงสัย จำนวน 2 คัน ขับมาตามถนน หมายเลข 1155 จาก บ้านแผ่นดินทอง มุ่งหน้าไปยัง อำเภอเทิง
เมื่อผู้ขับขี่รถยนต์กระบะทั้ง 2 คันดังกล่าว เห็นชุดปฏิบัติการที่ทำการตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดกั้น จึงได้กลับรถเพื่อทำการหลบหนี ชุดปฏิบัติการจึงได้ไล่ติดตามจนกระทั่งถึง บริเวณบ้านรักแผ่นดิน หมู่ 15 ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย
รถยนต์กระบะ คันที่ 2 เกิดเสียหลักตกลงข้างทาง ส่วนรถยนต์กระบะคันแรก สามารถหลบหนีไปได้ ชุดปฏิบัติการจึงได้ทำการเข้าตรวจสอบ พบว่าเป็นรถยนต์กระบะโตโยต้า สีบรอนซ์-ทอง หมายเลขทะเบียน บห3846 เชียงราย โดยมีนายเล่าปอ อายุ 46 ปี เป็นผู้ขับขี่
จากการเข้าตรวจค้น พบกระสอบปุ๋ยบรรจุยาเสพติด จำนวน 44 กระสอบ โดยมีรายละเอียดของกลางเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 16 กระสอบๆ ละ 200,000 เม็ด รวมทั้งสิ้นประมาณ 3,200,000 เม็ด และยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 28 กระสอบ รวมทั้งสิ้นประมาณ 633 กิโลกรัม
ต่อมาเมื่อเวลา 07.30 น. กองร้อยทหารพรานที่ 3102 หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 31 จัดกำลัง จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเทิง จังหวัดเชียงราย ทำการขยายผล
ได้ตรวจพบรถยนต์กระบะ 4 ประตู ต้องสงสัย ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีฟ้า หมายเลขทะเบียน กร 6516 เชียงราย จอดอยู่บริเวณสวนยางพารา บ้านรักแผ่นดิน หมู่ 13 ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ห่างจากถนนสาย 1155 ประมาณ 200 เมตร โดยไม่พบผู้ขับขี่
ซึ่งคาดว่าเป็นรถยนต์กระบะต้องสงสัย ที่ทำการหลบหนีการจับกุมของชุดปฏิบัติการ จึงได้ทำการเข้าตรวจสอบ พบกระสอบปุ๋ยบรรจุยาเสพติด จำนวน 23 กระสอบ
ห่างจากรถยนต์กระบะประมาณ 50 เมตร ผลของการตรวจค้น ยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) เพิ่มจำนวนประมาณ 1,600,000 เม็ด ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวนประมาณ 345 กิโลกรัม
ทั้งนี้ ผลสัมฤทธิ์ของการจับกุมในครั้งนี้ เกิดจาก แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองทัพภาคที่ 3 ได้สั่งการให้ทุกภาคส่วนผนึกกำลัง และบูรณาการความร่วมมือกัน เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ
และให้มีการเพิ่มความเข้มข้นงานด้านการข่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โต๊ะข่าวที่เฉพาะเจ้าหน้าที่จริงๆ ต้องวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้าน และทันเวลา รวมทั้งการเพิ่มมาตรการเข้มงวด ที่มุ่งเน้นการสกัดกั้น ในลักษณะการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดทางยุทธวิธี
โดยวิธีการปรับเปลี่ยนเวลาตามสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการลาดตระเวนเฝ้าตรวจตามเส้นทางในภูมิประเทศ ซึ่งกองทัพภาคที่ 3 เปิดยุทธการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายของรัฐบาล และกองทัพบก ที่กำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่สำคัญ ที่ต้องได้รับการป้องกันและแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เพื่อลดการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ และในแต่ละภาคของประเทศไทยนั้น ทุกภาคส่วนทั้งทหาร ตำรวจ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และประชาชน ต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหา เพื่อมุ่งไปสู่การแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนและยาวนาน