ที่แท้ศึกสายเลือด ลูกสาวแจงทั้งน้ำตา ปัด ฮุบที่ดิน-ไล่พ่อพิการออกจากบ้าน
จากกรณี นายสำเริง อายุ 65 ปี ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ร่างกายซีกซ้ายไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ แต่ลูกๆ 3 คนไม่ใยดี ลูกสาวคนเล็กก็ยึดบ้าน-ที่ดิน พร้อมลั่นวาจาว่า "แก่แล้วพ่อควรไปอยู่วัด" จน นางอำไพ อายุ 71 ปี พี่สาวของนายสำเริง ทนไม่ไหว ต้องอุ้มพามาอยู่ข้างคอกไก่ประทังชีวิต
>> ชีวิตยิ่งกว่าละคร ลุงป่วยอัมพฤกษ์ทิ้งให้อยู่ข้างคอกไก่ ลูกสาวฮุบสมบัติไม่ใยดี
ล่าสุด (6 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.วัลภา แก้วสวี พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชุมพร ได้เดินทางไปยังศูนย์หมู่บ้านแห่งหนึ่งในตำบลละแม เพื่อพบกับ นางจอ และ นายขอ สามี (นามสมมุติ) พร้อมทั้ง คณะเจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้เชิญตัวมาพบและพูดคุย
เมื่อนางจอและสามี มาถึง มีสีหน้าเศร้า น้ำตาซึม พร้อมทั้งอุ้มลูกอายุไม่ถึง 1 ขวบ เล่าเหตุการณ์ให้ ฟังทั้งน้ำตาว่า ตนเองไม่เคยไล่พ่อออกจากบ้าน ตามที่พ่อและญาติให้ข่าวแต่อย่างใด ตนเองและสามีดูแลพ่อที่ป่วยมาโดยตลอด โดยทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้
ทั้งที่หลังจากจบการศึกษาปริญญาตรี ก็ได้ทำงานบริษัทเอกชนที่กทม.จนได้พบรักกับสามี เมื่อทราบข่าวว่าพ่อป่วยก็ลาออกจากงาน เพื่อกลับมาดูแลและอยู่กับพ่อ ทั้งที่ตนเองและสามีไม่มีความรู้ความสามารถในการทำการเกษตรเลยแม้แต่น้อย สามีก็ได้พยายามเรียนรู้ จนสามารถทำสวนยางพาราและสวนปาล์มได้
ต่อมาเกิดข้อขัดแย้งเรื่องของที่ดินในครอบครัว ระหว่างตนเองกับคนใกล้ชิดของพ่อและลามไปจนถึงญาติฝ่ายพ่อ ทำให้ชาวบ้านมีความเข้าใจว่า ตนเองและสามีไม่ดูแลเอาใจใส่พ่อ จนถึงขั้นไล่พ่อออกจากบ้าน ทั้งที่ไม่เป็นความจริง
ในวันที่ญาติฝ่ายพ่อมารับตัวพ่อออกจากบ้านตนเองก็พยายามอธิบาย แต่พ่อก็ยังยืนยันว่าจะไปอยู่กับญาติที่บ้านห่างไปจากบ้านของพ่อร่วม 1 กม. ซึ่งตนเองกับสามีก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
จนมีการไปร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรม อ.ละแม และมีการฟ้องขับไล่ให้ตนเองและสามีออกจากบ้าน ซึ่งยังเป็นคดีในชั้นศาล ก็ขอความเป็นธรรมกับสังคมด้วยว่า ตนเองไม่เคยไล่พ่อออกจากบ้าน ไม่เคยเอาเศษอาหารให้พ่อกิน แต่พยายามดูแลพ่อตลอด มีแต่คนใกล้ชิดพ่อเท่านั้นที่พยายามทำให้พ่อเข้าใจผิด ส่วนเรื่องบ้านที่ดิน ก็ขอให้เป็นเรื่องของศาล
ต่อมาคณะของจนท.เดินทางไปเยี่ยม นายสำเริง อายุ 65 ปี พ่อพิการที่ตกเป็นข่าว พบว่า นายสำเริงก็ยังคงอาศัยในบ้านติดกับคอกไก่ของพี่สาว เมื่อ จนท.สอบถาม ได้การว่า ยังยืนยันว่าลูกสาวได้ไล่ตนเองออกจากบ้านจริงๆ ทั้งที่เป็นบ้านที่ตนเองสร้างมาตั้งแต่ยังหนุ่ม
ในขณะมีความต้องการให้ลูกสาวคืนที่ดินที่สร้างบ้าน จำนวน 18 ไร่คืนให้กับตน ส่วนที่ดินที่ยกให้ลูก 7 ไร่ ก็ยังยกให้เหมือนเดิม แต่ขอให้ลูกสาวพร้อมสามีออกจากบ้านของตน แล้วตนจะกลับไปอยู่บ้านเหมือนเดิม ส่วนที่ดิน 18 ไร่ก็จะขอแบ่งให้กับลูกที่เกิดกับภรรยาใหม่ และลูกเลี้ยงที่ติดมากับภรรยาใหม่ รวม 3 คน ต่อไป
น.ส.วัลภา กล่าวว่า ในเมื่อยังหาข้อสรุปไมได้ ก็ ต้องนำข้อเสนอไปประชุมหาวิธีการแก้ปัญหา และจะได้นัดหมายทั้ง 2 ฝ่ายให้มาเจรจากันต่อไป สรุปว่าเป็นเรื่องศึกสายเลือดที่มีทรัพย์สมบัติเข้ามาเกี่ยวข้อง
ในขณะที่ ศูนย์ดำรงธรรม จ.ชุมพร ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าว เป็นการร้องเรียนไปยัง ศูนย์ดำรงธรรม อำเภอละแม ไม่ใช่ศูนย์ดำรงธรรม จ.ชุมพร ซึ่งศูนย์ดำรงธรรม อ.ละแม ก็ ได้พยายามแก้ไขปัญหาอยู่แล้วในขณะนี้