นาทีระทึก หนุ่มเมายาใช้มีดจี้คอเด็กโบกวินจยย. ก่อนวิ่งหนีลงคลอง

นาทีระทึก หนุ่มเมายาใช้มีดจี้คอเด็กโบกวินจยย. ก่อนวิ่งหนีลงคลอง

นาทีระทึก หนุ่มเมายาใช้มีดจี้คอเด็กโบกวินจยย. ก่อนวิ่งหนีลงคลอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(7 ส.ค.) เมื่อเวลา 20.00 น. สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายใช้อาวุธมีดจีคอเด็กอยู่ เหตุเกิดบริเวณสะพานคู่ ใกล้เคียงโรงงานกรีนสปอร์ต ถ.เสมา-ฟ้าคราม ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบ นายทนงศักดิ์ อายุ 27 ปี ลอยคออยู่ภายในคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ช่วงบริเวณด้านหน้าหมู่บ้านธงชัย ห่างจากจุดเกิดเหตุเล็กน้อย โดยมีประชาชนและพลเมืองดีช่วยกันติดตามและพยายามตะโกนให้เข้าฝั่ง แต่นายทนงศักดิ์ ไม่มีท่าทีจะยินยอมกลับว่ายน้ำหนี โดยในมือทั้งสองข้างยังคงถือมีดและไม้อยู่

จนต้องวิทยุขอเรือจากเจ้าหน้าที่เทศบาลนครรังสิต โดยใช้เวลาประมาณเกือบ 40 นาที เมื่อเรือมาถึงจึงได้ช่วยกันต้อนให้เข้ามาใกล้ฝั่ง ก่อนที่อาสาสมัครกู้ชีพเทศบาลนครรังสิต จะกระโดดลงไปในน้ำเพื่อเข้าไปล็อกตัวได้สำเร็จ ก่อนนำตัวขึ้นมาเพื่อนำส่งโรงพัก

แต่นายทนงศักดิ์ กลับไม่ยินยอมโดยดีดดิ้นไปมาตลอดต้องใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยกว่า 6 คนช่วยกันหามไปที่รถก่อนนำตัวไปสอบสวนที่โรงพัก นอกจากนี้ ยังพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเด็กชาย 1 ราย โดยมีบาดแผลที่นิ้วมือซ้าย และมีบาดแผลเล็กน้อยที่ ลำคอ แขน ขา จึงได้รีบให้กู้ภัยปฐมพยาบาลเบื้องต้น และนำตัวส่งโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ เพื่อให้เย็บแผล

จากการสอบสวน นายทนงศักดิ์ อายุ 27 ปี ให้การว่า ตนทำงานอยู่ที่ย่านมีนบุรี แต่ก็ไม่รู้ว่ามาอยู่ตรงซอยอุสาหะ ข้างเทศโก้โลตัสคลองสี่ หมู่ 2 ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ได้อย่างไร โดยที่เดินผ่านหน้าบ้านเด็กชายจึงได้ใช้อาวุธมีดจี้คอ พร้อมกับบอกให้อยู่เฉยๆ เพราะตนอยากได้รถจยย.เพื่อกลับไปหาแฟน ที่เพิ่งเลิกกันไปได้ 3 วัน

จังหวะนั้นได้มีรถจยย.ขี่ผ่านมาพอดี จึงได้เรียกพร้อมกับบังคับเด็กให้ขึ้นรถมาด้วย โดยบอกวินให้ไปปากทาง เมื่อถึงปากทางก็บอกให้ขับไปเรื่อยๆ จนมาถึงจุดเกิดเหตุคนขับรถวินจยย.ได้ดับเครื่องแล้ววิ่งหนี ก่อนที่จะจับเด็กไว้เป็นตัวประกัน ก่อนมีพลเมืองดีเข้ามาช่วยจึงได้รีบวิ่งหนีลงไปในน้ำ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะช่วยกันจับตัวมาได้ โดยตนรับสารภาพว่าได้กินเหล้าเบียร์มาตั้งแต่ 16.00 น. และได้เสพยาไอซ์เข้าไป

ด้าน นายนพนันต์ อายุ 43 ปี พลเมืองดีที่ขับรถผ่านมาพบให้สัมภาษณ์ว่า ตนกำลังจะกลับบ้าน เมื่อขับมาถึงจุดเกิดเหตุก็พบว่ามีคนร้ายกำลังใช้มีดจี้คอเด็ก จึงได้ลงไปช่วยห้าม แต่คนร้ายกลับพาเด็กเดินหนี ตนก็เดินตาม ซึ่งคนร้ายก็บอกว่าอย่าเข้ามาไม่อย่างนั้นเด็กตาย ตนก็พยายามตามห่างๆ จนคนเริ่มเยอะ ตนเห็นคนร้ายยกมีดขึ้นแล้วแทงไปที่เด็ก จังหวะนั้นเด็กก็สะบัดจนหลุดตนจึงจะวิ่งเข้าไปจับแต่คนร้ายก็วิ่งกระโดดลงไปในตามดังกล่าว

ทางด้าน นายมงคล อายุ 35 ปี วินจยย.รับจ้าง เบอร์ 17 ซอยอุตสาหะ ให้การว่า ขณะที่ตนขับรถรับจ้างตามปกติ ออกมาจากท้ายซอย ได้มีคนร้ายและเด็กชายโบกรถ ก่อนที่จะให้ไปส่งที่ปากทาง แต่เมื่อมาถึงปากทางกลับบอกว่าให้ไปส่งที่ ห้างฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และบอกว่าให้บิดแรงๆ ถ้าหยุดจะแทงให้ทะลุทั้ง 2 คน

ซึ่งในตอนแรกตนไม่เห็นว่าคนร้ายมีมีด ก็พยายามมองกระจกข้าง จนเห็นมีดที่คนร้ายถือ จึงได้ขับไปตามที่คนร้ายบอก แต่เมื่อขับมาถึงคลองหนึ่ง คนร้ายกลับบอกว่าให้เลี้ยวขึ้นสะพาน และพาย้อนมาเส้นเลียบคลอง จังหวะนั้นแฟนสาวโทรมาพอดี แต่คนร้ายกลับบอกว่าให้เอาโทรศัพท์มา ซึ่งตนคิดในใจว่าถ้าคนร้ายให้ไปใช้เส้นทางที่เปลี่ยว จะต้องทำอะไรสักอย่าง

จนกระทั่งย้อนมาถึงตรงโรงงานกรีนสปอร์ต จังหวะนั้นรถคนงานเลิกพอดี ตนจึงชะลอรถ แต่คนร้ายบอกว่าให้บิดไปเลย ตนจึงตัดสินใจ ดับเครื่องแล้วทิ้งรถพร้อมกับหยิบกุญแจรถมาด้วย แล้วรีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือจาก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และก็มีพลเมืองดีขับรถผ่านมาและเข้ามาช่วยตามคนร้ายไป จนเจ้าหน้าที่ตำรวจมาและจับกุมได้ดังกล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ปัณณพัฒน์ เดชโชติพิสิฐ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเช็คประวัตินายทนงศักดิ์ อายุ 27 ปี พบว่ามีหมายจับของศาลจังหวัดชัยนาท ในข้อหาพกพาอาวุธปืน ตั้งแต่ปี 57 ซึ่งในเบื้องต้นจากการสอบสวน แล้วผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเสพยามา แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องทำการส่งตรวจหาสารเสพติดอีกครั้ง

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหากับ นายทนงศักดิ์ อายุ 27 ปี ว่า 1.ชิงทรัพย์ผู้อื่นโดยมีอาวุธ  2.ทำร้ายร่างกายผู้อื่น 3.กักขังหน่วงเหนี่ยว 4.ข่มขืนใจโดยใช้อาวุธ 5.พาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร และตรวจร่างกายแล้วเจอสารเสพติดก็จะเพิ่มข้อหาเสพสารเสพติดให้โทษอีกข้อหา ซึ่งในเบื้องต้นได้มอบตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook