โบ้ยกันวุ่น 2 โชเฟอร์รถเมล์ ปัดไม่ได้ขับแข่งกันจนทับหนุ่มขี่จยย.ดับ
ความคืบหน้ากรณีญาติเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ นายจตุพล หรือ ฮารุจ ที่ประสบอุบัติเหตุถูกรถเมล์ร่วมบริการ สาย 115 สีชมพู ทับผู้เสียชีวิตบริเวณปากซอยภูมิจิตร 4 ถ.พระราม4 เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา
โดยคลิปวีดีโอจากกล้องหน้ารถ บันทึกภาพเหตุการณ์ รถจักรยานยนต์และร่างนายจตุพล ล้มอยู่ใต้ท้องรถเมล์ ซึ่งตอนนั้นยังมีชีวิตอยู่ แต่สุดท้ายเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยในคลิปจะเห็นว่ามีรถเมล์สาย 115 สองคัน จอดอยู่ในที่เกิดเหตุ ทำให้ญาติผู้เสียชีวิตตั้งข้อสงสัยว่า รถเมล์ขับแข่งกัน หรือเบียดกันเพื่อจะเข้าป้ายรถหรือไม่
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (11ส.ค.) นายสมร หรือ จ่อย คนขับรถเมล์สาย115 เบอร์ 4 คันที่ขับตีคู่กับรถเมล์สายเดียวกันเข้าพบตำรวจ สน.คลองตัน เพื่อให้ปากคำ โดยเจ้าตัวยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า วันเกิดเหตุไม่ได้ขับแข่งกันกับรถสายเดียวกัน เบอ ร์10 แต่ขับมาตามหลัง พอเข้าถนนพระราม 4 จึงพยายามจะขับแซงรถเบอร์ 10 เพื่อจะเข้ารับผู้โดยสารที่ป้ายหน้า แต่ขณะที่ขับตีคู่พยายามแซง ก็เห็นว่ารถ จยย. ผู้ตายอยู่ใต้ท้องรถ เบอร์ 10 แล้ว ตอนนั้นก็ตกใจ และขับรถโดยสารต่อไป โดยไม่ได้ลงมาให้การกับตำรวจ และก็ลางานไปสามวัน เพิ่งมาขับรถวันนี้ และขอยืนยันว่าไม่ได้เมา ไม่ได้แข่งแต่ต้องการแซง
สำหรับนายจ่อย เพิ่งมาขับรถสาย 115 ได้เพียงเดือนเศษ ก่อนหน้านี้เคยขับรถเมล์อีกสายหนึ่งและมีปัญหา โดยมีรายงานว่านายจ่อยเคยมีอากการติดสุรา จนต้องไปรักษาตัวที่ต่างจังหวัดถึง 2 ปี ก่อนจะกลับมาขับรถโดยสารอีกครั้ง และขณะที่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวก็พบว่านายจ่อย มีกลิ่นสุราคละคลุ้ง บางครั้งมีอาการปากสั่น มือสั่น พอสอบถามว่าเมื่อวานได้ไปขับรถรับผู้โดยสารหรือไม่ นายจ่อยระบุว่า ขับรับผู้โดยสารมาแล้ว 1 เที่ยว ก่อนจะมาพบตำรวจ แต่ผู้สื่อข่าวไปถามตำรวจเจ้าของคดีว่าเวลาสอบปากคำได้กลิ่นแอลกอลฮอล์หรือไม่ ตำรวจเจ้าของคดีนี้บอกว่า วันนี้เขาไม่ได้ไปขับรถ จึงไม่จำเป็นต้องตรวจแอลกอลฮอล์
เมื่อสอบถามว่าในวันเกิดเหตุทำไมไม่เรียกคนขับรถเมล์รายนี้มาสอบปากคำ ตำรวจให้คำตอบว่า ตอนนั้นการจราจรติดขัดมากจึงต้องปล่อยให้ขับรถออกไปก่อน และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถแจ้งข้อหากับโชเฟอร์รถเมล์ได้ เพราะไม่มีหลักฐานว่า รถเมล์คันใดขับชน หรือเป็นเหตุให้รถจยย.ผู้ตายล้มคว่ำไปใต้ท้องรถ อีกทั้งกล้องวงจรปิดต่างๆก็ไม่มี จุดที่มีก็เสีย
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถาม นายสมจิตร หรือ ลุงจิตร โชเฟอร์รตถเมล์สาย115 เบอร์ 10 คันที่ทับร่างของผู้เสียชีวิต เปิดใจว่า ตอนนี้ตนเหมือนตกเป็นจำเลยสังคม ว่าขับรถทับผู้ตาย ทั้งๆ ที่วันเกิดเหตุ รถของตนขับมาตามปกติ แต่รถเบอร์ 4 ของนายจ่อย พยายามขับคู่และจะแซงหลายครั้งแต่รถติด ทำให้แซงไม่ได้ และเมื่อถึงที่เกิดเหตุ รถของตนอยู่เลนกลาง กำลังจะชะลอเข้าป้าย รถของนายจ่อยก็ตีประกบข้าง และเปิดไฟเลี้ยวซ้าย ตอนนั้นตนรู้สึกเหมือนล้อทับอะไรบางอย่างจึงเบรก และก็พบว่าล้อหลังร่างผู้เสียชีวิต หลังเกิดเหตุให้การกับตำรวจตลอด และยืนยันว่าไม่ได้ขับแข่งกับนายจ่อย แต่นายจ่อยจะขับแข่งกับตนหรือไม่ ไม่ทราบทุกอย่างก็เป็นไปตามภาพตามคลิปที่ปรากฎ
ทางด้านพ่อขอองนายจตุพล เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่รู้ใครขับชนลูกชายตนเสียชีวิต อยากสอบถามตำรวจเช่นกัน พอสื่อนำเสนอข่าวไป เมื่อกลางดึกวันที่ 10 ส.ค. ตำรวจก็โทรแจ้งให้มาสอบปากคำ
ทางด้าน คุณสุไวบัส ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า สามีเป็นคนดี ขับรถระมัดระวังมาตลอด วันเกิดเหตุหากดูคลิปจะเห็นว่ามีรถเมล์อีกคันที่ตีคู่มาเปิดไฟเลี้ยว และไม่รู้ว่าพยายามแซงอีกคันจนต้องเบียดรถสามีตนหรือไม่ ผ่านมา 5 วันแล้ว ตำรวจก็ไม่สามารถระบุได้ว่าใครทำให้สามีตนต้องมาเสียชีวิต อยากขอความเป็นธรรมให้สามีด้วย
สำหรับคนตายนั้น พบว่ากำลังมองหาซื้อบ้านเพื่อเตรียมเป็นของขวัญวันครบรอบแต่งงานให้กับภรรยา แต่ต้องมาเสียชีวิตก่อน
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ บริเวณปากซอยภูมิจิตร 4 ถนนพระราม 4 สอบถามวินจยย.ที่เห็นเหตุการณ์ ต่างระบุเป็นเสียงเดียวกันว่า ป้ายรถประจำทางจุดนี้ รถเมล์มักเบียดแย่งกันเข้าป้ายรับผู้โดยสารบ่อยครั้งโดยไม่สนใจรถจยย.ที่ขับมา รถเมล์จะอยู่เลนขวาสุดก็จะปาดมาเข้าป้าย ส่วนรถเมล์สองคันในวันเกิดเหตุ ไม่เห็นว่าคันใดเป็นคนชนผู้ตาย แต่เห็นว่า รถเบอร์ 4 ของนายจ่อย อยู่เลนขวาสุด และพยายามจะเข้าป้ายแซงรถเมล์สายเดียวกันอีกคัน ส่วนรถจยย.คนตาย เห็นอยู่ตรงกลางระหว่างรถเมล์สองคันพยายามจะแต่ก็มาเสียหลักล้มลงถูกรถอีกคันทับเสียชีวิต