พี่ชายต่างพ่อร่วมกับรุ่นพี่ สารภาพ จับน้องสาวมัด-เอากาวหยอดตา หวังขืนใจ

พี่ชายต่างพ่อร่วมกับรุ่นพี่ สารภาพ จับน้องสาวมัด-เอากาวหยอดตา หวังขืนใจ

พี่ชายต่างพ่อร่วมกับรุ่นพี่ สารภาพ จับน้องสาวมัด-เอากาวหยอดตา หวังขืนใจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (14 ส.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น. สภ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งมีคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์และพยายามจะขืนใจหญิงสาว เหตุเกิดภายในบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านพักชั้นเดียว ปลูกสร้างอย่างหรูหราบนเนื้อที่กว่า 118 ตรว.และมีรั้วรอบขอบชิด ภายในบ้านพบ น.ส.นงเยาว์ อายุ 46 ปี เจ้าของบ้าน ยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ พร้อมกับให้การว่า บ้านหลังนี้ตนกับสามีชาวต่างชาติร่วมกันซื้ออยู่อาศัยมาหลายปีแล้ว

ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. ตนได้ออกไปทำธุระนอกบ้าน ปล่อยให้ น.ส.นภสร อายุ 18 ปี ลูกสาวซึ่งเกิดกับสามีคนที่สอง ซึ่งน.ส.นภสรกำลังศึกษาอยู่ชั้นปี 1 มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง เฝ้าบ้านอยู่กับ นายมาโนชญ อายุ 29 ปี ลูกชายคนโตซึ่งเกิดกับสามีคนแรก และนายอรรพล อายุ 39 ปี เพื่อนรุ่นพี่ของนายมาโนชญ ที่มาขออยู่อาศัยด้วยในช่วงระหว่างที่มาทำงานตอกเสาเข็มที่เมืองพัทยา

น.ส.นงเยาว์ ยังให้การอีกว่า ปกติแล้วลูกสาวตนพักอยู่กรุงเทพฯ นานๆ ทีจึงจะกลับมาพักที่บ้านหลังนี้ ส่วนนายมาโนชญ ลูกชายคนโต ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายต่างบิดา กับนายอรรถพล เพิ่งมาขอพักอยู่ด้วยเมื่อไม่กี่วันมานี้ เพราะมีงานตอกเสาเข็มที่เมืองพัทยา

โดยในระหว่างตนทำธุระอยู่นอกบ้านอยู่นั้น จู่ๆ ลูกชายคนโต โทรศัพท์มาบอกว่าน้องสาวต่างบิดาถูกโจรจับมัด และใช้กาวหยอดที่ตาจนได้รับบาดเจ็บ ตนเลยรีบกลับมาบ้านและพบลูกสาวอยู่ในสภาพร่ำไห้เพราะยังตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

หลังตั้งสติได้ลูกสาวจึงเล่าให้ฟังว่า ขณะนอนหลับอยู่ในบ้านจู่ๆ มีคนร้ายเป็นชายไทย 1 คน รูปร่างสูง ใส่เสื้อยืดไม่ทราบสี นุ่งกางเกงขาสามส่วน สวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้าคล้ายคนงานก่อสร้าง บุกเข้ามาในบ้านก่อนใช้มือปิดปากบังคับไม่ให้ลูกสาวขัดขืน ก่อนต่อยเข้าทีท้อง 1 ครั้ง แล้วใช้เสื้อชั้นในของลูกสาวมัดมือ และใช้สายชาร์จโทรศัพท์มือถือมัดเท้า

จากนั้นจึงใช้กาวที่เตรียมมาหยอดที่ตาขวาจนลืมตาไม่ขึ้น และรู้สึกปวดแสบปวดร้อน กระทั่งคนร้ายทำท่าว่าจะลงมือข่มขืน ลูกสาวจึงยกมือไหว้อ้อนวอนขอร้องไม่ให้โจรขืนใจ และบอกว่าอยากได้ทรัพย์สินอะไรก็ให้เอาไป

คนร้ายเกิดเปลี่ยนใจหันไปคว้าเอาโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน 7 พลัส ก่อนหลบหนีไป คล้อยหลังไม่นานลูกสาวแก้มัดได้ด้วยตัวเอง จึงออกมาขอความช่วยเหลือและพบพี่ชายต่างบิดา ที่ขับรถ จยย.กลับจากซื้อของพอดี จึงโทรศัพท์แจ้งให้ตนทราบ ซึ่งหลังจากลูกสาวเล่าเรื่องราวให้ฟัง จึงขอให้เพื่อนช่วยนำตัวส่งรักษาที่ รพ.กรุงเทพพัทยา 

“ปกติที่บ้านจะเลี้ยงสุนัขไว้ 2 ตัว และมักจะเห่าคนแปลกหน้าเสมอ แต่จากคำบอกเล่าของลูกสาวที่ยืนยันว่า ในขณะเกิดเหตุไม่ได้ยินสุนัขเห่าแต่อย่างใด จึงรู้สึกแปลกใจสงสัยว่าน่าจะเป็นฝีมือคนใกล้ชิด ซึ่งหากเป็นการกระทำของลูกชายคนโต ก็คงต้องปล่อยให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย” น.ส.นงเยาว์ กล่าว

ด้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้น ได้ตรวจปัสสาวะนายมาโนชญ กับนายอรรถพล พบว่าทั้งคู่มีสารเสพติดในร่างกาย จึงควบคุมตัวไว้ทำการสอบสวน เพราะคำให้การขัดแย้ง และพิรุธหลายอย่าง

พร้อมกับเก็บรวบรวมหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสายชาร์จโทรศัพท์-เสื้อชั้นใน และหลอดกาวตราช้างที่คนร้ายทิ้งไว้ในห้องเก็บเครื่องมือช่าง ซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียวที่ปลูกสร้างเพิ่มเติมอยู่บริเวณข้างบ้าน และอยู่ติดกับห้องพักของนายมาโนชญ กับนายอรรถพล รวมถึงเก็บหลักฐานพยานวัตถุ ทั้งเสื้อผ้า และของใช้ส่วนตัวของทั้ง 2 คน ไปตรวจดีเอ็นเอเปรียบเทียบกัน

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบเค้นอย่างหนัก นายมาโนชญ จึงให้การรับสารภาพว่า เป็นคนร้ายที่ก่อเหตุพยายามจะขืนใจน้องสาวต่างบิดา ในขณะที่นอนหลับ เพราะเห็นว่าน้องหน้าตาดี

ประกอบกับก่อนหน้านี้ได้เสพยาบ้าและดื่มเบียร์ จนเมาได้ที่จึงเกิดอารมณ์ทางเพศ จึงวางแผนเผด็จศึกด้วยการหาหมวกไหมพรมมาสวมปิดบังใบหน้า แล้วคว้ากาวจากในห้องเก็บเครื่องมือติดมาด้วย ก่อนลงมือต่อยท้องน้องสาวไป 1 ที แล้วพันธนาการด้วยเสื้อชั้นในและสายชาร์จโทรศัพท์มือถือ เพื่อหวังลงมาบังคับขืนใจ

แต่น้องสาวขอร้องไม่ให้ล่วงละเมิดทางเพศ ภายหลังจึงเกิดได้สติเลยไม่ได้ขืนใจอย่างที่หวังไว้ จึงจับน้องสาวขังไว้และคว้าโทรศัพท์ติดมือไปแล้วรีบขับขี่มอเตอร์ไซค์หนีไป ก่อนทิ้งช่วงเวลาสักพักแล้วขับย้อนกลับมาบ้านทำทีว่าเพิ่งกลับจากทำธุระ แต่สุดท้ายตำรวจสอบเค้นหนักจึงยอมรับสารภาพดังกล่าว

ในส่วนอาการของ น.ส.นภสร ที่ถูกใช้กาวหยอดตา นางสาวนงเยาว์ มารดาเปิดเผยว่า เบื้องต้น แพทย์ได้รักษาจนสามารถลืมตาได้แล้วและอนุญาตให้กลับมาพักผ่อนที่บ้านได้ แต่ต้องกลับไปตรวจซ้ำอีกรอบในวันพรุ่งนี้ คดีนี้ถึงแม้คนร้ายจะเป็นลูกชายแท้ๆ แต่ตนเห็นว่าการกระทำในครั้งนี้ เกินไปจึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีไปตามตัวบทกฎหมาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook