งามหน้า! "ปูนปั้นขบวนรถไฟ" เก้าอี้หักล้มทับเด็ก พ่อแม่โวยไร้ความปลอดภัย ใช้งบสร้างกว่าร้อยล้าน

วันที่ 15 สิงหาคม 2561 นายวิศาล เพชรคง อดีตนายอำเภอหลายท้องที่ และอดีตกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดตรัง เดินทางไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเก้าอี้รถไฟปูนปั้นของโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์เส้นทางท่องเที่ยวทางรถยนต์สู่สุดปลายทางรถไฟอันดามัน

ที่เป็นการปั้นจำลองขบวนรถไฟสุดปลายทางทะเลฝั่งอันดามันเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย หุ่นแม่ค้า พ่อค้า ที่ค้าขายในอำเภอกันตัง ที่รับเหมาโดยบริษัท เมธมณี จำกัด จ.ปทุมธานี

เริ่มสัญญาก่อสร้าง 28 กรกฎาคม 2560 วันสิ้นสุดสัญญา 24 มีนาคม 2561 งบประมาณกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน จำนวน 29,910,558 บาท

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเย็นวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ทางครอบครัวคือ ลูกสาวได้นำหลานๆ โดยในนั้นคือ น้องเอ (นามสมมุติ) หลานสาวของตนเอง อายุเพียง 8 ขวบ มาถ่ายรูปและเล่นพักผ่อนที่บริเวณหุ่นปูนปั้นขบวนรถไฟ

และเด็กๆ ได้ปีนขึ้นไปนั่งเล่นภายในโบกี้รถไฟที่มีการปั้นเก้าอี้จำลองไว้ด้วย แต่ระหว่างที่เด็กๆ นั่งเล่นบนเก้าอี้ ปรากฏว่าเก้าอี้ปูนปั้นตัวหนึ่งที่มีน้ำหนักหลายกิโลกรัมได้หักล้มทับเด็ก

แต่โชคดีที่เด็กตัวเล็กไปอยู่ในช่องว่างระหว่างเก้าอี้ บริเวณที่นั่งได้ค้ำยันไม่ให้เก้าอี้ทั้งตัวทับลงมาที่ศีรษะและลำตัวเด็ก ไม่เช่นนั้นจะเกิดความสูญเสียเกิดขึ้น เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เด็กได้รับบาดเจ็บ ปวดศีรษะด้านซ้าย ศีรษะบวมปูด ปวดไหล่ และปวดร้าวระบบบริเวณต้นคอ

ทางครอบครัวต้องรีบพาส่งโรงพยาบาล โดยแพทย์ได้ทำการเอกซเรย์สมองย่างละเอียด โชคดีที่ไม่เป็นอันตรายกับสมอง แพทย์จึงให้ยาไปรับประทาน และออกใบรับรองแพทย์ให้หยุดเรียนเป็นเวลา 2 วัน เพื่อสังเกตอาการ ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลไปรวมกว่า 10,000 บาท

นายวิศาล เพชรคง ซึ่งเป็นคุณตาของหลาน ได้เดินทางมาดูจุดเกิดเหตุถึงกับตกใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเก้าอี้ปูนปั้นที่หักล้มทับหลานสาว อายุเพียง 8 ขวบ มีน้ำหนักมาก โครงสร้างไม่มีความแข็งแรง

โดยเหล็กไม่ได้ยึดติดกับโบกี้รถไฟ ทำให้เก้าอี้หักลงมาเพราะไม่มีเหล็กยึด ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องอันตรายมาก การก่อสร้างไม่คำนึงถึงความปลอดภัย เพราะตัวเก้าอี้ที่ปั้นนั้น เพียงแค่วางไว้แล้วใช้ปูนฉาบให้ยึดเกาะกับพื้นโบกี้ โดยไม่มีเหล็กเสริมเพื่อยึดโยงให้แข็งแรงอย่างที่ควรจะเป็น

ซึ่งจะเป็นอันตรายกับเด็กๆ และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวเข้าไปชมอย่างมาก ทั้งนี้เกรงจะเกิดอันตรายกับเด็กคนอื่นๆ และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพราะสร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวการท่องเที่ยวซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 4 ตัว หักชำรุดแล้ว 3 ตัว

แต่ขณะนี้ทุกอย่างรวมทั้งหุ่นปูนปั้นบริเวณโดยรอบโบกี้รถไฟ ก็อยู่ในสภาพไม่ปลอดภัย ชำรุดแตกหัก รูปปั้นคนจมูกแหว่ง คันหามหัก ถ้วยชามจำลองแตกหัก ฐานหุ่นแตกทรุด ทั้งที่การก่อสร้างเพิ่งแล้วเสร็จเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

พร้อมตั้งคำถามไปถึงคนรับผิดชอบโครงการคือแขวงทางหลวงตรังว่า เป็นผู้ที่มีความชำนาญด้านโครงสร้างวิศวกรรม ทำไมไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผลงานชิ้นดังกล่าว โครงสร้างเก้าอี้ไม่มีการฝังเหล็กให้ยึดโยงติดกันแต่อย่างใดเลย พอเด็กๆ ขึ้นนั่งแล้วโยก ก็หักล้มเป็นอันตรายมาก

โดยระบุว่า เมื่อมาเห็นสภาพแล้ว ทำใจให้ยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ โชคดีที่หลานสาวแค่บาดเจ็บ ไม่เป็นอันตรายต่อสมอง และเตรียมยื่นเสนอ ปปช. ให้ทำการตรวจสอบโครงการ และการใช้งบประมาณทั้งหมดว่า เป็นการละเลงงบประมาณให้สูญเปล่า หรือคุ้มค่าเกิดประโยชน์จริงหรือไม่

นายสมัคร เลือดวงหัด ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงตรัง หลังรับแจ้งจึงได้รีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที พร้อมยกมือไหว้กล่าวขอโทษนายวิศาล และครอบครัวหลายครั้ง

โดยชี้แจงว่า ความจริงแล้วผลงานทุกชิ้นที่สร้างมาแข็งแรงทนทาน เพราะมีการคำนึงถึงและทดสอบแล้ว แต่ระยะหลังคนสวนของบริษัทผู้รับเหมาเห็นวัยรุ่นเข้ามาทำลาย ทำให้เก้าอี้ชำรุด รวมทั้งหุ่นปูนปั้นตัวอื่นๆ ด้วย

พร้อมประสานให้บริษัทรับเหมา ซึ่งยังอยู่ระหว่างสัญญาเร่งส่งช่างเข้ามาปรับปรุงซ่อมแซมให้สมบูรณ์ปลอดภัยในทันที และจะตรวจสอบสภาพหุ่นปูนปั้นทั้ง 4 จุด ตามโครงการก่อสร้างประติมากรรมหุ่นปูนปั้นทั้ง 4 จุดโดยด่วนที่สุด เพื่อให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงการก่อสร้าง ก่อสร้างประติมากรรมหุ่นปั้น 4 มุมเมือง ผ่านการปรับภูมิทัศน์และส่งเสริมเชื่อมโยงการท่องเที่ยวฝั่งอันดามัน

โดยงบประมาณยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เป็นงบประมาณเพิ่มเติมปี 2560 จุดละกว่า 29.9 ล้านบาท รวมทั้งหมด 119,617,272 บาท รับผิดชอบโดยสำนักงานแขวงทางหลวงตรัง ระยะเวลาดำเนินการเริ่มตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2560 สิ้นสุดสัญญา 24 มีนาคม 2561

ซึ่งที่ผ่านมามีหลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ และตั้งข้อสังเกตว่า เป็นโครงการที่ใช้งบประมาณสูงมาก จะคุ้มค่าจริงหรือไม่จนเป็นข่าวมาแล้ว เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และมีการร้อง สตง. ให้ทำการตรวจสอบด้วย