เถียงเรื่องประหยัดไฟ! ลูกชายฆ่าพ่อวัย 70 อ้างแค่ผลักหน้าอก-ไม่นึกว่าจะตาย
(15 ส.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. พ.ต.อ.พารินท จันทร์เลิศ ผกก.สภ.พรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายสืบสวน เจ้าหน้าที่จราจร และทหารฝ่ายปกครอง รวมกว่า 30 นาย จาก สภ.พรหมบุรี ได้นำตัว นายภาณุมาศ อายุ 37 ปี มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพว่าเป็นผู้ต้องหาฆ่า นายนคร วัย 70 ปี ผู้เป็นพ่อแท้ๆ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2561 จนมีผู้พบศพนายนคร ในวันที่ 14 สิงหาคม 2561 ภายในบ้าน ในสภาพนอนหงาย ลิ้นจุกปาก มีร่องรอยบาดแผลที่บริเวณศีรษะและลำคอ สภาพศพเน่าส่งกลิ่นเหม็น และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตาม นายภานุมาศ ผู้เป็นลูกชายซึ่งปกติอาศัยอยู่กับผู้ตายและหลังจากดื่มสุราด้วยกัน ลูกชายชอบทำร้ายร่างกายผู้เป็นพ่ออยู่เป็นประจำ และได้หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา นำตัวมาสอบสวนและได้ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ
การทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยมีชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงมามุงดูการทำแผนกว่า 100 คน โดยเริ่มจากที่ทั้งคู่นั่งดื่มสุราอยู่ภายในบ้านพักด้วยกัน จากนั้น นายนคร ผู้เป็นพ่อ ได้ดุด่าว่ากล่าว ตักเตือน เรื่องที่ นายภาณุมาศ ชอบเปิดไฟทิ้งไว้ไม่ช่วยกันประหยัด ทำให้ทั้งคู่โต้เถียงกันจนกระทั่งเกิดการลงไม้ลงมือกัน นายนคร ผู้เป็นพ่อพลาดท่า สู้แรงลูกชายไม่ไหว จึงหันไปหยิบขวดเหล้าขาวมาจะตีที่ศีรษะลูกชาย แต่ นายภาณุมาศ หลบได้ทัน พร้อมใช้มือผลักไปที่หน้าอกนายนคร จนผู้เป็นพ่อเสียหลักล้มลงศีรษะด้านท้ายทอยไปฟาดเข้ากับขอบปูน
จากนั้นทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปโดย นายนคร ล้มตัวนอนลงบริเวณหน้าห้องน้ำก่อนจะเสียชีวิตลง ส่วน นายภาณุมาศ ลูกชายก็ออกจากบ้านไป จนเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา นายภาณุมาศ กลับมาที่บ้านพบว่า นายนคร ผู้เป็นพ่อเสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งให้ญาติๆ ทราบ ส่วน นายภานุมาศ ได้หลบหนี โดยบอกว่าไม่คาดคิดว่าพ่อจะเสียชีวิต คิดว่านอนหลับไปเฉยๆ
ด้าน พ.ต.อ.พารินท จันทร์เลิศ ผกก.สภ.พรหมบุรี กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สายสืบของ สภ.พรหมบุรี ได้ออกหาข่าวและสามารถติดตามตัว นายภาณุมาศ มาได้ ขณะนั่งอยู่ที่ศาลาพักผู้โดยสารเขตอำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี จึงนำตัวมาสอบสวน กระทั่งรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าว เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยไม่เจตนาไว้ก่อน ซึ่งหากผลการตรวจพิสูจน์การเสียชีวิต ออกมาแล้วขัดแย้งต่อคำให้การ หรือมีบาดแผลที่ชี้ชัดว่าเป็นการฆ่าโดยเจตนา ก็จะแจ้งข้อหาเจตนาฆ่าผู้อื่นต่อไป