คารีสอร์ต! รวบแก๊งเดินสายจี้ชิงทรัพย์ เจ้าตัวรับทำมาแล้วหลายครั้ง อ้างไม่มีงานทำ
วันที่ 15 ส.ค. 61 เมื่อเวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ปราโมทย์ สิมหลวง ผกก.สภ.หินดาด พ.ต.ท.อถรรกร วิเชียรรัตน์ รอง.ผกก.สส.สภ.หินดาด พ.ต.ท.สุรศักดิ์ ลาวัณย์วืสุทธิ์ รอง.ผกก. (ป) สภ.หินดาด พ.ต.ต.ธราธิป มุณีชัย สว.สส.สภ.หินดาด ร.ต.อ.ยศวร เลขุนทด รอง.สว.สส.สภ.หินดาด พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนอีกจำนวนหนึ่ง
เดินทางเข้าโอบล้อมรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลอำเภอด่านขุนทด เพื่อเข้าจับกุมตัวนายสายชล อายุ 38 ปี และนายเอ อายุ 17 ปี (นามสมมุติ) หลังจากก่อเหตุปล้นจี้ชิงทรัพย์แล้วหลายครั้ง โดยมีเจ้าทุกข์เดินทางเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.หินดาด แล้วหลายราย
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่หาข่าวคนร้ายแก๊งนี้ทราบว่า หลังประกอบเหตุ มักจะเข้าไปพักหลบซ่อนตัวที่รีสอร์ตดังกล่าวเป็นประจำ หลังจากทราบความเคลื่อนไหวแน่ชัดของคนร้ายดังกล่าวแล้ว เจ้าหน้าที่จึงวางกำลังเข้าล้อมรีสอร์ตดังกล่าว และสามารถควบคุมตัวคนร้ายได้โดยละม่อม
เจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้นพบสร้อยคอทองคำหนักสองสลึง โทรศัพท์มือถือจำนวน 5 เครื่อง พระเครื่อง 9 องค์ และพบบัตรประจำตัวประชาชน บัตรประจำตัวนักเรียน ระดับชั้นมัธยมปลาย ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอด่านขุนทด
จากการสอบสวนนายสายชล ยอมรับว่าได้ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง และเคยก่อเหตุในเขตพื้นที่จังหวัดลพบุรี ถูกจับกุมในคดีปล้นจี้ชิงทรัพย์และถูกจำคุกที่จังหวัดลพบุรี 7 ปี
หลังจากพ้นโทษออกจากคุกมาได้ไม่นาน ตนเองไม่รู้จะทำมาหากินอะไร เลยหันมาประกอบอาชีพเดิมอีกหลายครั้ง และเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 61 เวลา ประมาณ 18.00 น. ที่ผ่านมา
ตนได้ขับรถจยย. เข้าประกบและใช้อาวุธปืนปลอม ขับขี่รถปาดหน้ารถจยย. ของนางรัตนา อายุ 37 ปี แล้วเข้าประกบตัวใช้ปืนปลอมจี้บังคับให้หยุดรถ และชิงทรัพย์บนถนนทางเข้าบริษัทแห่งหนึ่ง ได้ทรัพย์สินเพียงโทรศัพท์มือถือยี่ห้อหัวเหว่ย จำนวน 1 เครื่อง
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 61 คนร้ายทั้งสองราย ได้ขับขี่รถจยย. คันเดียวกัน สวมหมวกไอ้โม่งทั้งคู่ ได้ขี่รถจยย. เพื่อมองหาเหยื่อไปตามถนนสายห้วยบง-บ้านค่ายทะยิง
ถึงบริเวณพื้นที่บ้านหนองยารักษ์ พบนางยุพิน อายุ 45 ปี ขณะขี่รถจยย. พ่วงข้างสวนทางผ่านมา คนร้ายดังกล่าวได้ขี่รถจยย. เข้าไปขวางหน้า พร้อมชักอาวุธปืนบีบีกัน ขู่บังคับให้ถอดสร้อยทองคำน้ำหนักสองสลึง และบังคับให้ส่งกระเป๋าถือจากมือนางยุพิน
ซึ่งภายในกระเป๋าประกอบด้วย โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุงจำนวน 1 เครื่อง พระเครื่องต่างๆ จำนวน 9 องค์ เงินสดจำนวน 500 บาท ด้วยความกลัว นางยุพินจึงปลดทรัพย์สินให้แก่คนร้ายไปด้วยความหวาดกลัว เกรงว่าจะถูกทำร้ายหากทำการขัดขืน
จากนั้นได้ขี่รถจยย. เข้าไปขอความช่วยเหลือจาก นายสงคราม อ่อนตา ผู้ใหญ่บ้านหนองยารักษ์ หมู่ 24 ต.หินดาด หลังรับแจ้ง นายสงครามได้โทรแจ้งตำรวจ 191
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.หินดาด ได้ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนหาข่าวทันที และทราบว่าคนร้ายทั้งสองเป็นใคร หลังประกอบเหตุแล้วมักจะไปกบดานอยู่ที่รีสอร์ตดังกล่าว
นายสายชลกล่าวว่า หลังจากเข้าพักที่รีสอร์ตเรียบร้อยแล้ว ก็จะเรียกนักเรียนหญิงระดับมัธยมปลายโรงเรียนแห่งหนึ่งที่เป็นคู่ขากันมาหา และใช้ให้ไปซื้อยาบ้ามาจำนวน 10 เม็ดมาร่วมกันเสพยาบ้า
ตนเองกับนายเอเพื่อนร่วมแก๊ง แบ่งมาเสพคนละ 2 เม็ด อีก 6 เม็ดได้มอบให้นักเรียนหญิงทั้งสองคนเป็นผู้เสพ และมั่วสุมกันตลอดทั้งคืน รุ่งเช้านักเรียนหญิงทั้งสองคนไปเรียนหนังสือตามปกติ ส่วนตนเองนอนพักผ่อนภายในรีสอร์ตดังกล่าว จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาล้อมจับกุมได้ดังกล่าว
พ.ต.อ.สันติ เหล่าประทาย รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดนครราชสีมา หลังได้รับรายงานการจับกุมคนร้ายทั้งสองได้ดังกล่าว ได้เดินทางมาสอบสวนด้วยตัวเอง
พร้อมกล่าวเตือนผู้เสียหายว่า จะเดินทางไปไหนอย่าเดินทางไปคนเดียว เอาคนที่เป็นผู้ชายไปด้วย อย่างน้อยคนร้ายมันยังเกรงบ้าง จากการสังเกตพบว่า คนร้ายมักจะเลือกประกอบเหตุกับผู้หญิงที่เดินทางมาคนเดียว ก่อนออกเดินทางควรจะกลัวเอาไว้ก่อน จะได้ระวังตัว
สำหรับคนร้ายรายนี้ จากการสอบประวัติแล้วเคยต้องโทษจำคุกในคดีเดียวกันที่จังหวัดลพบุรี ที่เจ้าทุกข์มาชี้ตัวจำนวน 3 ราย ศาลจังหวัดลพบุรีสั่งจำคุกนาน ถึง 7 ปี และที่เจ้าทุกข์ไม่กล้ามาชี้ตัวอีกกี่รายก็ไม่ทราบ
ออกจากคุกมาได้ไม่นาน ก็มาก่อเหตุซ้ำอีก ขณะนี้ยังมีผู้เสียหาย โทรเข้ามาสอบถามที่ สภ.หินดาด อีกหลายราย คาดว่าจะต้องมีผู้เสียหายเดินทางเข้ามาชี้ตัวอย่างแน่นอน
มีรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. วันเดียวกัน ร.ต.อ.วินัย สุขภิรมย์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีดังกล่าว หลังจากทำการสอบสวนเสร็จสิ้นได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายเข้าไปยังห้องควบคุมชั้นสองของ สภ.หินดาด
แต่ปรากฏว่านายสายชลได้วิ่งหลบหนีไปขณะนำตัวเข้าห้องควบคุม ท่ามกลางความมืดมิดต่อหน้าต่อตาเจ้าหน้าที่ ทั้งที่ในมือสวมกุญแจมืออยู่ เจ้าหน้าที่ทั้งสภ.หินดาด จึงได้ออกติดตามไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด และประสานขอความร่วมมือไปยัง สภ.ต่างๆ ที่อยู่ใกล้เคียง คาดว่าคงจะหนีไปได้ไม่ไกลนัก