รวบแล้ว! เเท็กซี่มหาภัย ฉกทรัพย์ผู้โดยสารเมาหลับ กวาดทรัพย์สินนับแสนบาท

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม เวลา 20.45 น.ที่ผ่านมา ได้มีผู้เสียหายเป็นชายสองรายเดินทางมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ว่าเวลาประมาณ 02.00 น.วันเดียวกัน ได้เรียกรถแท็กซี่สีชมพู-ขาว เพื่อโดยสารกลับบ้านพักย่านพุทธมณฑลสาย 2 แขวงศาลาธรรมสพ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร

เมื่อผู้เสียหายขึ้นรถแล้วเผลอหลับไป รู้สึกตัวอีกที ปรากฏว่าอยู่บริเวณป้ายรถประจำทาง ริมถนนบรมราชชนนี แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร จึงได้เรียกรถแท็กซี่อีกคันเพื่อไปส่งที่บ้าน กระทั่งเมื่อถึงบ้านตรวจสอบ ปรากฏว่านาฬิกาข้อมือยี่ห้อดังราคาเเพงที่ผู้เสียหายทั้งสองสวมใส่อยู่ได้หายไป จึงเดินทางมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ

จากนั้นตำรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ ได้สอบปากคำผู้เสียหายทั้งสอง แล้วเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ รวมทั้งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ และบริเวณใกล้เคียง จนทราบว่ารถคันที่ใช้ก่อเหตุคือ รถยนต์แท็กซี่ คันสีชมพู-ขาว หมายเลขทะเบียน ทษ-9029 กรุงเทพมหานคร มี นายอานนท์ เป็นผู้ขับขี่และเป็นผู้ก่อเหตุลักนาฬิกาของผู้เสียหายดังกล่าว แล้วหลบหนีไป

ล่าสุดวันนี้ (19 ส.ค.) ตำรวจสน.ทองหล่อ สามารถจับกุมตัว นายอานนท์ ผู้ต้องหาโชว์เฟอร์แท็กซี่รูดทรัพย์ผู้โดยสารได้ที่กลางซอยลาดพร้าว 101 แยก 47 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

จากการตรวจสอบประวัติของ นายอานนท์ พบว่าเคยก่อเหตุลักทรัพย์ ในพื้นที่ สน.ลาดพร้าว เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน58 และเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1750/2561 ลงวันที่ 6 สิงหาคม 61 ในข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” และจากการสอบสวน นายอานนท์ ให้การยอมรับสารภาพว่าหลังจากได้นาฬิกาแล้ว ตนได้ติดต่อกับนายสุรสีห์ หรือ ริน ผ่านทางแอฟิเคชั่นไลน์ เพื่อให้ นายสุรสีห์ มาพบบริเวณริมถนนราชพฤกษ์และช่วยนำนาฬิกาดังกล่าวไปขายแล้วนำเงินมาแบ่งกัน หลังจากนั้นประมาณ 2-3 วัน นายสุรสีห์ได้ติดต่อกลับมาว่าได้ขายนาฬิกาดังกล่าวให้กับนายอาเหลียง (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) ย่านแจ้งวัฒนะ ในราคา 175,000 บาทเรียบร้อย จึงโอนเงินที่ได้จากการขายนาฬิกาเข้าบัญชี ของนายอานนท์ จำนวน 130,000 บาท จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกับ นายสุรสีห์ อีกแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อต่อคำให้การ ต้องทำการสอบสวนขยายผลอีกครั้ง เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป