ป้าใจเด็ด ขี่รถตามโจรลัก "ถังเผาถ่าน" สุดท้ายโจรล้อหลุดไปต่อไม่ได้ โดนรวบคาที่

ป้าใจเด็ด ขี่รถตามโจรลัก "ถังเผาถ่าน" สุดท้ายโจรล้อหลุดไปต่อไม่ได้ โดนรวบคาที่

ป้าใจเด็ด ขี่รถตามโจรลัก "ถังเผาถ่าน" สุดท้ายโจรล้อหลุดไปต่อไม่ได้ โดนรวบคาที่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันที่ 19 สิงหาคม 2561 เมื่อช่วงสาย พ.ต.ท.ยันต์ยงค์ นามโคตร สว. (สอบสวน) สภ.เมืองยโสธร รับแจ้งเหตุหญิงวัยกลางคนขับรถจักรยานยนต์ไล่ตามคนร้ายขโมยถังขนาด 200 ลิตร ใช้สำหรับเผาถ่าน หนีไปตามถนนแจ้งสนิท ปากทางเข้าบ้านพลับ ต.ขั้นได่ใหญ่ อ.เมืองยโสธร

จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย ร.ต.อ.จิตฐพล ธิมาชัย รอง สวป.สภ.เมืองยโสธรและชุดสายตรวจตำบล ในที่เกิดเหตุพบนางพิชญาภัค อายุ 53 ปี อาชีพทำสวน ยืนให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมรถจักรยานยนต์คู่ใจว่า

ตนทำงานอยู่ท้ายสวน ได้เห็นคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์นั่งมาด้วยกัน 2 คนพร้อมกับมีล้อพ่วงข้างหลังมาด้วย เดินเข้ามาขโมยถังเหล็กที่ใช้เผาถ่านขนาด 200 ลิตร ที่ตนวางไว้ในบริเวณหน้าบ้านพัก

จึงรีบวิ่งไปหาชายดังกล่าวบอกให้เอาถังตนคืนมา คนร้ายรีบวางถังคืนให้แล้วขับรถพ่วงล้อเผ่นหนี แต่ตนไม่พอใจมากเนื่องจากสิ่งของเครื่องใช้ตนได้ถูกขโมยเป็นประจำ

จึงรีบขึ้นรถจักรยานยนต์ของตนเองเพื่อขับตามคนร้ายดังกล่าวไปตามถนนแจ้งสนิท มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองยโสธร พร้อมทั้งตะโกนตลอดทางให้จอดรถเดียวนี้

จนกระทั่งมาถึงปากทางเข้าหน้าบ้านพลับ เป็นระยะทางกว่า 7 กิโลเมตร ล้อพ่วงของคนร้ายได้เกินหลุดไป 1 ข้าง ทำให้ไปต่อไม่ได้ จากนั้นตนจึงรีบลงจากรถเพื่อจะต่อว่า แต่คนร้ายอีก 1 คนที่ขับรถจักรยานยนต์ได้ขับรถออกหนีไปอย่างรวดเร็ว และทิ้งให้นายปรีชาคนร้ายอีกรายหนึ่ง อยู่กับล้อเข็นที่หลบหนีไปไหนไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ตนจะไม่ยอมความแน่นอน เนื่องจากอยากทำให้คนร้ายรู้สำนึกผิดบ้าง ถึงจะเป็นของราคาไม่สูงมาก แต่ก็ใช้เป็นเครื่องมือทำมาหากินมาตลอด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจฉี่ผู้ก่อเหตุ ปรากฏว่าเป็นสีม่วง และควบคุมตัวนายปรีชา พร้อมของกลางไปสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นายปรีชาคนก่อเหตุให้การว่า ตนเคยติดคุกมาแล้ว 12 ครั้งในคดีเสพสารเสพติด กระทั่งออกมาจึงมีอาชีพหาของเก่า เพื่อนำไปขายได้เงินมากินเหล้ากับเพื่อน ตนได้ตระเวนหาของเก่า

จนกระทั่งไปพบถังดังกล่าวที่บ้าน จึงรีบเข้าไปเอามาไว้บนรถเข็นสองล้อ ก่อนจะมีเจ้าของบ้านมาพบ ตนจึงรีบนำถังดังกล่าวลงมาวางไว้หน้าบ้าน ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์พร้อมกับพ่วงรถเข็นคันดังกล่าวออกจากที่เกิดเหตุ

กระทั่งมารู้ว่ามีรถของนางพิชญาภัคตามมาตลอด จนกระทั่งรถเข็นของตนล้อหลุดจนไปต่อไม่ได้ ส่วนเพื่อนสนิทที่มาด้วยได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป โดยตนได้คืนถังไปแล้วจึงคิดว่าไม่เป็นความผิด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook