ไม่ทันเห็น! "รถห้องเย็น" ชนท้าย "สิบล้อบรรทุกไม้" ดับ 1 เจ็บ 1 เก๋งพังยับ 2 คัน

วันที่ 21 ส.ค. 2561 ที่ จ.สุพรรณบุรี ร.ต.อ.ณรงค์กรณ์ ปาละกะวงศ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุรถชนกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตติดภายในรถที่ถนนสายสุพรรณบุรี–บางบัวทอง หมู่ 7 ต.สาลี

จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิเสมอกันกู้ภัยสุพรรณบุรีและเครื่องมือตัดถ่าง ที่เกิดเหตุบริเวณสะพานทรงกระเทียม พบรถห้องสิบล้อเย็นยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน 81-7737 สมุทรสาคร จอดอยู่ริมถนน

สภาพหน้ารถมีรอยชนพังยับเยิน บริเวณเบาะซ้ายคู่คนขับพบร่างนายโยธิน อายุ 47 ปี ถูกคอนโซลหน้ารถและเสาหลังคารถอัดติดกับเบาะนั่ง สภาพใบหน้ายุบ แขนขวาและขาซ้ายหัก มีแผลตามร่างกายจากเศษกระจกและเศษเหล็กบาด อาการสาหัส

และ น.ส.รัชนี อายุ 35 ปี ได้รับบาดเจ็บที่มือซ้าย เจ้าหน้าที่จึงใช้เครื่องมือตัดถ่างช่วยนำร่างออกมาช่วยปั๊มหัวใจและปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนรีบนำส่ง รพ.บางปลาม้า แต่นายโยธินเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกสิบล้อยี่ห้อฮีโน่สีขาว ทะเบียน 81-6268 ชัยนาท บรรทุกท่อนไม้ยูคาเต็มคันจอดอยู่ ที่ท้ายรถมีรอยถูกชน ไฟท้ายด้านขวาแตกเสียหายเล็กน้อย แต่ที่พื้นถนนบนสะพานมีท่อนไม้ตกกระจายเกลื่อน

ทำให้รถยนต์เก๋งยี่ห้อโยต้าคัมรี่ สีดำ ทะเบียน กจ6987 ชัยนาท มีนายมานพ อายุ 50 ปี เป็นคนขับพาครอบครัวมาจาก จ.นครสวรรค์ มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ และรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า โซลูน่าสีฟ้า ทะเบียน พน1189 กรุงเทพ ขับมาตามถนนสายดังกล่าวหักหลบไม่ทัน พุ่งชนท่อนไม้ที่ตกขวางถนนทำให้รถพังเสียหายโชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

จากการสอบสวนนายปรีดี อายุ 31 ปี คนขับรถห้องเย็นให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมด้วย นายโยธิน ผู้ตาย น.ส.รัชนี ภรรยาของตนและเด็กท้ายรถอีก 1 คนรวมเป็น 4 คน นำอาหารทะเลไปส่งให้ลูกค้าที่ จ.เชียงราย กำลังมุ่งหน้ากลับบ้านที่ จ.สมุทรสาคร

เมื่อขับรถมาถึงจุดเกิดเหตุบริเวณกลางสะพาน ตนมองไม่เห็นรถบรรทุกไม้ซึ่งมีนายประวิทย์ อายุ 58 ปี ขับอยู่ด้านหน้า ตนพยายามหักหลบแต่ไม่พ้นจึงชนเข้ากับท้ายรถบรรทุกไม้อย่างแรง ทำให้นายโยธินซึ่งเป็นทั้งเด็กท้ายรถและคนขับมือสองเสียชีวิต ส่วนภรรยาของตนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหานายปรีดี ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทรัพย์สินเสียหาย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป